ค้นหาแม่บ้านรายวัน รายชั่วโมง รายสัปดาห์
คุณภาพสูงสุดสำหรับทำความสะอาดบ้านและออฟฟิศ
ให้บริการไปแล้วมากกว่า 50,000 ครั้ง
ตรวจประวัติอาชญากรรม
ผ่านการอบรมคุณภาพ
แม่บ้านมีประสบการณ์
มีส่วนลดสูงสุด 18%
พื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล
มีทีมงานบริการลูกค้า
แม่บ้านรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์
หาแม่บ้านรายวันสำหรับครั้งเดียวหรือซื้อแพ็คเกจพร้อมส่วนลด 5-18% สำหรับแม่บ้านรายสัปดาห์ แม่บ้านประจำ
แม่บ้านทุกคนผ่านการคัดกรองสัมภาษณ์ ตรอจสอบประวัติอาชญากรรม การฝึกอบรม และควบคุมคุณภาพ
เจ้าหน้าที่จะหาแม่บ้านทดแทนในกรณีฉุกเฉิน (เช่น ป่วย อุบัติเหตุ ฯลฯ)
แม่บ้านอันดับสูงสุด
รีวิวจากคุณลูกค้า
ตั้งแต่เริ่มใช้บริการจาก Bluuu ก็หมดความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องแม่บ้านเลยค่ะ! เป็นแม่บ้านที่ขยัน เชื่อถือได้ และมีทักษะการทำความสะอาดที่ยอดเยี่ยม! ดิฉันยังค้นพบว่าการจองแบบแพ็คเกจนั้นได้ประโยชน์มาก เพราะมีทั้งส่วนลด ทั้งยังสามารถจองและเปลี่ยนแปลงตารางได้ง่ายผ่านระบบเว็บไซต์ภายในระยะเวลาที่กำหนดอีกด้วย ดิฉันจึงอยากแนะนำให้มาใช้บริการนี้เพราะมันตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการได้ดีมากเลยค่ะ!
Miho
เมื่อก่อนผมเคยใช้บริการที่คล้ายๆกับบริการนี้ และประสบปัญหาเรื่องความไม่น่าเชื่อถือของแม่บ้านมาหลายคน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดวงของคุณไป แต่ผมประทับใจจริงๆบริการจาก Bluuu ที่มีการตรวจสอบและรับรองความน่าเชื่อถือของแม่บ้านมาอย่างละเอียด ทั้งยังง่ายต่อการจอง และคุณภาพของแม่บ้านก็ดีกว่าบริการอื่นๆ ด้วยครับ การบริการลูกค้าของที่นี่ดีมาก ผมแนะนำบริการนี้เป็นอย่างยิ่งเลยครับ
David
จากที่ได้ใช้บริการแม่บ้าน Bluuu มาอย่างต่อเนื่อง ประทับใจการทำงานของแม่บ้านเป็นอย่างมาก สะอาด รวดเร็ว พูดเพราะ ตรงต่อเวลา และมีความรับผิดชอบตั้งใจทำงาน คิดว่าจะใช้บริการแม่บ้าน Bluuu ต่อไปเรื่อยๆค่ะ
Mint
ทางเราได้ใช้บริการแม่บ้านของ bluuu มาซักระยะหนึ่ง ค่อนข้างพอใจกับบริการ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน หรือในตัวเว็บไซต์ของ bluuu เนื่องจากค่อนข้างใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ส่วนตัวแม่บ้านที่มาให้บริการ ก็ค่อนข้างมีมารยาท และ ทำงานค่อนข้างดี รวดเร็ว ตามกำหนดเวลาค่ะ
Anny
ใช้งานง่าย ช่วยให้หาแม่บ้านมืออาชีพทั้งแบบทำความสะอาดที่บ้านและธุรกิจที่ถูกใจได้ไวครับ ส่วนตัวใช้งานมากว่า 1 ปีแล้ว ราคาดีสมเหตุสมผล ทำการจองไม่ยุ่งยาก แถมมีฟังก์ชั่นช่วยจองซ้ำในวัน-เวลาที่ต้องการได้ง่ายมากๆครับ แนะนำเลยครับ 😊
Ra
เราได้ใช้บริการแม่บ้านจาก Bluuu ซึ่งแม่บ้านที่มาทำความสะอาดทำงานได้ดีเยี่ยม มีประสิทธิภาพ และซื่อสัตย์ รวมไปถึงการใช้บริการในราคาที่เข้าถึงได้เมื่อเทียบกับการจ้างแม่บ้านเอง นอกจากนี้ยังมี Feature ที่มีความหลายหลายไม่เหมือนใครที่ตอบโจทย์ด้านการทำความสะอาดได้ดีที่สุด
Mark
สิ่งที่ดิฉันชอบมากสำหรับบริการนี้คือ การที่ดิฉันสามารถเลือกให้แม่บ้านคนเดิมมาทำความสะอาดในทุกสัปดาห์ตามต้องการโดยไม่จำเป็นต้องผูกกับวันหรือเวลาที่เฉพาะเจาะจงเลยค่ะ อย่างไรก็ตามหากพวกเขาไม่สะดวกในเวลานั้น แม่บ้านคนอื่นๆจาก Bluuu ก็สามารถทำงานได้ดีเยี่ยม สุภาพ และมีความเชี่ยวชาญเช่นกันค่ะ สำหรับใครที่ต้องการแม่บ้านแต่ไม่สะดวกเรื่องการทำสัญญาจ้างระยะยาวดิฉันขอแนะนำให้มาใช้บริการนี้เลยค่ะ
Lorraine
ตั้งแต่เริ่มใช้บริการจาก Bluuu ก็หมดความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องแม่บ้านเลยค่ะ! เป็นแม่บ้านที่ขยัน เชื่อถือได้ และมีทักษะการทำความสะอาดที่ยอดเยี่ยม! ดิฉันยังค้นพบว่าการจองแบบแพ็คเกจนั้นได้ประโยชน์มาก เพราะมีทั้งส่วนลด ทั้งยังสามารถจองและเปลี่ยนแปลงตารางได้ง่ายผ่านระบบเว็บไซต์ภายในระยะเวลาที่กำหนดอีกด้วย ดิฉันจึงอยากแนะนำให้มาใช้บริการนี้เพราะมันตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการได้ดีมากเลยค่ะ!
Miho
เมื่อก่อนผมเคยใช้บริการที่คล้ายๆกับบริการนี้ และประสบปัญหาเรื่องความไม่น่าเชื่อถือของแม่บ้านมาหลายคน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดวงของคุณไป แต่ผมประทับใจจริงๆบริการจาก Bluuu ที่มีการตรวจสอบและรับรองความน่าเชื่อถือของแม่บ้านมาอย่างละเอียด ทั้งยังง่ายต่อการจอง และคุณภาพของแม่บ้านก็ดีกว่าบริการอื่นๆ ด้วยครับ การบริการลูกค้าของที่นี่ดีมาก ผมแนะนำบริการนี้เป็นอย่างยิ่งเลยครับ
David
จากที่ได้ใช้บริการแม่บ้าน Bluuu มาอย่างต่อเนื่อง ประทับใจการทำงานของแม่บ้านเป็นอย่างมาก สะอาด รวดเร็ว พูดเพราะ ตรงต่อเวลา และมีความรับผิดชอบตั้งใจทำงาน คิดว่าจะใช้บริการแม่บ้าน Bluuu ต่อไปเรื่อยๆค่ะ
Mint
ทางเราได้ใช้บริการแม่บ้านของ bluuu มาซักระยะหนึ่ง ค่อนข้างพอใจกับบริการ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน หรือในตัวเว็บไซต์ของ bluuu เนื่องจากค่อนข้างใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ส่วนตัวแม่บ้านที่มาให้บริการ ก็ค่อนข้างมีมารยาท และ ทำงานค่อนข้างดี รวดเร็ว ตามกำหนดเวลาค่ะ
Anny
ใช้งานง่าย ช่วยให้หาแม่บ้านมืออาชีพทั้งแบบทำความสะอาดที่บ้านและธุรกิจที่ถูกใจได้ไวครับ ส่วนตัวใช้งานมากว่า 1 ปีแล้ว ราคาดีสมเหตุสมผล ทำการจองไม่ยุ่งยาก แถมมีฟังก์ชั่นช่วยจองซ้ำในวัน-เวลาที่ต้องการได้ง่ายมากๆครับ แนะนำเลยครับ 😊
Ra
เราได้ใช้บริการแม่บ้านจาก Bluuu ซึ่งแม่บ้านที่มาทำความสะอาดทำงานได้ดีเยี่ยม มีประสิทธิภาพ และซื่อสัตย์ รวมไปถึงการใช้บริการในราคาที่เข้าถึงได้เมื่อเทียบกับการจ้างแม่บ้านเอง นอกจากนี้ยังมี Feature ที่มีความหลายหลายไม่เหมือนใครที่ตอบโจทย์ด้านการทำความสะอาดได้ดีที่สุด
Mark
สิ่งที่ดิฉันชอบมากสำหรับบริการนี้คือ การที่ดิฉันสามารถเลือกให้แม่บ้านคนเดิมมาทำความสะอาดในทุกสัปดาห์ตามต้องการโดยไม่จำเป็นต้องผูกกับวันหรือเวลาที่เฉพาะเจาะจงเลยค่ะ อย่างไรก็ตามหากพวกเขาไม่สะดวกในเวลานั้น แม่บ้านคนอื่นๆจาก Bluuu ก็สามารถทำงานได้ดีเยี่ยม สุภาพ และมีความเชี่ยวชาญเช่นกันค่ะ สำหรับใครที่ต้องการแม่บ้านแต่ไม่สะดวกเรื่องการทำสัญญาจ้างระยะยาวดิฉันขอแนะนำให้มาใช้บริการนี้เลยค่ะ
Lorraine
ตั้งแต่เริ่มใช้บริการจาก Bluuu ก็หมดความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องแม่บ้านเลยค่ะ! เป็นแม่บ้านที่ขยัน เชื่อถือได้ และมีทักษะการทำความสะอาดที่ยอดเยี่ยม! ดิฉันยังค้นพบว่าการจองแบบแพ็คเกจนั้นได้ประโยชน์มาก เพราะมีทั้งส่วนลด ทั้งยังสามารถจองและเปลี่ยนแปลงตารางได้ง่ายผ่านระบบเว็บไซต์ภายในระยะเวลาที่กำหนดอีกด้วย ดิฉันจึงอยากแนะนำให้มาใช้บริการนี้เพราะมันตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการได้ดีมากเลยค่ะ!
Miho
เมื่อก่อนผมเคยใช้บริการที่คล้ายๆกับบริการนี้ และประสบปัญหาเรื่องความไม่น่าเชื่อถือของแม่บ้านมาหลายคน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดวงของคุณไป แต่ผมประทับใจจริงๆบริการจาก Bluuu ที่มีการตรวจสอบและรับรองความน่าเชื่อถือของแม่บ้านมาอย่างละเอียด ทั้งยังง่ายต่อการจอง และคุณภาพของแม่บ้านก็ดีกว่าบริการอื่นๆ ด้วยครับ การบริการลูกค้าของที่นี่ดีมาก ผมแนะนำบริการนี้เป็นอย่างยิ่งเลยครับ
David
ค่าบริการ
ครั้งเดียว
สามารถใช้บริการได้ตั้งแต่ 2 ชั่วโมงขึ้นไป ในราคาเริ่มต้นเพียง 500 บาทเท่านั้น
แพ็กเกจ
สามารถซื้อเครดิตได้สูงสุด 28 ครั้ง พร้อมรับส่วนลดพิเศษสูงสุด 18%
ระบบคัดกรองแม่บ้านที่เข้มงวด
100% ของแม่บ้านต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบประวัติที่เข้มงวด
เราเป็นแพลตฟอร์มให้บริการแม่บ้านเพียง “แห่งเดียว” ในประเทศไทยที่
- สัมภาษณ์แม่บ้านก่อนจ้าง เราสัมภาษณ์แม่บ้านทุกคน ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ คุณภาพในการให้บริการลูกค้า และประสบการณ์การทำความสะอาด
- ปฏิเสธแม่บ้านที่มีประวัติอาชญากรรมทุกประเภท (บริษัท อื่น ๆ ทั้งหมดยอมรับแม่บ้านที่มีประวัติที่ไม่เกี่ยวกับการขโมยหรือทำร้ายร่างกาย ตัวอย่างเช่น เล่นการพนัน) เราตรวจสอบประวัติอาชญากรรมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ระบบการฝึกอบรมที่เข้มข้น
100% ของแม่บ้านต้องผ่านกระบวนการฝึกอบรมทักษะที่จำเป็นสำหรับงานบ้านและฝึกทัศนคติด้านการบริการ
- ผ่านโปรแกรมการฝึกทักษะการทำงานบ้านมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ได้รับมาตรฐานระดับสูงของสมาคมแม่บ้านญี่ปุ่น
- ผ่านโปรแกรมการฝึกทักษะแม่บ้านในระดับต่าง ๆ ที่บริษัทกำหนดไว้ กรณีที่แม่บ้านต้องการยกระดับมาตรฐานการบริการให้สูงขึ้น
ผู้นำด้านเทคโนโลยี
Bluuu เป็นทั้งบริษัทด้านการบริการและผู้นำด้านเทคโนโลยี
- ภารกิจของ Bluuu คือการยกระดับมาตรฐานแรงงานด้วยเทคโนโลยี
- ผู้ก่อตั้ง Bluuu ได้รับแรงบันดาลใจจาก Google จึงมุ่งมั่นลงทุนในเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานให้กับทั้งผู้ใช้บริการและแม่บ้าน
จองเมื่อคุณต้องการ
เริ่มต้นเพียง 2 ชั่วโมงต่อครั้ง
เลือกแม่บ้านจนกว่าคุณจะพบแม่บ้านที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณ
มีกระบวนการสรรหาคนที่เข้มงวด
(สัมภาษณ์คัดเลือก และตรวจสอบประวัติอาชญากรรม)
มีการฝึกอบรมที่ครอบคลุม
1
กำหนดวัน / เวลาที่คุณต้องการ
2
เลือกแม่บ้านที่คุณต้องการ
หรือให้ Bluuu
แนะนำแม่บ้านให้คุณ
3
ยืนยันการจอง
ระบบจะแจ้งข้อมูลไปยังแม่บ้าน
และเข้าสู่ขั้นตอนการชำระเงิน
4
แม่บ้านกดรับงาน
เพียงเท่านี้การจองของคุณ
ก็เสร็จสมบูรณ์
เปลี่ยนกำหนดการนัดหมาย
หากต้องการเปลี่ยนแปลงวัน / เวลา นัดหมาย
สามารถติดต่อแม่บ้านผ่านทางโทรศัพท์
หรือติดต่อผ่านระบบแช็ตของ Bluuu
ยกเลิกการนัดหมาย
คุณสามารถยกเลิกการจองได้
ภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนถึงเวลานัดหมาย
1
แม่บ้านเดินทางถึงที่หมายและเริ่มทำงาน
2
เมื่องานเสร็จสิ้น คุณสามารถแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกับบริการของแม่บ้านได้
ทุกคำชมของคุณช่วยตอบแทนความตั้งใจ
ในการบริการของแม่บ้านได้เป็นอย่างดี
Recommended Articles
Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read moreArticle Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read moreArticle Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read moreArticle Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read moreArticle Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read moreArticle Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read moreArticle Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read moreArticle Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read moreArticle Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read moreArticle Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read moreบทความบล็อก
กลิ่นท่อในห้องน้ำคอนโดเหม็นไม่ไหว แก้ไขยังไง ?
26 December 2024กลิ่นเหม็นจากท่อในห้องน้ำมักเป็นปัญหาที่สร้างความรำคาญใจและทำให้บรรยากาศในบ้านเสีย อย่างไรก็ตาม คุณสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีธรรมชาติที่ง่ายและปลอดภัย ไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีแรงๆ วิธีการเหล่านี้ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและเป็นมิตรต่อสุขภาพอีกด้วย บทความนี้จะมาแนะนำวิธีที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ทันทีเพื่อกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และคืนความสดชื่นให้กับห้องน้ำของคุณกัน
1. ใช้เบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู
เบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชูเป็นส่วนผสมที่หลายคนมีอยู่ในบ้านและสามารถช่วยขจัดกลิ่นอับจากท่อระบายน้ำได้ เบกกิ้งโซดามีคุณสมบัติช่วยดูดซับกลิ่นในขณะที่น้ำส้มสายชูมีคุณสมบัติช่วยกำจัดคราบสกปรกและไขมันสะสม เพียงเทเบกกิ้งโซดาลงในท่อ ตามด้วยน้ำส้มสายชู และปล่อยให้เกิดฟองจากปฏิกิริยาเคมี เมื่อเสร็จสิ้น ล้างด้วยน้ำร้อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำความสะอาด วิธีนี้ไม่เพียงแต่ลดกลิ่นอับ แต่ยังช่วยเปิดท่อระบายน้ำให้ไหลได้สะดวกขึ้นด้วย
2. ใช้เกลือและน้ำร้อน
การใช้เกลือร่วมกับน้ำร้อนเป็นวิธีธรรมชาติที่ง่ายดายและมีประสิทธิภาพ เกลือจะช่วยกัดกร่อนคราบไขมันและสิ่งสกปรกในท่อระบายน้ำ ในขณะที่น้ำร้อนจะช่วยล้างสิ่งสกปรกออกไป เพียงเทเกลือลงไปในท่อแล้วตามด้วยน้ำร้อนช้าๆ วิธีนี้ยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิดที่อาจเป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็นได้ด้วย
3. น้ำมะนาวและเบกกิ้งโซดา
น้ำมะนาวเป็นตัวช่วยจากธรรมชาติที่มีกรดซิตริกช่วยลดกลิ่นเหม็นจากท่อ เมื่อผสมกับเบกกิ้งโซดาจะเกิดฟองที่ช่วยดึงคราบสกปรกออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ กลิ่นสดชื่นจากน้ำมะนาวยังช่วยปรับบรรยากาศในห้องน้ำให้ดีขึ้นอีกด้วย วิธีนี้เหมาะสำหรับการลดกลิ่นในระยะยาวและยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
4. ใบชาแห้ง
ใบชาแห้งสามารถนำมาใช้เป็นตัวช่วยในการดูดซับกลิ่นอับได้ โดยคุณสามารถนำใบชาแห้งใส่ในถุงผ้าขนาดเล็กและวางไว้ใกล้ท่อระบายน้ำ กลิ่นหอมจากใบชาจะช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และเพิ่มความสดชื่นให้กับห้องน้ำ แต่คุณควรเปลี่ยนใบชาใหม่ทุกสองสัปดาห์เพื่อประสิทธิภาพที่ดีอย่างสม่ำเสมอ
5. น้ำมันหอมระเหย
การใช้น้ำมันหอมระเหยเป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มความหอมและลดกลิ่นอับในห้องน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลือกน้ำมันหอมระเหยกลิ่นสดชื่น เช่น เลมอน ยูคาลิปตัส หรือลาเวนเดอร์ หยดน้ำมันลงในท่อระบายน้ำ หรือนำมาผสมน้ำแล้วฉีดพ่นบริเวณท่อที่มีกลิ่น นอกจากช่วยเพิ่มกลิ่นหอมแล้ว น้ำมันหอมระเหยยังมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียซึ่งช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคอีกด้วย
6. ถ่านไม้ไผ่
ถ่านไม้ไผ่เป็นตัวช่วยจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่น เพียงวางถ่านไม้ไผ่ไว้ในถุงผ้าตาข่ายและแขวนไว้ใกล้กับท่อระบายน้ำ ถ่านไม้ไผ่จะช่วยดูดซับกลิ่นเหม็๋นออกไปได้อย่างดีมาก นอกจากนี้ คุณยังสามารถนำถ่านไม้ไผ่มาตากแดดทุกเดือนเพื่อคืนประสิทธิภาพการดูดซับกลิ่นหรือเปลี่ยนถ่านทุกๆเดือนก็ได้เช่นเดียวกัน
7. ปลูกต้นไม้ในห้องน้ำ
การปลูกต้นไม้ในห้องน้ำไม่เพียงช่วยเพิ่มความสดชื่น แต่ยังช่วยลดกลิ่นเหม็นจากท่อได้อีกด้วย ต้นไม้ที่เหมาะสำหรับวางในห้องน้ำได้แก่ ลิ้นมังกรและพลูด่าง ซึ่งเป็นต้นไม้ที่สามารถเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง ต้นไม้เหล่านี้จะช่วยฟอกอากาศและเพิ่มบรรยากาศในห้องน้ำให้ดีขึ้น
กลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องน้ำไม่ใช่ปัญหาที่ยากจะแก้ หากคุณเลือกใช้วิธีที่แนะนำในบทความนี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ส่วนผสมจากครัวเรือนที่มีในทุกบ้าน เช่น เบกกิ้งโซดา น้ำมะนาว หรือเกลือ ไปจนถึงการเพิ่มต้นไม้และถ่านไม้ไผ่ในห้องน้ำ คุณก็จะสามารถลดกลิ่นอับและสร้างบรรยากาศที่สดชื่นได้อย่างง่ายดาย หรือถ้าหากคุณต้องการหาคนรช่วยทำความสะอาดบ้านและห้องน้ำ สามารถกดจ้างแม่บ้านออนไลน์คุณภาพดีได้ ที่นี่ แม่บ้าน bluuu ยินดีให้บริการทุกคนครับ
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.
มัดรวม 7 แบตสำรองพกพาขึ้นเครื่องบินได้ ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวสายลุย
25 December 2024การเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางไปทำงานหรือท่องเที่ยว แต่ปัญหาหนึ่งที่นักเดินทางหลายคนพบเจอคือการพกพาอุปกรณ์เสริมอย่าง Power Bank หรือ แบตสำรอง ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการชาร์จโทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างการเดินทาง อย่างไรก็ตาม การพกพาแบตสำรอง (Power Bank) ขึ้นเครื่องบินมีข้อจำกัดเล็กน้อยที่ผู้เดินทางควรรู้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะทำให้เราตกเครื่องเลยก็ได้หากพลาดที่จะเช็คแบตสำรองก่อนออกเดินทางโดยเครื่องบิน วันนี้เรามี 7 แบตเตอรี่สำรองยอดนิยมที่จะมาแนะนำให้ทุกคนที่ชอบท่องเที่ยวโดยเครื่องบิน เพื่อความสะดวกในการจัดเตรียมอุปกรณ์ของเราง่ายๆ ดังนี้
- Xiaomi Mi Power Bank 3
เป็นหนึ่งในแบตสำรองที่โดดเด่น ด้วยความจุ 20,000 mAh หรือเทียบเท่ากับ 74 Wh ทำให้สามารถพกพาขึ้นเครื่องบินได้อย่างปลอดภัย Power Bank รุ่นนี้น้ำหนักเบา รองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 18W และมีระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรและการจ่ายไฟเกิน พร้อมทั้งพอร์ต USB-A และ USB-C ที่ทำให้สามารถชาร์จหลายอุปกรณ์พร้อมกันได้อย่างสะดวกสบาย
- Anker PowerCore 10000 PD Redux
เป็นตัวเลือกขนาดกะทัดรัด ความจุ 10,000 mAh หรือ 37 Wh เหมาะสำหรับการพกพา รองรับการชาร์จเร็วแบบ Power Delivery สูงสุด 18W และมาพร้อมกับระบบ MultiProtect Safety System ที่ช่วยป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรและความร้อน น้ำหนักเบาเพียง 192 กรัม ทำให้เป็นคู่หูเดินทางที่ยอดเยี่ยม
- RAVPower 20000mAh PD 3.0
แบตสำรองนี้มีความจุ 20,000 mAh หรือ 74 Wh เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ รองรับการชาร์จเร็ว PD 3.0 และ QC 3.0 โดยสามารถจ่ายไฟได้ถึง 18W พร้อมพอร์ต USB-C และ USB-A ที่มาพร้อมระบบ iSmart ซึ่งช่วยปรับกระแสไฟให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ โครงสร้างทนทานต่อแรงกระแทก จึงเหมาะกับการใช้งานในทุกสภาพแวดล้อม
- AUKEY PB-Y36
แบตสำรองนี้มาพร้อมความจุ 10,000 mAh หรือ 37 Wh และรองรับ Quick Charge 3.0 รวมถึง Power Delivery 18W น้ำหนักเพียง 190 กรัม ดีไซน์บางเบาเหมาะสำหรับการพกพา ระบบความปลอดภัยในตัวช่วยป้องกันการชาร์จเกิน ไฟฟ้าลัดวงจร และความร้อน พร้อมพอร์ต USB-C ที่สามารถใช้งานได้ทั้งชาร์จเข้าและชาร์จออก
- Baseus Adaman Metal Digital Display
แบตสำรองมีความจุ 20,000 mAh หรือ 74 Wh พร้อมการรองรับการชาร์จเร็ว PD 3.0 และ QC 3.0 สูงสุด 22.5W จุดเด่นของแบตสำรองนี้คือหน้าจอแสดงผลดิจิทัลที่บอกสถานะแบตเตอรี่ ตัวเครื่องทำจากวัสดุโลหะที่ดูหรูหราและทนทาน และสามารถชาร์จอุปกรณ์หลายตัวพร้อมกันผ่านพอร์ต USB-A และ USB-C
- Zendure A3PD
เป็นแบตสำรองขนาดเล็กที่มีความจุ 10,000 mAh หรือ 37 Wh รองรับการชาร์จสูงสุด 18W และชาร์จเร็ว QC 3.0 ตัวเครื่องแข็งแรงทนทานผ่านการทดสอบแรงกระแทก มาพร้อมระบบป้องกันการชาร์จเกิน ความร้อน และไฟฟ้าลัดวงจร ขนาดเล็กและน้ำหนักเบาทำให้เหมาะสำหรับการเดินทางไกลๆ
- Eloop E29
เป็นแบตสำรองยอดฮิตที่มีขนาดใหญ่ที่มีความจุถึง 30,000 mAh หรือ 111 Wh แต่ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ รองรับการชาร์จเร็ว QC 3.0 และ PD 18W มีดีไซน์บางเฉียบเพียง 14 มม. พร้อมไฟ LED แสดงสถานะการใช้งานแบตเตอรี่ สามารถชาร์จอุปกรณ์หลายตัวพร้อมกันได้ด้วยพอร์ต USB-A และ USB-C เนื่องจากความจุค่อนข้างเยอะทำให้แบตสำรองรุ่นนี้ชาร์จได้หลายรอบมากเลยล่ะครับ
เคล็ดลับการพกพา Power Bank ขึ้นเครื่องบิน
- อ่านรายละเอียดของ Power Bank เพื่อให้แน่ใจว่ามีความจุไม่เกินข้อกำหนดของสายการบิน (ความจุห้ามเกิน 32,000 mAh)
- พาวเวอร์แบงค์หรือแบตสำรองทั้งหมดต้องพกติดตัวไปในกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (ห้ามใส่ในกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่อง)
- ควรหลีกเลี่ยงการนำแบตเตอรี่สำรองไม่มีการระบุความจุของแบตสำรองชัดเจนที่อาจเกิดจากการลอกหรือรอยขีดข่วนโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะคุณอาจจะต้องทิ้งแบตสำรองนั้นก่อนจะได้เดินทางซะอีก
การเลือก Power Bank ที่เหมาะสมและปฏิบัติตามกฎระเบียบจะช่วยให้คุณสามารถเดินทางได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย หากคุณกำลังมองหา Power Bank สำหรับการเดินทาง อย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานและมีความจุที่เหมาะสมตามข้อกำหนดของสายการบินนั้นๆด้วยนะครับ และถ้าหากใครที่กำลังหาผู้ช่วยในการทำความสะอาดบ้าน หรือกำลังมองหาแม่บ้านรายชั่วโมงที่อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดการบริการได้ที่ bluuu เว็บไซต์ของเราได้เลยนะครับ
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.
บอกลาเสื้อเหม็นเหงื่อ วิธีกำจัดกลิ่นตัวติดเสื้อให้หายเกลี้ยง
11 January 2025กลิ่นเหงื่อหรือกลิ่นรักแร้ที่ติดบนเสื้อแล้วซักไม่หาย เป็นปัญหาที่ใครหลายๆคนมักพบเจอ เกิดขึ้นได้ทั่วไป ทั้งความชื้นจากเหงื่อและอากาศที่ร้อนอบอ้าวของประเทศไทย ไม่เพียงแต่คนที่ชอบออกกำลังกายเท่านั้น แบคทีเรียต่างๆที่มาจากเหงื่อไคลและรักแร้ ส่งผลให้เสื้อผ้าที่ใส่มีกลิ่นเหม็นตามมานั่นเอง
สาเหตุของกลิ่นเหงื่อติดเสื้อ
- กลิ่นตัวจากเหงื่อไคลและแบคทีเรีย
- การสะสมของคราบเหงื่อและสารเคมีจากผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย
- การซักผ้าที่ยังไม่สะอาด หรือยังเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าไม่เหมาะสม
- การหมักเสื้อผ้าที่เปียกเหงื่อไว้เป็นเวลาหลายวัน จนกลิ่นติดเข้าเนื้อผ้า
เคล็ดลับกำจัดกลิ่นเหงื่อติดเสื้อ
ลำดับแรกควรแยกเสื้อที่มีกลิ่นออกจากตัวอื่น และนำไปซักทันทีไม่ควรปล่อยไว้จนแห้งหรือทิ้งไว้หลายวัน
- ซักผ้าด้วยน้ำร้อน : การซักผ้าด้วยน้ำร้อนเป็นอีกวิธีแรกๆที่ทำตามง่าย เนื่องจากน้ำร้อนจะช่วยไปละลายคราบโรลออนหรือผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ติดอยู่ในเสื้อผ้า ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นรักแร้ติดเสื้อนั่นเอง แต่อาจต้องศึกษาจากเนื้อผ้านั้นๆด้วยว่าสามารถซักด้วยน้ำร้อนได้หรือไม่ สามารถใช้ร่วมกับการซักด้วยน้ำส้มสายชูหรือผงซักฟอกสูตรกำจัดแบคทีเรีย
- ใช้เบกกิ้งโซดา + ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ กำจัดกลิ่นตัวที่ติดเสื้อ โดยป้ายทิ้งไว้ 5-10 นาทีแล้วขยี้บริเวณตะเข็บเสื้อรักแร้ แล้วนำไปซักปกติ
- ใช้เบกกิ้งโซดา + ผงซักฟอก + น้ำส้มสายชู ผสมกันให้เป็นเนื้อครีม นำมาป้ายบริเวณที่มีคราบหรือกลิ่นบริเวณรักแร้ป้ายทิ้งไว้ 5-10 นาทีแล้วขยี้ จากนั้นนำไปซักด้วยผงซักฟอกปกติวิธีนี้มีแม่บ้านหลายๆท่านใช้แล้วได้ผลดี
- ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อโรค (เดทตอล) ในขั้นตอนการแช่ผ้า เมื่อเราแยกเสื้อที่มีกลิ่นตัวออกมาแล้วให้แช่ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคโดยไม่ต้องผสมน้ำยาซักผ้า แช่ไว้ข้ามคืน แล้วนำมาซักด้วยน้ำยาซักผ้าปกติ รับรองว่าลดกลิ่นเหงื่อ กลิ่นรักแร้ได้ดีทีเดียว
*เลือกสูตรที่สาสามรถใช้ทำความสะอาดเสื้อผ้าได้
- หากเสื้อผ้ามีกลิ่นเหงื่อ หรือกลิ่นตัว ให้นำผ้าแช่น้ำส้มสายชูไว้ 1 คืน หรือใส่น้ำส้มสายชูในขวดสเปรย์แล้วฉีดบริเวณที่มีกลิ่น ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วนำไปซักปกติ
*ข้อควรระวังคือ น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรด ควรอ่านป้ายสัญลักษณ์ที่เสื้อให้ละเอียดก่อน
- กำจัดกลิ่นรักแร้บนเสื้อ โดยใช้แอลกอฮอล์ 70% นำมาชุบสำลีหรือราดทิ้งไว้บริเวณตะเข็บเสื้อรักแร้ ทิ้งไว้สัก 10-20 นาทีแล้วนำไปซัก ด้วยน้ำยาซักผ้าสูตรกำจัดแบคทีเรีย วิธีนี้เป็นอีกวิธีหนึ่งที่แม่บ้านนิยมใช้เพราะทำง่ายและประหยัดค่าใช้จ่าย
- ใช้ไฮเตอร์ (เลือกใช้ผ้าขาวหรือผ้าสี) ผสมลงไปซักกับน้ำยาซักผ้าสูตรกำจัดแบคทีเรีย ข้อควรระวังคือผ้าบางชนิดไม่สามารถใช้กับสารฟอกขาวได้ ควรอ่านสัญลักษณ์บนเสื้อให้ละเอียดก่อนใช้งาน
- กำจัดกลิ่นเหงื่อบนเสื้อโดยใช้น้ำยา Zoflora เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัส สามารถนำมาซักผ้าเพื่อขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์บนเสื้อผ้าได้ได้ นอกจากนี้ยังสามารถผสมน้ำเช็ดถูพื้นเพื่อกำจัดเชื้อโรคและกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในบ้านได้อีกด้วย
*สามารถหาซื้อได้ตามช่องทางออนไลน์และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
- ใช้สเปรย์โฟมขจัดคราบ ไฮยีน ฉีดตรงบริเวณที่มีกลิ่น ทิ้งไว้ 3-4 ชั่วโมง และซักตามปกติ สเปรย์โฟมนี้ยังสามารถช่วยขจัดคราบชากาแฟ คราบอาหาร และคราบโรลออนได้อีกด้วย วิธีนี้ผู้เขียนทดลองใช้แล้วได้ผลค่อนข้างดีเลยค่ะ
*หาซื้อได้ตามช่องทางออนไลน์และซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ราคาหลักสิบเท่านั้น
- กรณีกลิ่นตัวหรือกลิ่นเหงื่อติดแรงซักไม่ออก ให้นำเสื้อไปต้มในน้ำเดือดแล้วใส่น้ำส้มสายชู ต้มประมาณ 10 นาที แล้วนำมาซักด้วยน้ำยาซักผ้าปกติ งดการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม
การป้องกันกลิ่นเหงื่อติดเสื้อ ควรแก้ที่ต้นเหตุ
- ใช้สบู่กำจัดแบคทีเรีย เช่น สบู่อาเซฟโซ่ ฟอกไว้ที่รักแร้ 1 นาที แล้วล้างออก เมื่ออาบน้ำเสร็จให้ทารักแร้ด้วยสารส้ม
- ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ไม่ทิ้งคราบ เปลี่ยนโรลออนจากสเปรย์หรือแบบน้ำ เป็นแบบ stick หรือ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากสารส้ม เช่น สเปรย์สารส้ม ,แป้งเต่าเหยียบโลก เป็นต้น
- ใช้ขิงแบบผงผสมกับเบกกิ้งโซดาผสมน้ำเล็กน้อย แล้วนำมาถูรักแร้ ก่อนอาบน้ำ เช้า-เย็น
- ไม่ปล่อยให้ขนรักแร้ยาวเกินไป ควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หัวหอม หรืออาหารรสจัด
- เลือกเนื้อผ้าที่ช่วยระบายเหงื่อ ระบายความร้อนได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย หรือผ้าที่ผสมใยฝ้าย
- เสื้อผ้าที่ใส่ออกกำลังกายหรือมีกลิ่นตัวให้รีบนำไปซักทันที ไม่ควรปล่อยใส่ตะกร้าทิ้งไว้นานๆ เพื่อไม่ให้เกิดการอับชื้น
- ไม่ควรซักผ้าทีเดียวเยอะๆ เนื่องจากประสิทธิภาพในการซักของเครื่องจะน้อยลง หากมีเสื้อที่เหม็นกลิ่นตัวให้แยกออกมาซักมือ ขยี้บริเวณรักแร้ แล้วนำไปซักปกติ
หากใครกำลังเจอปัญหากลิ่นตัวหรือกลิ่นรักแร้ติดเสื้อผ้า ลองนำเคล็ดลับนี้ไปใช้ดูนะคะ เพื่อเสื้อผ้าที่หอมสะอาด เพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้อ่านนะคะ
หรือหากใครกำลังมองหาแม่บ้านแบบรายชั่วโมง ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดการให้บริการได้ที่ เว็บไซต์ของเรา
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.
แนะนำ 5 ยี่ห้อหม้อทอดไร้น้ำมันยอดนิยม ใช้งานง่าย ราคาคุ้ม
10 January 2025ปัจจุบันผู้คนต่างกลับมาให้ความสำคัญกับสุขภาพกันมากขึ้น ให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย นับได้ว่า ปัจจุบันมีเครื่องมือสำหรับปรุงอาหารที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น บวกกับเครื่องปรุงต่างๆถูกออกแบบและคิดค้นมาสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักและรักษาสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น อีกหนึ่งเครื่องครัวที่จะพูดถึงก็คือ “หม้อทอดไร้น้ำมัน” นั่นเอง
หม้อทอดไร้น้ำมันคืออะไร หม้อทอดไร้น้ำมัน หรือ Air Fryer เป็นอุปกรณ์ทำอาหารชนิดที่ใช้ลมร้อนในการทำให้อาหารสุก แทนการใช้น้ำมัน โดยหากใส่เนื้อสัตว์ที่มีไขมันลงไป อย่างหมูสามชั้น หม้อทอดไร้น้ำมันก็จะช่วยรีดน้ำมันจากเนื้อสัตว์ให้ออกมาอีกด้วย และสามารถประกอบอาหารได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ปลาทอด ไก่ทอด เฟรนฟราย ไส้กรอกทอด นอกจากการทอดแล้วย้งสามารถใช้ทำเบเกอร์รี่ ทำการอบได้ เช่น คัพเค้ก เป็นต้น
ปัจจุบันมีหม้อทอดไร้น้ำมันตามท้องตลาดออกมาวางขายกันมากมายตั้งแต่ราคาหลักร้อยปลายๆ ถึงหลักพัน ทั้งนี้ราคาก็จะขึ้นอยู่ที่ขนาดความจุของหม้อและฟังก์ชั่นที่แตกต่างกันออกไปด้วย
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อหม้อทอดไร้น้ำมัน
ก่อนการเลือกซื้อควรพิจารณาจาก ความจุและขนาดของหม้อทอดไร้น้ำมัน ซึ่งหม้อทอดมีขนาดตั้งแต่ 2 ลิตร ถึง 8 ลิตร ควรดูจากจำนวนสมาชิกในครอบครัว ฟังก์ชั่นการใช้งาน และคุณสมบัติพิเศษ ดูงบประมาณที่เหมาะสม เพราะแต่ละยี่ห้อก็มีฟังก์ชั่นและราคาที่แตกต่างกันออกไป และที่สำคัญต้องพิจารณาจากการรับประกันและบริการหลังการขายด้วย
แนะนำ 5 ยี่ห้อหม้อทอดไร้น้ำมันยอดนิยม
- หม้อทอดไร้น้ำมัน Philips Air fryer 2000 Series
- จุดเด่น : เป็นรุ่นฮิตและนิยมใช้กันมาก เนื่องจากมี 13 ฟังก์ชั่นการใช้งาน เทคโนโลยี Rapid Air ทำให้อาหารกรอบมากยิ่งขึ้น ตัวหม้อเป็นแบบกระจกใสทำให้สามารถมองเห็นอาหารด้านในได้
- ความจุ : 4.2 ลิตร (มีหลายขนาดให้เลือก)
- ราคาประมาณ : 3,490 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : มีหน้าต่างเพื่อดูอาหารด้านใน ใช้งานง่ายแต่ราคาค่อนข้างสูง
- การรับประกัน : 24 เดือน
- หม้อทอดไร้น้ำมัน Xiaomi Mi Smart Air Fryer
- จุดเด่น : หม้อทอดไร้น้ำมัน Xiaomi สามารถควบคุมการทำงานได้จากแอพพลิเคชั่น Mi Home ผ่านมือถือ ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ที่ล้ำสมัยมากๆ ใช้งานง่ายแถมยังราคาไม่ได้แพงจนเกินไป มีให้เลือกหลายขนาด
- ความจุ : 3.5 ลิตร (เหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง)
- ราคาประมาณ : 2,590 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : ขนาดค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น - มีเทคโนโลยีใหม่ๆซึ่งต้องเรียนรู้ระบบการใช้งาน
- การรับประกัน : 1 ปี
3 . หม้อทอดไร้น้ำมัน Tefal 2 IN 1 EASY FRY & GRILL 2IN1 OIL-LESS fryer รุ่น EY501866
- จุดเด่น : สำหรับหม้อทอดไร้น้ำมัน Tefal เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าระดับต้นๆ ที่คนนิยมใช้ โดยจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือ มีตะแกรงโลหะใช้งานได้แบบ 2 in 1 ทอดและย่าง ได้ในเครื่องเดียว
- ความจุ : 4.2 ลิตร (เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ 4-6 คน)
- ราคาประมาณ : 1,720 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นอื่นๆ แต่เป็นวัสดุที่ทนความร้อนได้ดี
- การรับประกัน : 2 ปี
4 . หม้อทอดไร้น้ำมัน Gaabor 5L
- จุดเด่น : เป็นแบรนด์น้องใหม่ที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดีไซน์ทันสมัย มินิมอล โดยรุ่นนี้หม้อกระจกสามารถมองเห็นอาหารภายในได้ ทำให้เรารู้ว่าอาหารสุกหรือยัง และเค้ายังมีระบบความร้อน 360 องศา รับรองว่าอาหารสุกอย่างทั่วถึงแน่นอน
- ความจุ : 5 ลิตร (มีหลายขนาดให้เลือก)
- ราคาประมาณ : 1,990 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : มีระบบตัดไฟอัตโนมัติ แต่ขนาดค่อนข้างใหญ่และหนัก
- การรับประกัน 1 ปี (เปลี่ยนเครื่องใหม่)
5 . หม้อทอดไร้น้ำมัน Imarflex
- จุดเด่น : ด้วยดีไซน์ที่หรูหรา ตัวเครื่องไม่ใหญ่จนเกินไป และที่สำคัญตรงตัวหม้อทอดเป็นโถแก้วใส สามารถมองเห็นอาหารภายในได้ ปรับความร้อนและเวลาแบบหมุน รับรองว่าใช้งานง่ายเหมาะกับผู้เริ่มต้นแน่นอน
- ความจุ : 4.5 ลิตร (เหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง)
- ราคาประมาณ : 1,690 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : ขนาดกระทัดรัดไม่ใหญ่มาก ดีไซน์ทันสมัย การดูแลรักษาอาจจะยากกว่ารุ่นอื่นเพราะเป็นโถแก้ว
- การรับประกัน : 1 ปี
หม้อทอดไร้น้ำมันแต่ละยี่ห้อก็มีฟังก์ชั่น ขนาด และราคาที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานขนาดครอบครัว จำนวนสมาชิกในครอบครัว หากอยู่คนเดียวก็สามารถใช้ขนาดเล็กลงได้ หรือเป็นขนาดเริ่มต้นที่ 2 ลิตร รับรองว่าประสบการณ์ในการทำอาหารของคุณจะดีขึ้นแน่นอน สามารถอ่านวิธีการใช้งานและการดูแลรักษาหม้อทอดไร้น้ำมันได้ที่ มือใหม่ต้องรู้!! วิธีใช้หม้อทอดไร้น้ำมันอย่างถูกต้อง ปลอดภัย
หรือหากคุณสนใจแม่บ้านช่วยเหลือในการทำความสะอาด แบบรายชั่วโมง ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ของเรา
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.
ใช้จ่ายประหยัดลงด้วย 7 วิธีทำความสะอาดบ้านด้วยมะนาว
09 January 2025มะนาวเป็นผลไม้ที่เราคุ้นเคยกันดีในครัวเรือน แต่คุณรู้หรือไม่ว่า มะนาวยังสามารถนำมาใช้ในการทำความสะอาดบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติของกรดซิตริกในมะนาวที่ช่วยขจัดคราบมัน คราบสกปรก และยังช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย วันนี้เราจะมาบรรยายถึงวิธีการใช้มะนาวเพื่อทำความสะอาดบ้านในหลายๆ ส่วนอย่างละเอียด
ทำไมต้อง มะนาว ?
น้ำมะนาวมีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งสามารถสลายคราบไขมันและคราบสิ่งสกปรกต่างๆ ได้ดี นอกจากนี้ กลิ่นของมะนาวยังช่วยเพิ่มความสดชื่นและช่วยลดกลิ่นอับในบ้านได้โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี ซึ่งอาจส่งผมเสียต่อสุขภาพและร่างกายของเรา การนำมะนาวมาใช้ในการทำความสะอาดจึงเป็นทั้งวิธีที่ปลอดภัยต่อสุขภาพและยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
วิธีใช้มะนาวในการทำความสะอาดบ้าน
- ขจัดคราบมันในห้องครัว
ใช้น้ำมะนาวกับเบกกิ้งโซดา เริ่มจากการบีบน้ำมะนาวลงในชามแล้วผสมกับเบกกิ้งโซดาให้เป็นเนื้อข้น แล้วใช้ฟองน้ำหรือผ้าจุ่มส่วนผสมแล้วถูบริเวณที่มีคราบจนกว่าคราบจะค่อยๆจางหายไป แล้วจึงล้างด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้ง วิธีนี้เหมาะสำหรับการล้างคราบมันที่ติดอยู่บนพื้นผิว เช่น เคาน์เตอร์ครัว หรือเตาแก๊ส
- ใช้ดับกลิ่นไมโครเวฟ
ใช้แก้วน้ำที่มีน้ำมะนาวบีบใส่ พร้อมกับเปลือกมะนาว วางในไมโครเวฟแล้วเปิดเครื่องให้ทำงาน 3 นาที ความร้อนจะช่วยให้น้ำมะนาวระเหยและทำให้กลิ่นไม่พึงประสงค์หายไป พร้อมกับทำให้คราบอาหารที่ติดผนังไมโครเวฟอ่อนตัวลง ทำให้ง่ายต่อการเช็ดทำความสะอาด
- ทำความสะอาดกำจัดคราบหินปูนห้องน้ำ
มะนาวสามารถละลายคราบหินปูนที่สะสมอยู่บนพื้นกระเบื้องหรือสุขภัณฑ์ได้อย่างดี เพียงเตรียมน้ำมะนาวกับเกลือหยาบ และโรยเกลือหยาบลงบนบริเวณที่มีคราบหินปูน บีบน้ำมะนาว ลงไปแล้วทิ้งไว้ 10 นาที ใช้แปรงถูเบาๆ และล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- ใช้ดับกลิ่นในตู้เย็น
การใช้มะนาวเพื่อดับกลิ่นในตู้เย็นเป็นวิธีธรรมชาติที่ง่ายและได้ผลดี เริ่มต้นจากการเช็คของภายใน หากพบอาหารหรือวัตถุดิบที่หมดอายุหรือส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ ควรนำออกก่อน จากนั้นทำความสะอาดตู้เย็นด้วยน้ำอุ่นผสมเบกกิ้งโซดา โดยใช้ฟองน้ำหรือผ้านุ่มเช็ดบริเวณชั้นวางและผนังด้านใน เพื่อขจัดคราบและกลิ่นสะสม
หลังจากทำความสะอาดตู้เย็นแล้ว ให้นำมะนาวสดประมาณ 2-3 ลูก มาผ่าครึ่งหรือหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นวางมะนาวลงในถ้วยเล็ก ๆ หรือวางไว้บนชั้นวางในจุดต่าง ๆ ของตู้เย็น ซึ่งมะนาวจะช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ พร้อมปล่อยกลิ่นหอมสดชื่นของธรรมชาติให้กับตู้เย็นอีกด้วย
- ขัดก๊อกน้ำ
เริ่มต้นด้วยการเตรียมมะนาว 1 ลูก ผ่าครึ่งให้เรียบร้อย มะนาวจะเป็นตัวช่วยธรรมชาติที่เหมาะสำหรับการทำความสะอาดคราบต่าง ๆ บนก๊อกน้ำ เช่น คราบหินปูนหรือคราบน้ำที่สะสมมานาน
เมื่อได้มะนาวแล้ว ให้นำด้านเนื้อของมะนาวมาถูลงไปบนพื้นผิวของก๊อกน้ำ โดยถูในลักษณะเป็นวงกลมให้ทั่วบริเวณที่มีคราบสกปรก หลังจากถูไปทั่วแล้ว ให้ทิ้งน้ำมะนาวไว้บนก๊อกน้ำประมาณ 5 ถึง 10 นาที เพื่อให้กรดในมะนาวทำปฏิกิริยาและสลายคราบฝังลึกเมื่อครบเวลา ใช้ฟองน้ำหรือผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดน้ำมะนาวออกจนหมด แล้วตามด้วยการล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง สุดท้ายใช้ผ้าแห้งสะอาดเช็ดก๊อกน้ำให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันการเกิดคราบน้ำใหม่หากเจอคราบที่ฝังแน่นมาก
อาจเพิ่มเกลือลงบนเนื้อมะนาวเล็กน้อยก่อนถู เพราะเกลือจะช่วยเพิ่มแรงขัดให้ได้ผลดียิ่งขึ้น การทำเช่นนี้จะช่วยให้ก๊อกน้ำของคุณกลับมาดูสะอาดและเงางามเหมือนใหม่
- กำจัดสนิมบนมีด
เพียงแค่นำมีดที่มีสนิมแช่ในน้ำมะนาว ทิ้งไว้ 3-5 นาที แล้วนำมาเช็ดให้แห้ง ถ้าหากทำแล้วสนิมยังไม่หมดในครั้งแรก สามารถทำซ้ำวิธีเดิมได้จนกว่าจะกลับมาเงางามดังเดิม แแล้วเมื่อทำความสะอาดเสร็จแล้ว ควรทาน้ำมันบางๆบนมีดเพื่อป้องกันการเกิดสนิมในอนาคต
- ซักผ้าขาว
การซักผ้าขาวด้วยมะนาวเป็นวิธีพื้นบ้าน ที่ช่วยคืนความขาวสะอาดให้กับผ้าที่เริ่มหมองคล้ำหรือมีคราบสกปรกโดยไม่ต้องใช้สารเคมีรุนแรง
เริ่มต้นด้วยการเตรียมน้ำอุ่นในกะละมังหรือถังสำหรับแช่ผ้า ปริมาณน้ำควรเพียงพอสำหรับการแช่ผ้าขาวที่ต้องการทำความสะอาด จากนั้นนำมะนาวสด 2-3 ลูก ผ่าครึ่งและบีบน้ำมะนาวลงในน้ำอุ่น คนให้น้ำมะนาวกระจายตัวในน้ำนำผ้าขาวที่ต้องการซักลงแช่ในน้ำผสมมะนาว ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความหมองคล้ำหรือคราบบนผ้า หากผ้ามีคราบสกปรกฝังแน่น สามารถใช้เปลือกมะนาวถูบริเวณคราบก่อนนำลงแช่ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบหลังจากแช่เสร็จ ให้ซักผ้าตามปกติด้วยมือหรือเครื่องซักผ้า โดยใช้น้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยน เมื่อล้างน้ำออกจนสะอาดแล้ว ควรตากผ้าในที่ที่มีแสงแดดจัด เพราะแสงแดดจะช่วยเสริมกระบวนการฟอกขาวตามธรรมชาติ
มะนาวเป็นตัวช่วยที่ครบเครื่องทั้งในเรื่องของการกำจัดคราบสกปรก กำจัดกลิ่น และยังช่วยทำให้บ้านของคุณสะอาดสดชื่นได้ในเวลาเดียวกัน หากคุณกำลังมองหาวิธีทำความสะอาดที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และใส่ใจสิ่งแวดล้อม การใช้มะนาวอาจเป็นคำตอบที่คุณมองหา ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ แล้วคุณจะพบว่าการทำความสะอาดด้วยมะนาวนั้นง่ายและได้ผลอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว! แต่ถ้าใครไม่อยากทำงานบ้านเอง ขอแนะนำ bluuu บริการแม่บ้านออนไลน์ยอดนิยมที่ให้บริการแม่บ้านคุณภาพ กดจองได้ง่ายๆในไม่กี่นาที เพียงเท่านี้ คุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาดของบ้านคุณอีกต่อไป
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.
ต้องใช้เวลากี่ชั่วโมงเพื่อทำความสะอาดบ้าน?
07 January 2025คุณควรจองเวลาทำความสะอาดบ้านกี่ชั่วโมง? แน่นอนว่าวิธีนี้แตกต่างกันไปในแต่ละบ้าน เนื่องจากขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความถี่ในการทำความสะอาด จำนวนสิ่งของที่คุณมีอยู่ ความเป็นระเบียบ ความสกปรก เป็นต้น
แต่มีวิธีง่ายๆ มากในการประมาณคร่าวๆ ว่าโดยปกติแล้วงานส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่จึงจะเสร็จ ผมเป็นเจ้าของบริการแม่บ้านออนไลน์อันดับต้นๆ ของประเทศไทย ดังนั้นผมจึงรู้จากประสบการณ์ตรงว่าปกติแม่บ้านใช้เวลาเฉลี่ยนานแค่ไหนในการทำความสะอาดบ้าน ดังนั้นข้อมูลนี้จึงควรเชื่อถือได้
- วิธีคำนวณจำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ในการทำความสะอาดบ้าน
จำนวนชั่วโมงขั้นต่ำที่จำเป็นในการทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ (เช่น ทำความสะอาด 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์) สามารถคำนวณได้ด้านล่างนี้:
จำนวนห้องนอน + 2 ชั่วโมง = จำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ในการทำความสะอาด
หมายเหตุ: จำนวนห้องนอนสามารถแทนที่ด้วยจำนวนห้องน้ำได้ เนื่องจากโดยปกติแล้ว จำนวนทั้งสองห้องควรจะเท่ากัน
ตัวอย่างที่ 1: สำหรับคอนโด 2 ห้องนอน เวลาที่ต้องใช้ขั้นต่ำคือ 4 ชั่วโมง (2 ห้องนอน + 2 ชั่วโมง = 4 ชั่วโมง)
ตัวอย่างที่ 2: สำหรับบ้าน 4 ห้องนอน เวลาที่ต้องใช้ขั้นต่ำคือ 6 ชั่วโมง (4 ห้องนอน + 2 ชั่วโมง = 6 ชั่วโมง)
นี่คือเวลาที่ต้องใช้สำหรับการทำความสะอาดบ้านทั่วไปและเป็นประจำ เช่น ล้างจาน ทำความสะอาดห้องน้ำ ครัว เปลี่ยนผ้าปูที่นอน เป็นต้น แต่ไม่รวมการรีดผ้า ดังนั้น หากคุณมีเสื้อผ้าที่ต้องรีด โปรดเพิ่มเวลาอีก 1-2 ชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณเสื้อผ้าที่ต้องรีด
นี่คือวิธีที่เว็บไซต์ของเราแนะนำจำนวนชั่วโมงในการจอง และถือเป็นหลักเกณฑ์ที่ดีในการตัดสินว่าควรจองกี่ชั่วโมงขั้นต่ำ
- อาจจะลดจำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ได้อย่างไร
จำนวนชั่วโมงจริงที่ต้องใช้ในการทำความสะอาดอาจแตกต่างกันไป มันขึ้นอยู่กับความถี่ในการทำความสะอาด อย่างเช่น หากคุณทำความสะอาดบ้านมากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ จำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้แต่ละครั้งก็ควรจะลดลง ดังนั้น สำหรับคอนโดที่มี 2 ห้องนอน ซึ่งโดยปกติต้องใช้เวลาขั้นต่ำ 4 ชั่วโมงต่อครั้ง ก็อาจทำความสะอาดเสร็จภายใน 3 ชั่วโมงได้ หากทำความสะอาด 5-6 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งก็คือเกือบทุกวัน
ปัจจัยอีกอย่างที่ต้องพิจารณาคือการเรียนรู้ของแม่บ้าน หลังจากทำงานที่บ้านของคุณเป็นเวลาหลายเดือน แม่บ้านจะคุ้นเคยกับการทำงานที่นั่น เรียนรู้ว่าอุปกรณ์อยู่ที่ไหน วิธีใช้อุปกรณ์ วิธีจัดระเบียบสิ่งของ ฯลฯ และจะเริ่มทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นี่ยังอาจจะลดจำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ต่อครั้งลงได้อีกด้วย
- สิ่งที่เราไม่ควรใช้วิธีคำนวณนี้
ไม่สามารถใช้กับงาน Big Cleaning (ทำความสะอาดครั้งใหญ่) ได้
นี่คือหลักเกณฑ์ทั่วไปในการทำความสะอาดบ้านเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และไม่ใช้กับงาน Big Cleaning เช่น การทำความสะอาดหลังย้ายออก ก่อนย้ายเข้า หลังปรับปรุงใหม่ หรือหลังจากไม่ได้ทำความสะอาดเป็นเวลานาน เช่นหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนด้วยซ้ำ Big Cleaning โดยปกติต้องใช้ทีมทำความสะอาด 3-4 คน อย่างน้อยครึ่งวันหรือทั้งวัน พร้อมอุปกรณ์พิเศษสำหรับขจัดคราบฝังแน่น และราคาจะอยู่ที่อย่างน้อย 5,000 บาท ดังนั้นสูตรนี้จึงใช้ไม่ได้กับงานประเภทนี้ ซึ่งแตกต่างจากงานดูแลบ้านทั่วไปโดยสิ้นเชิง
อย่าบีบบังคับแม่บ้านมากเกินไป
จากการให้บริการกับลูกค้าหลายพันท่านบนแพลตฟอร์มของเรา ผมเคยพบว่าลูกค้าบางท่านพยายามบีบบังคับแม่บ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยจองน้อยกว่าจำนวนชั่วโมงที่แนะนำและกดดันให้แม่บ้านทำงานเร็วขึ้นและหนักขึ้น ซึ่งมักจะไม่จบลงด้วยดีกับลูกค้าประเภทนี้ เพราะแม้แต่แม่บ้านที่ดีที่สุดของเราก็ยังเป็นมนุษย์เหมือนกัน และต้องมีเวลาหายใจ ดังนั้นแม้แต่แม่บ้านที่ดีที่สุดก็มักจะหมดแรงและในที่สุดก็ปฏิเสธงานจากลูกค้าเหล่านี้ เนื่องจากมันสร้างความเครียดมากเกินไป จากนั้นลูกค้าแบบนี้จะต้องเลือกแม่บ้านที่มีความสามารถน้อยกว่าหรือพยายามหาแม่บ้านใหม่ เพราะไม่มีใครอยากทำงานต่อไป ดังนั้น โปรดใจดีกับแม่บ้าน และในทางกลับกัน แม่บ้านก็จะภักดีต่อคุณมากขึ้น และนั่นจะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นมากในระยะยาว
ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ ผมเป็นเจ้าของบริการแม่บ้านทำความสะอาดออนไลน์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ดังนั้นหากคุณต้องการบริการแม่บ้านรายวันหรือรายสัปดาห์ กรุณาลองดูลิงก์นี้ เรามีแม่บ้านคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทย
ขอบคุณที่อ่านจนจบ 🙏
===
เขียนโดย Daigo Yoda
ผู้ก่อตั้งและ CEO Bluuu
ซักเสื้อสีดำยังไง ไม่ให้ซีดเร็ว เคล็ดลับง่ายๆ แต่ใช้ได้จริง!!
04 January 2025เสื้อผ้าสีดำเป็นเสื้อผ้าที่ดูเรียบๆ แต่ก็ให้ลุคที่ดูเรียบหรู ผู้คนมากมายนิยมใส่เสื้อผ้าสีดำ ทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ปัญหาที่มักเจอบ่อยๆคือ เสื้อผ้าสีดำซีดลง สีไม่เข้มเหมือนตอนที่ซื้อมาใหม่ๆ หากคุณมีเสื้อผ้าสีดำอยู่เต็มตู้ นี่เป็นสิ่งที่คุณควรทราบจริงๆค่ะ ทางทีมงานแม่บ้าน Bluuu จะมาช่วยแนะนำวิธีซักผ้าสีดำยังไง ไม่ให้สีซีดจางเร็วนั่นเอง
การซักเสื้อสีดำมีข้อควรระวังอย่างไร
- แยกซัก : ควรแยกผ้าสีกับผ้าขาวทุกครั้งก่อนนำไปซัก ไม่ควรนำมาซักรวมกัน นอกจากนี้ควรแยกประเภทของผ้าที่จะซักด้วย ว่าควรซักเครื่องหรือซักมือ โดยปกติแล้วเสื้อผ้าสีดำส่วนมากเราจะนำเข้าเครื่องซักผ้า แต่ไม่ได้ดูชนิดของเนื้อผ้าว่าบางหรือหนา หากนำไปซักรวมกันอาจทำให้เกิดการเสียดสีแบบรุนแรงและทำให้เม็ดสีหลุดออกได้ง่าย
- ใช้น้ำเย็นในการซักเสื้อสีเข้ม : เนื่องจากการใช้น้ำร้อนในซักเสื้อสีดำอาจทำให้เม็ดสีหลุดออกง่ายกว่ามาก การซักด้วยน้ำเย็นจะช่วยถนอมเส้นใยผ้าสีดำให้สีเสื้อคงทนและสดใสมากยิ่งขึ้น ดังนั้นก่อนซักควรตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสมกันด้วยนะคะ
- เลือกโปรแกรมการซักที่อ่อนโยน : การซักเสื้อสีดำให้สีคงทนและไม่ซีดเร็วนั้นขึ้นอยู่กับความแรงในการซักด้วยค่ะ หากเราใช้โหมดซักผ้าปกติหรือโหมดขจัดคราบในการซักทุกครั้ง เมื่อผ้ามีการเสียดสีกันอย่างรุนแรงในเครื่องซักผ้า แน่นอนว่าเสื้อสีดำเม็ดสีอาจหลุดลอกออกมาได้ง่ายแน่นอน และไม่ควรปั่นแห้ง เพราะการปั่นแห้งจะมีแรงเหวี่ยงสูง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรใช้ถุงซักผ้า ดังนั้นควรเลือกโปรแกรมการซักที่อ่อนโยน บิดอย่างเบามือ และนำขึ้นตากทันที
- ใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่เหมาะสม : ปัจจุบันมีน้ำยาซักผ้าสูตรผ้าสีดำ ซึ่งช่วยชะลอการซีดของผ้า (ไม่ได้ทำให้ผ้าสีเข้มขึ้น) เหมาะสำหรับคนที่มีเสื้อสีดำเป็นจำนวนมาก มีจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป และการใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสีดำ ควรใช้แบบน้ำใส่แบบพอประมาณ ไม่ควรใช้แบบผง เนื่องจากแบบผงจะทำให้เกิดคราบขาวบนผ้าได้ง่ายนั่นเอง และที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงผงซักฟอกที่มีสารฟอกขาว
- การตากผ้า : ให้กลับเอาผ้าข้างในออก และไม่ควรให้ผ้าโดนแดดโดยตรง ควรตากในร่ม หรือโดนแดดอ่อนๆ หากไม่ได้กลับด้านเสื้อเวลาตากแดด รับรองว่าแดดประเทศไทยสามารถทำให้เสื้อสีดำของคุณซีดเร็วแน่ๆ เพราะความร้อนเป็นตัวการที่ทำให้เสื้อผ้าของเราสีซีดเร็ว
ขอควรระวังอื่นๆในการซักเสื้อสีดำ
- ไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มบ่อยเกินไป
- ไม่ควรรีดเสื้อสีดำด้วยความร้อนสูง
- หลีกเลี่ยงการซักบ่อยเกินความจำเป็น (ควรมีเสื้อหลายๆตัวผลัดกันใส่)
- ไม่ควรแช่ผ้าสีดำนานเกินไป
เสื้อสีดำซีดแล้ว แก้ไขได้อย่างไรบ้าง ?
เมื่อเวลาผ่านไป แม้คุณจะดูแลเสื้อสีดำดีแค่ไหนก็อาจมีซีดจางลงได้ สิ่งที่สามารถแก้ไขดีที่สุดคือหา “สีย้อมผ้า” คุณภาพดีมาใช้ ทำตามขั้นตอนที่ระบุในฉลาก เพียงเท่านี้เสื้อดำตัวโปรดของคุณก็กลับมาดูสดใสเหมือนเดิม
ข้อแนะนำ : หากคุณเป็นคนที่ชอบใส่เสื้อสีดำมากๆ แต่ไม่อยากให้เสื้อสีซีดเร็ว การเลือกเนื้อผ้าเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรเลือกซื้อโดยดูเนื้อผ้า และคุณภาพเป็นหลัก เพราะผ้าบางชนิดต่อให้ดูแลดีแค่ไหนก็ซีดเร็ว
การหมั่นดูแลเสื้อผ้าให้ดูดีอยู่เสมอทั้งรูปร่างและสีสัน รู้วิธีซักแบบถนอมผ้าและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยทำให้ผู้สวมใส่ดูบุคลิกภาพดีแล้ว ยังช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อีกด้วย
นอกจากจะดูแลเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้ดีแล้วอย่าลืมดูแลบ้านให้สะอาดนะคะ เพราะถ้าบ้านสะอาดสุขภาพกายและสุขภาพใจก็จะดีขึ้นด้วยค่ะ หากคุณไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้าน บริการแม่บ้านรายชั่วโมงหรือแม่บ้านรายวันของเราช่วยคุณได้ค่ะ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ของเรา ทำจองง่าย ได้แม่บ้านคุณภาพดีที่ bluuu
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.
เคล็ดลับทำความสะอาดบ้านด้วยเบกกิ้งโซดา
03 January 2025เบกกิ้งโซดาหรือโซเดียมไบคาร์บอเนต เป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติเป็นด่างอ่อนๆ ละลายน้ำได้ดี เรียกได้ว่าเป็นของใช้ในครัวอเนกประสงค์ที่มีประโยชน์มากมายสามารถนำไปใช้ทำความสะอาดบ้านได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นขจัดคราบ ลดกลิ่นและไม่ทำลายพื้นผิว ปลอดภัยกับคนในบ้าน ใครที่เป็นแม่บ้านควรต้องมีติดบ้านไว้เลย แต่เบกกิ้งโซดาจะสามารถนำมาใช้ทำงานบ้านทำความสะอาดยังไงได้บ้าง จดตามแล้วนำไปใช้ได้เลย
ทำความสะอาดห้องน้ำ
ใช้น้ำยาล้างจานประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำส้มสายชู 2-3 ช้อนโต๊ะและเบกกิ้งโซดาอีก 4-5 ช้อนโต๊ะ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำไปล้างตามซอกหัวก๊อกหรือขัดชักโครกคราบสกปรกก็จะออกดี แต่ถ้าอยากให้ห้องน้ำมีกลิ่นหอมฟุ้งให้เปลี่ยนจากน้ำยาล้างจานเป็นน้ำยาซักผ้าและเติมน้ำเปล่าให้เต็มถังประมาณ 4-5 ลิตร สูตรนี้หอมสะอาดแน่นอน
ทำความสะอาดไมโครเวฟ
เตรียมภาชนะใส่น้ำสะอาด 500 มล.และตามด้วยเบกกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะ คนผสมให้เบกกิ้งโซดาละลาย หากต้องการขจัดกลิ่นอาหารที่ติดในไมโครเวฟให้บีบมะนาวพร้อมเปลือกลงไป 1-2 ซีก นำเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟที่ระดับ 700-800 วัตต์ประมาณ 3-5 นาที นำถาดรองออกมาล้างด้วยน้ำยาล้างจาน หลังจากนั้นก็นำฟองน้ำมาเช็ดทำความสะอาดภายในให้เรียบร้อย นอกจากเบกกิ้งโซดาแล้วยังมี วิธีทำความสะอาดไมโครเวฟจากของใช้ครัว อีกมากมาย
ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์
เบกกิ้งโซดาสามารถช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นตู้เย็น เพียงนำเบกกิ้งโซดา เทใส่ถ้วยเล็กๆ ให้เกือบเต็มถ้วยแล้วนำไปวางไว้ในตู้เย็นก็สามารถช่วยลดกลิ่นเหม็นในตู้เย็นได้ หรือถ้าเป็นกลิ่นเหม็นอับของรองเท้าก็เพียงนำเบกกิ้งโซดาเทใส่ในรองเท้าที่มีกลิ่นเหม็นทิ้งไว้ 1 คืนแล้ว เบกกิ้งโซดาจะช่วยดูดซับความชื้นและกลิ่นออกจากรองเท้าได้ดี
ซักผ้าขาว
ผ้าขาวที่มีคราบเหลืองหรือคราบสกปรกสามารถแก้ได้ด้วยเบกกิ้งโซดาง่ายๆ เพียงนำกะละมังเติมน้ำให้พอดีกับการแช่ผ้า เทเบกกิ้งโซดาประมาณ 5-6 ช้อนโต๊ะ สำหรับเสื้อประมาณ 3-4 ตัว หากมากกว่านั้นให้เติมเพิ่มตามความเหมาะสม และเทน้ำยาล้างจานลงไปประมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะ ตีผสมให้เกิดฟองและนำผ้าขาวไปแช่ทิ้งไว้ 1 คืน และซักมือตามปกติหากต้องการเพิ่มความหอมให้ใช้น้ำยาซักผ้าเทลงไปเล็กน้อย และล้างด้วยน้ำสะอาด
ขจัดรอยไหม้
หากเป็นรอยไหม้จากภาชนะให้นำน้ำร้อนไปเทใส่ภาชนะตรงที่มีรอยไหม้เทเบกกิ้งโซดาลงไป แช่ทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาทีเทน้ำยาล้างจานลงไปเล็กน้อยและนำฝอยขัดหม้อมาขัดออกจนสะอาด เบกกิ้งโซดาจะช่วยให้รอยไหม้ขัดออกได้ง่ายขึ้น หรือหากเป็นรอยไหม้ที่เตารีดให้นำเบกกิ้งโซดาผสมน้ำส้มสายชู คนผสมและทาทิ้งไว้บริเวณรอยไหม้บนเตารีดเปิดไฟอ่อนๆ หลังจากนั้นให้นำผ้าเช็ดออกจนคราบออกหมด
ท่อน้ำอุดตัน
ให้นำเบกกิ้งโซดาเทลงไปในท่อที่ตันประมาณ 6-7 ช้อนโต๊ะหรือจะกะปริมาณตามความเหมาะสมก็ได้ หลังจากนั้นเทน้ำส้มสายชูตามลงไป หลังจากนั้นต้มน้ำให้เดือดและเทน้ำยาล้างจานลงไปในน้ำร้อนและนำน้ำร้อนเทลงท่อตามลงไป เบกกิ้งโซดาจะช่วยขจัดไขมันเศษอาหารที่เกาะติดตามซอกในท่อได้เป็นอย่างดี สามารถดูวิธี แก้ปัญหาท่ออุดตัน เพิ่มเติมได้
ไล่แมลงสาบ
เบกกิ้งโซดาช่วยไล่แมลงสาบและแมลงอื่นๆ ได้ดี นำน้ำสะอาด 1 ถ้วยเทใส่ภาชนะให้พร้อมใส่น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ และเบกกิ้งโซดา 5 ช้อนโต๊ะ คนส่วนผสมทั้งหมดให้ละลายเข้ากัน หลังจากนั้นนำไปวางตามจุดที่มีแมลงสาบอยู่ประจำก็สามารถช่วยไล่แมลงสาบได้ เป็นวิธีที่ปลอดภัยไม่เป็นอันตรายกับคนในบ้าน
เบกกิ้งโซดา มีประโยชน์อีกมากมายในการทำความสะอาดบ้าน เป็นอีกตัวเลือกที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับคนในบ้าน ราคาประหยัดและใช้งานง่าย มีคุณสมบัติที่ช่วยให้การทำความสะอาดเป็นเรื่องง่ายขึ้น แต่ถ้าใครไม่อยากทำงานบ้านเอง ขอแนะนำ แม่บ้านออนไลน์จาก Bluuu ที่จะช่วยให้คุณมีบ้านที่สะอาดจากแม่บ้านมืออาชีพ ราคาก็มิตรภาพ กดจอง ได้ง่ายๆ แค่นี้บ้านของคุณก็จะสะอาดเหมือนใหม่อีกครั้งจากแม่บ้าน Bluuuu
เกี่ยวกับผู้เขียน
Nannicha P.
มือใหม่ต้องรู้ วิธีใช้หม้อทอดไร้น้ำมันอย่างถูกต้อง ปลอดภัย
01 January 2025ปัจจุบันการประกอบอาหารเป็นไปอย่างง่ายเพราะมีเทคโนโลยีช่วยในความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่กี่ปีที่ผ่านมา “หม้อทอดไร้น้ำมัน” เข้ามามีบทบาทในครัวเรือนมากขึ้น เนื่องจากเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำอาหาร เนื่องจากเป็นหม้อทอดที่สามารถทอดอาหารได้โดยไม่ต้องใช้น้ำมัน ตอบโจทย์สายรักสุขภาพ เด็ก ผู้สูงอายุ และคนที่กำลังลดน้ำหนักนั่นเอง
นอกจากไม่ต้องใช้น้ำมันในการประกอบอาหารแล้วตัวเครื่องยังใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ว่าจะอยู่คอนโดหรือบ้านที่มีขนาดห้องครัวไม่ใหญ่มากก็สามารถใช้ได้ เพราะตัวเครื่องมีขนาดกระทัดรัดไม่ใหญ่เกินไปเหมือนเตาอบ อีกอย่างดีไซน์ก็ยังทันสมัย ทำให้ห้องครัวดูดีขึ้นมาเลยค่ะ
หม้อทอดไร้น้ำมัน มีการทำงานอย่างไร ?
หม้อทอดไร้น้ำมันเป็นการทำอาหารให้สุกโดยการเป่าลมร้อนให้หมุนเวียนในหม้อ ทำให้อาหารได้รับความร้อนอย่างทั่วถึงโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน โดยความร้อนจะค่อยๆเข้าสู่อาหารจากด้านนอกสู่ด้านใน ทำให้อาหารกรอบนอกนุ่มในเหมือนการทอดด้วยน้ำมันนั่นเอง
เลือกซื้อหม้อทอดไร้น้ำมันอย่างไรให้ตอบโจทย์การใช้งาน
การเลือกซื้อหม้อทอดไร้น้ำมัน มีปัจจัยที่ควรพิจารณา เช่น ขนาด ความจุ และฟังก์ชั่นพิเศษ ซึ่งแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อมีฟังก์ชั่นที่แตกต่างกันออกไป โดยหลักๆควรพิจารณาจาก
- ขนาด : ขนาดของหม้อทอดไร้น้ำมันมีตั้งแต่ 2 ลิตร ไปจนถึง 8 ลิตร ขนาดใหญ่ ซึ่งขนาด 2 ลิตรเริ่มต้นนี้จะเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กที่มี 1-2 คน และขนาด 5-8 ลิตร เหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิก 3-5 คน เป็นต้น ซึ่งการเลือกขนาดของหม้อทอดค่อนข้างสำคัญเพราะหากเป็นหม้อขนาดเล็กก็จะใส่อาหารได้จำนวนน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทอาหารที่ต้องการทำด้วยค่ะ
- ฟังก์ชั่น : เลือกฟังก์ชั่นที่เหมาะสมกับการใช้งาน เพราะเครื่องแต่ละยี่ห้อมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ส่วนมากฟังก์ชั่นหลักๆจะเป็นการทอด ทำเค้ก ย่างปลา หรือทำสเต็ก เป็นต้น
วิธีการใช้งานหม้อทอดน้ำมัน ขั้นตอนการใช้งานเบื้องต้น
- อุณหภูมิ : เรียนรู้ว่าอาหารแต่ละชนิดควรใช้อุณหภูมิเท่าไหร่ และใช้เวลาเท่าไหร่ เช่น การทำสเต็กเนื้อ จะใช้ไฟ 180 องศา กลับด้านละ 5-7 นาที จะได้เป็นเนื้อแบบ medium rare หากต้องการสุกทั่วชิ้นให้ใช้เวลามากขึ้นค่ะ
- วัตถุดิบ : ควรหั่นวัตถุดิบให้มีขนาดเล็ก เพื่อให้สุกง่าย ใช้เวลาไม่นานเกินไป และเนื้อสัตว์ที่นำมาเข้าหม้อทอดไร้น้ำมันไม่ควรเป็นน้ำแข็ง ควรนำออกมาไว้ด้านนอกตู้เย็นให้น้ำแข็งละลายก่อน
- การจัดวางอาหารในหม้อทอดไร้น้ำมัน : ควรเรียงให้เหมาะสม มีช่องว่างให้ความร้อนผ่านได้ ไม่ควรยัดหรือใส่อาหารเข้าไปแน่น จนไม่มีพื้นที่เหลือ ถ้ายิ่งฝืนใส่อาหารเข้าไปเยอะเกินจะทำให้อาหารหรือเนื้อสัตว์สุกไม่ทั่วถึง เสียเวลาในการจัดเตรียมอาหารไปนั่นเอง
ข้อควรระวังในการใช้หม้อทอดไร้น้ำมัน
อย่างไรก็ตามการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดควรทราบถึงข้อควรระวังต่างๆให้ดี ควรอ่านคู่มือการใช้งานก่อนทุกครั้ง เพราะแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้ออาจมีการใช้งานที่แตกต่างกันไป สำหรับข้อควรระวังเบื้องต้นสำหรับหม้อทอดไร้น้ำมันมีดังนี้
- การวางหม้อในที่อับ - ไม่ควรวางหม้อทอดไร้น้ำมันในมุมอับ คับแคบ ไม่มีที่ระบายลมหรืออากาศ เนื่องจากการใช้งานเครื่องทอดไร้น้ำมัน จะมีลมออกมาบริเวณด้านหลังของเครื่อง (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อด้วยค่ะ) ควรวางไว้ในระยะห่างจากผนังประมาณ 20-30 เซนติเมตร เพื่อเครื่องจะได้มีพื้นที่ระบายอากาศออกมา เครื่องทำงานไม่หนักเกินไป และควรวางบนเคาท์เตอร์ครัวที่ราบ มีความมั่นคง
- วัสดุที่ไม่ควรใช้ในหม้อทอด - ภาชนะพลาสติก โฟม ถุงร้อน ไม่ควรนำใส่ในหม้อทอดไร้น้ำมัน เพราะเป็นวัสดุที่ไม่ทนความร้อน หากต้องการที่รองอาหาร ควรเลือกใช้เป็นกระดาษฟอยล์สำหรับห่ออาหาร กระดาษรองอบ ปัจจุบันมีกระดาษไขรองอบสำหรับรองหม้อทอดไร้น้ำมันวางจำหน่าย เป็นแบบวงกลมและสี่เหลี่ยม เหมาะกับการใช้งานในหม้อทอดไร้น้ำมันโดยเฉพาะ (ห้ามใช้กระดาษทั่วไป ควรใช้เป็นกระดาษไขรองอบเท่านั้น)
- ถอดปลั๊กออกทันทีเมื่อทำอาหารเสร็จ และไม่ควรเปิดสวิทต์การตั้งอุณหภูมิทิ้งไว้
- ไม่ควรใช้หม้อทอดไร้น้ำมันในการอุ่นแกงหรือซุป
การดูแลทำความสะอาดหม้อทอดไร้น้ำมัน
เมื่อประกอบอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ควรรู้ต่อไปคือการล้างทำความสะอาดหม้อทอดน้ำมันนั่นเอง เนื่องจากหม้อทอดไร้น้ำมันบางยี่ห้อ ถาดที่ใส่อาหารเป็นแบบตะกร้า แบบตะแกรงที่มีรู หากวางวัตถุดิบ เนื้อสัตว์ไปโดยตรงไม่มีอะไรรอง ปัญหาที่ตามมาคือเศษอาหารและคราบที่ติดอยู่ ล้างออกยาก โดยเราจะแนะนำวิธีล้างหม้อทอดไร้น้ำมันดังนี้ค่ะ
- บริเวณหม้อทอด : หากมีคราบเศษอาหารเกาะแน่น ให้ยกตัวหม้อออกมาแช่น้ำและน้ำยาล้างจานทิ้งไว้สักครู่ หรือแช่ด้วยเบ้กกิ้งโซดา รอจนกว่าคราบสกปรกจะหลุดออกง่าย แล้วล้างด้วยฟองน้ำนุ่มๆและน้ำยาล้างจานจนสะอาดดี ไม่ควรใช้สก็อตไบรท์ที่มีความคมล้างหรือขัดแรง เพราะตัวหม้อทอดทำมาจากเทฟล่อนนั่นเอง
- บริเวณตัวเครื่อง : สำหรับบริเวณตัวเครื่องด้านในและขดลวด ให้ใช้น้ำสะอาด 1 ถ้วยผสมกับเบ้กกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ ละลายให้เข้ากัน และใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำผสมเบกกิ้งโซดา เช็ดทำความสะอาดขดลวดและในตัวเครื่องเบาๆ เพื่อให้คราบและความมันหรือกลิ่นอาหารหลุดออกไป
- บริเวณนอกตัวเครื่อง : ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดเผื่อมีคราบมันหรือคราบสกปรกติดอยู่ ทำให้เครื่องทอดไร้น้ำมันของเราดูสะอาด ไม่มันเยิ้ม และเมื่อล้างเสร็จควรใช้ผ้าเช็ดให้แห้งสนิททุกครั้งก่อนนำไปจัดเก็บ ทั้งตัวหม้อและตัวเครื่อง แนะนำให้ทำความสะอาดทุกครั้งหลังการใช้งาน
หม้อทอดไร้น้ำมันมีทั้งข้อดี และข้อเสีย
ข้อดีของการประกอบอาหารด้วยหม้อทอดไร้น้ำมัน
- ไขมัน และแคลอรี่ลดลงจากการทอดปกติ 70-80%
- ลดความเสี่ยงจากสารก่อมะเร็งที่มาจากน้ำมันทอด
- ดีต่อสุขภาพ เหมาะกับคนที่กำลังดูแลสุขภาพ ลดน้ำหนัก ลดไขมัน
- ประหยัดเวลาในการทำอาหาร เพียงแค่ใส่วัตถุดิบลงไป และตั้งเวลา ตั้งอุณหภูมิและรอให้เครื่องทำงานเสร็จ
- กลิ่นทำอาหารไม่ฉุนเท่าการทอดเอง ลดควันในการทอด และลดการเกิดน้ำมันกระเด็น
- เหมาะกับครอบครัวที่อาศัยอยู่คอนโด หรือบ้านที่มีพื้นที่ครัวไม่มากนัก
ข้อเสียของการประกอบอาหารด้วยหม้อทอดไร้น้ำมัน
- ความจุจำกัด ไม่สามารถทำอาหารปริมาณเยอะๆได้ในครั้งเดียว หากมีการกินเลี้ยง จำนวนคนเยอะๆ 10-20 คน การทอดด้วยน้ำมันจะเหมาะสมและรวดเร็วกว่า
- ใช้เวลานานกว่า อาหารบางชนิดอาจใช้เวลานานกว่าการทอดปกติ เช่น การทอดไก่ น่องไก่ สะโพกไก่ เนื่องจากเนื้อสัตว์มีความหนา มีกระดูก การทอดด้วยหม้อทอดอาจใช้เวลานานกว่า
- การทำความสะอาด เนื่องจากหม้อทอดไร้น้ำมัน ตัวหม้อเป็นหม้อเทฟล่อน ต้องระวังในการล้าง และบางยี่ห้อที่ใส่อาหารเป็นแบบตะแกรง ถ้ามีคราบอาหารติดจะทำความสะอาดยุ่งยากนั่นเอง
การดูแลรักษาและวิธีใช้หม้อทอดไร้น้ำมันไม่มีอะไรยากเลยค่ะ เพียงแต่เราต้องหมั่นเรียนรู้ ศึกษาจากคู่มือการใช้งานอย่างละเอียดรอบคอบ เพราะแต่ละยี่ห้อ อาจมีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป กำลังไฟแตกต่างกัน ความร้อนแตกต่างกัน แต่ถ้าให้ดีควรเลือกซื้อยี่ห้อที่เชื่อถือได้ มีการรับรองมาตรฐานการผลิตและมีการรับประกันตัวเครื่องด้วยค่ะ
หลังการประกอบอาหารแล้วอย่าลืมทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในครัวทุกครั้ง เพื่อสุขอนามัยที่ดีของทุกคนในครอบครัว แต่หากคุณไม่มีเวลาทำความสะอาดมากนัก ให้นึกถึงบริการของเราค่ะ แม่บ้านออนไลน์ ให้บริการแบบรายชั่วโมง เป็นตัวเลือกที่คู่ควรมากๆในปัจจุบัน นอกจากสะดวกแล้วยังไม่เปลืองแรงอีกด้วย สามารถอ่านรายละเอียดการให้บริการได้ที่ เว็บไซต์ของเรา
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.
หุงข้าวยังไงให้อยู่ได้นาน ไม่บูดง่าย เคล็ดลับง่ายๆที่คุณต้องรู้!
27 December 2024เมื่อเมืองไทยเป็นเมืองร้อนและทานข้าวเป็นอาหารหลัก ปัญหาที่พ่อบ้านแม่บ้านเคยเจอมักหนีไม่พ้นปัญหาข้าวบูด เมื่อข้าวบูดในหม้อหุงข้าวครั้งแรกแล้ว ครั้งต่อๆไปข้าวอาจจะบูดเหมือนเดิมก็เป็นได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงค่ะ ถึงแม้เราจะล้างหม้อสะอาดยังไงข้าวก็ยังบูดอยู่ดี นั่นเป็นเพราะว่าแบคทีเรียที่เกาะอยู่ตามหม้อและฝาหม้อ ซึ่งเป็นแบคทีเรีย จุลินทรีย์ หรือเชื้อโรคต่างๆ ซึ่งเราอาจจะไม่ได้ทำความสะอาดอย่างทั่วถึง
การแก้ปัญหาหม้อหุงข้าว หุงข้าวแล้วข้าวบูดเร็ว ทำอย่างไรดี ?
- น้ำส้มสายชู : แก้ไขโดยใช้น้ำส้มสายชูล้างทำความสะอาดหม้อหุงข้าว โดยเราจะใช้น้ำส้มสายชู 1 ส่วน ต่อน้ำสะอาด 1 ส่วน ใส่ลงไปในหม้อหุงข้าว และกดเปิดหุงข้าวปกติ ให้ความร้อนทำงาน เมื่อเสร็จแล้วให้นำมาล้างด้วยน้ำยาล้างจานปกติแล้วผึ่งให้แห้งสนิท นอกจากน้ำส้มสายชูจะมีฤทธิ์เป็นกรดช่วยทำความสะอาดพื้นผิวได้ดีแล้ว ยังสามารถช่วยฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย
- เกลือ : นอกจากน้ำส้มสายชูแล้วยังสามารถใช้เกลือในการทำความสะอาดหม้อหุงข้าวที่หุงแล้วข้าวบูดบ่อยได้เช่นกันค่ะ โดยเราจะใช้เกลือ 2-3 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำสะอาด 1 ถ้วย ใส่ในหม้อหุงข้าว แล้วกดเปิดให้เครื่องทำงาน เสร็จแล้วให้นำหม้อหุงข้าวไปล้างให้สะอาดโดยใช้น้ำยาล้างจาน แล้วผึ่งให้แห้งก่อนนำไปเก็บ
- นำหม้อหุงข้าวไปตากแดดจัดให้แห้งสนิท : เมื่อเสร็จสิ้นการล้างหม้อหุงข้าวแล้ว หากที่บ้านแดดส่องถึงแนะนำให้นำหม้อหุงข้าวไปตากแดด หรือผึ่งแดดให้แห้งสนิท เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรค
นอกจากนี้ยังสามารถใช้เกลือทาในหม้อหุงข้าวให้รอบๆ แล้วทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง จึงนำกลับมาล้าง
วิธีหุงข้าวยังไงให้ข้าวไม่บูดเร็ว
- ใส่น้ำส้มสายชูปริมาณเล็กน้อยในหม้อหุงข้าว อัตราส่วน 1 ช้อนชา ต่อข้าว 1 ถ้วย ใส่ตอนที่ซาวข้าวและเติมน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว น้ำส้มสายชูสามารถผสมลงไปตอนหุงข้าวได้ทั้งข้าวเหนียวและข้าวสวย โดยการใส่น้ำส้มสายชูปริมาณเล็กน้อยนี้จะไม่มีรสเปรี้ยวแต่อย่างใดค่ะ วิธีนี้จะช่วยยืดระยะเวลาให้ข้าวบูดช้าลง
- ล้างข้าวสารหลายๆรอบก่อนนำไปหุง ควรล้างข้าวสารหลายๆครั้ง เพราะนอกจากจะช่วยชำระล้างสารเคมีและแมลงแล้ว ยังช่วยลดปริมาณของยางข้าวให้น้อยลง หากเป็นข้าวใหม่ ยางข้าวจะค่อนข้างเยอะ หากล้างไม่ดีพอจะทำให้ข้าวแฉะเปียกและอาจทำให้ข้าวบูดเร็วขึ้นนนั่นเอง
- ตอนเปิดหม้อข้าวควรเช็ดไอน้ำบริเวณฝาหม้อข้าวให้แห้งทุกครั้ง เพื่อป้องกันไอน้ำหยดลงไปโดนข้าว อาจทำให้ข้าวในหม้อแฉะและเสียเร็วขึ้นนั่นเอง
- เมื่อทานข้าวไม่หมด มีข้าวเหลืออยู่ในหม้อหุงข้าว ห้ามปล่อยข้าวทิ้งไว้เด็ดขาดเพราะจะทำให้ข้าวบูดคาหม้อ ควรหากล่องที่มีฝาปิดมิดชิดใส่ข้าวแล้วนำแช่ตู้เย็นจะดีที่สุด เมื่อจะทานอีกครั้งค่อยนำออกมาอุ่นในไมโครเวฟ
- ไม่ควรเสียบปลั๊กหม้อหุงข้าวทิ้งไว้ตลอดเวลา เนื่องจากจะเปลืองไฟแล้วยังทำให้ข้าวเกิดความร้อนชื้นตลอดนั่นเอง เพราะแบคทีเรียบางชนิดสามารถทนความร้อนได้
- ข้าวที่หุงเกิน 2-3 วันแล้ว ไม่ควรนำออกมาอุ่นทาน หากไม่ได้แช่ช่องฟรีสไว้ เพราะถ้าเป็นการแช่ตู่เย็นช่องธรรมดา ความเย็นอาจไม่คงที่แบคทีเรียสามารถเจริยเติบโตได้นั่นเอง
ปัจจุบันมีหม้อหุงข้าวที่ทำออกมาสามารถช่วยยืดระยะเวลาการบูดของข้าวได้ โดยหม้อจะมีความหนา ทำจากวัสดุคุณภาพดีสามารถทำให้ข้าวอุ่นค่อนข้างนาน โดยเราได้มี แนะนำหม้อหุงข้าวไว้ที่ แม่บ้านขอแชร์ หม้อหุงข้าวยี่ห้อไหนดี? ใช้งานง่าย คุณภาพเกินคุ้ม สามารถเข้าไปอ่านบทความได้ค่ะ มีหม้อหุงข้าวหลายยี่ห้อน่าสนใจมากๆ
หากคุณไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้าน และต้องการผู้ช่วยในการทำความสะอาดสามารถอ่านรายละเอียดต่างๆได้ที่ เว็บไซต์ของเรา เรามีบริการแม่บ้านในเขตกรุงเทพและปริมณฑล แบบรายชั่วโมง รับรองว่าจองง่าย สะดวกสบายมากค่ะ
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.
กลิ่นท่อในห้องน้ำคอนโดเหม็นไม่ไหว แก้ไขยังไง ?
26 December 2024กลิ่นเหม็นจากท่อในห้องน้ำมักเป็นปัญหาที่สร้างความรำคาญใจและทำให้บรรยากาศในบ้านเสีย อย่างไรก็ตาม คุณสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีธรรมชาติที่ง่ายและปลอดภัย ไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีแรงๆ วิธีการเหล่านี้ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและเป็นมิตรต่อสุขภาพอีกด้วย บทความนี้จะมาแนะนำวิธีที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ทันทีเพื่อกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และคืนความสดชื่นให้กับห้องน้ำของคุณกัน
1. ใช้เบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู
เบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชูเป็นส่วนผสมที่หลายคนมีอยู่ในบ้านและสามารถช่วยขจัดกลิ่นอับจากท่อระบายน้ำได้ เบกกิ้งโซดามีคุณสมบัติช่วยดูดซับกลิ่นในขณะที่น้ำส้มสายชูมีคุณสมบัติช่วยกำจัดคราบสกปรกและไขมันสะสม เพียงเทเบกกิ้งโซดาลงในท่อ ตามด้วยน้ำส้มสายชู และปล่อยให้เกิดฟองจากปฏิกิริยาเคมี เมื่อเสร็จสิ้น ล้างด้วยน้ำร้อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำความสะอาด วิธีนี้ไม่เพียงแต่ลดกลิ่นอับ แต่ยังช่วยเปิดท่อระบายน้ำให้ไหลได้สะดวกขึ้นด้วย
2. ใช้เกลือและน้ำร้อน
การใช้เกลือร่วมกับน้ำร้อนเป็นวิธีธรรมชาติที่ง่ายดายและมีประสิทธิภาพ เกลือจะช่วยกัดกร่อนคราบไขมันและสิ่งสกปรกในท่อระบายน้ำ ในขณะที่น้ำร้อนจะช่วยล้างสิ่งสกปรกออกไป เพียงเทเกลือลงไปในท่อแล้วตามด้วยน้ำร้อนช้าๆ วิธีนี้ยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิดที่อาจเป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็นได้ด้วย
3. น้ำมะนาวและเบกกิ้งโซดา
น้ำมะนาวเป็นตัวช่วยจากธรรมชาติที่มีกรดซิตริกช่วยลดกลิ่นเหม็นจากท่อ เมื่อผสมกับเบกกิ้งโซดาจะเกิดฟองที่ช่วยดึงคราบสกปรกออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ กลิ่นสดชื่นจากน้ำมะนาวยังช่วยปรับบรรยากาศในห้องน้ำให้ดีขึ้นอีกด้วย วิธีนี้เหมาะสำหรับการลดกลิ่นในระยะยาวและยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
4. ใบชาแห้ง
ใบชาแห้งสามารถนำมาใช้เป็นตัวช่วยในการดูดซับกลิ่นอับได้ โดยคุณสามารถนำใบชาแห้งใส่ในถุงผ้าขนาดเล็กและวางไว้ใกล้ท่อระบายน้ำ กลิ่นหอมจากใบชาจะช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และเพิ่มความสดชื่นให้กับห้องน้ำ แต่คุณควรเปลี่ยนใบชาใหม่ทุกสองสัปดาห์เพื่อประสิทธิภาพที่ดีอย่างสม่ำเสมอ
5. น้ำมันหอมระเหย
การใช้น้ำมันหอมระเหยเป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มความหอมและลดกลิ่นอับในห้องน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลือกน้ำมันหอมระเหยกลิ่นสดชื่น เช่น เลมอน ยูคาลิปตัส หรือลาเวนเดอร์ หยดน้ำมันลงในท่อระบายน้ำ หรือนำมาผสมน้ำแล้วฉีดพ่นบริเวณท่อที่มีกลิ่น นอกจากช่วยเพิ่มกลิ่นหอมแล้ว น้ำมันหอมระเหยยังมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียซึ่งช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคอีกด้วย
6. ถ่านไม้ไผ่
ถ่านไม้ไผ่เป็นตัวช่วยจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่น เพียงวางถ่านไม้ไผ่ไว้ในถุงผ้าตาข่ายและแขวนไว้ใกล้กับท่อระบายน้ำ ถ่านไม้ไผ่จะช่วยดูดซับกลิ่นเหม็๋นออกไปได้อย่างดีมาก นอกจากนี้ คุณยังสามารถนำถ่านไม้ไผ่มาตากแดดทุกเดือนเพื่อคืนประสิทธิภาพการดูดซับกลิ่นหรือเปลี่ยนถ่านทุกๆเดือนก็ได้เช่นเดียวกัน
7. ปลูกต้นไม้ในห้องน้ำ
การปลูกต้นไม้ในห้องน้ำไม่เพียงช่วยเพิ่มความสดชื่น แต่ยังช่วยลดกลิ่นเหม็นจากท่อได้อีกด้วย ต้นไม้ที่เหมาะสำหรับวางในห้องน้ำได้แก่ ลิ้นมังกรและพลูด่าง ซึ่งเป็นต้นไม้ที่สามารถเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง ต้นไม้เหล่านี้จะช่วยฟอกอากาศและเพิ่มบรรยากาศในห้องน้ำให้ดีขึ้น
กลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องน้ำไม่ใช่ปัญหาที่ยากจะแก้ หากคุณเลือกใช้วิธีที่แนะนำในบทความนี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ส่วนผสมจากครัวเรือนที่มีในทุกบ้าน เช่น เบกกิ้งโซดา น้ำมะนาว หรือเกลือ ไปจนถึงการเพิ่มต้นไม้และถ่านไม้ไผ่ในห้องน้ำ คุณก็จะสามารถลดกลิ่นอับและสร้างบรรยากาศที่สดชื่นได้อย่างง่ายดาย หรือถ้าหากคุณต้องการหาคนรช่วยทำความสะอาดบ้านและห้องน้ำ สามารถกดจ้างแม่บ้านออนไลน์คุณภาพดีได้ ที่นี่ แม่บ้าน bluuu ยินดีให้บริการทุกคนครับ
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.
มัดรวม 7 แบตสำรองพกพาขึ้นเครื่องบินได้ ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวสายลุย
25 December 2024การเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางไปทำงานหรือท่องเที่ยว แต่ปัญหาหนึ่งที่นักเดินทางหลายคนพบเจอคือการพกพาอุปกรณ์เสริมอย่าง Power Bank หรือ แบตสำรอง ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการชาร์จโทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างการเดินทาง อย่างไรก็ตาม การพกพาแบตสำรอง (Power Bank) ขึ้นเครื่องบินมีข้อจำกัดเล็กน้อยที่ผู้เดินทางควรรู้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะทำให้เราตกเครื่องเลยก็ได้หากพลาดที่จะเช็คแบตสำรองก่อนออกเดินทางโดยเครื่องบิน วันนี้เรามี 7 แบตเตอรี่สำรองยอดนิยมที่จะมาแนะนำให้ทุกคนที่ชอบท่องเที่ยวโดยเครื่องบิน เพื่อความสะดวกในการจัดเตรียมอุปกรณ์ของเราง่ายๆ ดังนี้
- Xiaomi Mi Power Bank 3
เป็นหนึ่งในแบตสำรองที่โดดเด่น ด้วยความจุ 20,000 mAh หรือเทียบเท่ากับ 74 Wh ทำให้สามารถพกพาขึ้นเครื่องบินได้อย่างปลอดภัย Power Bank รุ่นนี้น้ำหนักเบา รองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 18W และมีระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรและการจ่ายไฟเกิน พร้อมทั้งพอร์ต USB-A และ USB-C ที่ทำให้สามารถชาร์จหลายอุปกรณ์พร้อมกันได้อย่างสะดวกสบาย
- Anker PowerCore 10000 PD Redux
เป็นตัวเลือกขนาดกะทัดรัด ความจุ 10,000 mAh หรือ 37 Wh เหมาะสำหรับการพกพา รองรับการชาร์จเร็วแบบ Power Delivery สูงสุด 18W และมาพร้อมกับระบบ MultiProtect Safety System ที่ช่วยป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรและความร้อน น้ำหนักเบาเพียง 192 กรัม ทำให้เป็นคู่หูเดินทางที่ยอดเยี่ยม
- RAVPower 20000mAh PD 3.0
แบตสำรองนี้มีความจุ 20,000 mAh หรือ 74 Wh เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ รองรับการชาร์จเร็ว PD 3.0 และ QC 3.0 โดยสามารถจ่ายไฟได้ถึง 18W พร้อมพอร์ต USB-C และ USB-A ที่มาพร้อมระบบ iSmart ซึ่งช่วยปรับกระแสไฟให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ โครงสร้างทนทานต่อแรงกระแทก จึงเหมาะกับการใช้งานในทุกสภาพแวดล้อม
- AUKEY PB-Y36
แบตสำรองนี้มาพร้อมความจุ 10,000 mAh หรือ 37 Wh และรองรับ Quick Charge 3.0 รวมถึง Power Delivery 18W น้ำหนักเพียง 190 กรัม ดีไซน์บางเบาเหมาะสำหรับการพกพา ระบบความปลอดภัยในตัวช่วยป้องกันการชาร์จเกิน ไฟฟ้าลัดวงจร และความร้อน พร้อมพอร์ต USB-C ที่สามารถใช้งานได้ทั้งชาร์จเข้าและชาร์จออก
- Baseus Adaman Metal Digital Display
แบตสำรองมีความจุ 20,000 mAh หรือ 74 Wh พร้อมการรองรับการชาร์จเร็ว PD 3.0 และ QC 3.0 สูงสุด 22.5W จุดเด่นของแบตสำรองนี้คือหน้าจอแสดงผลดิจิทัลที่บอกสถานะแบตเตอรี่ ตัวเครื่องทำจากวัสดุโลหะที่ดูหรูหราและทนทาน และสามารถชาร์จอุปกรณ์หลายตัวพร้อมกันผ่านพอร์ต USB-A และ USB-C
- Zendure A3PD
เป็นแบตสำรองขนาดเล็กที่มีความจุ 10,000 mAh หรือ 37 Wh รองรับการชาร์จสูงสุด 18W และชาร์จเร็ว QC 3.0 ตัวเครื่องแข็งแรงทนทานผ่านการทดสอบแรงกระแทก มาพร้อมระบบป้องกันการชาร์จเกิน ความร้อน และไฟฟ้าลัดวงจร ขนาดเล็กและน้ำหนักเบาทำให้เหมาะสำหรับการเดินทางไกลๆ
- Eloop E29
เป็นแบตสำรองยอดฮิตที่มีขนาดใหญ่ที่มีความจุถึง 30,000 mAh หรือ 111 Wh แต่ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ รองรับการชาร์จเร็ว QC 3.0 และ PD 18W มีดีไซน์บางเฉียบเพียง 14 มม. พร้อมไฟ LED แสดงสถานะการใช้งานแบตเตอรี่ สามารถชาร์จอุปกรณ์หลายตัวพร้อมกันได้ด้วยพอร์ต USB-A และ USB-C เนื่องจากความจุค่อนข้างเยอะทำให้แบตสำรองรุ่นนี้ชาร์จได้หลายรอบมากเลยล่ะครับ
เคล็ดลับการพกพา Power Bank ขึ้นเครื่องบิน
- อ่านรายละเอียดของ Power Bank เพื่อให้แน่ใจว่ามีความจุไม่เกินข้อกำหนดของสายการบิน (ความจุห้ามเกิน 32,000 mAh)
- พาวเวอร์แบงค์หรือแบตสำรองทั้งหมดต้องพกติดตัวไปในกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (ห้ามใส่ในกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่อง)
- ควรหลีกเลี่ยงการนำแบตเตอรี่สำรองไม่มีการระบุความจุของแบตสำรองชัดเจนที่อาจเกิดจากการลอกหรือรอยขีดข่วนโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะคุณอาจจะต้องทิ้งแบตสำรองนั้นก่อนจะได้เดินทางซะอีก
การเลือก Power Bank ที่เหมาะสมและปฏิบัติตามกฎระเบียบจะช่วยให้คุณสามารถเดินทางได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย หากคุณกำลังมองหา Power Bank สำหรับการเดินทาง อย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานและมีความจุที่เหมาะสมตามข้อกำหนดของสายการบินนั้นๆด้วยนะครับ และถ้าหากใครที่กำลังหาผู้ช่วยในการทำความสะอาดบ้าน หรือกำลังมองหาแม่บ้านรายชั่วโมงที่อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดการบริการได้ที่ bluuu เว็บไซต์ของเราได้เลยนะครับ
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.
บอกลาเสื้อเหม็นเหงื่อ วิธีกำจัดกลิ่นตัวติดเสื้อให้หายเกลี้ยง
11 January 2025กลิ่นเหงื่อหรือกลิ่นรักแร้ที่ติดบนเสื้อแล้วซักไม่หาย เป็นปัญหาที่ใครหลายๆคนมักพบเจอ เกิดขึ้นได้ทั่วไป ทั้งความชื้นจากเหงื่อและอากาศที่ร้อนอบอ้าวของประเทศไทย ไม่เพียงแต่คนที่ชอบออกกำลังกายเท่านั้น แบคทีเรียต่างๆที่มาจากเหงื่อไคลและรักแร้ ส่งผลให้เสื้อผ้าที่ใส่มีกลิ่นเหม็นตามมานั่นเอง
สาเหตุของกลิ่นเหงื่อติดเสื้อ
- กลิ่นตัวจากเหงื่อไคลและแบคทีเรีย
- การสะสมของคราบเหงื่อและสารเคมีจากผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย
- การซักผ้าที่ยังไม่สะอาด หรือยังเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าไม่เหมาะสม
- การหมักเสื้อผ้าที่เปียกเหงื่อไว้เป็นเวลาหลายวัน จนกลิ่นติดเข้าเนื้อผ้า
เคล็ดลับกำจัดกลิ่นเหงื่อติดเสื้อ
ลำดับแรกควรแยกเสื้อที่มีกลิ่นออกจากตัวอื่น และนำไปซักทันทีไม่ควรปล่อยไว้จนแห้งหรือทิ้งไว้หลายวัน
- ซักผ้าด้วยน้ำร้อน : การซักผ้าด้วยน้ำร้อนเป็นอีกวิธีแรกๆที่ทำตามง่าย เนื่องจากน้ำร้อนจะช่วยไปละลายคราบโรลออนหรือผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ติดอยู่ในเสื้อผ้า ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นรักแร้ติดเสื้อนั่นเอง แต่อาจต้องศึกษาจากเนื้อผ้านั้นๆด้วยว่าสามารถซักด้วยน้ำร้อนได้หรือไม่ สามารถใช้ร่วมกับการซักด้วยน้ำส้มสายชูหรือผงซักฟอกสูตรกำจัดแบคทีเรีย
- ใช้เบกกิ้งโซดา + ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ กำจัดกลิ่นตัวที่ติดเสื้อ โดยป้ายทิ้งไว้ 5-10 นาทีแล้วขยี้บริเวณตะเข็บเสื้อรักแร้ แล้วนำไปซักปกติ
- ใช้เบกกิ้งโซดา + ผงซักฟอก + น้ำส้มสายชู ผสมกันให้เป็นเนื้อครีม นำมาป้ายบริเวณที่มีคราบหรือกลิ่นบริเวณรักแร้ป้ายทิ้งไว้ 5-10 นาทีแล้วขยี้ จากนั้นนำไปซักด้วยผงซักฟอกปกติวิธีนี้มีแม่บ้านหลายๆท่านใช้แล้วได้ผลดี
- ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อโรค (เดทตอล) ในขั้นตอนการแช่ผ้า เมื่อเราแยกเสื้อที่มีกลิ่นตัวออกมาแล้วให้แช่ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคโดยไม่ต้องผสมน้ำยาซักผ้า แช่ไว้ข้ามคืน แล้วนำมาซักด้วยน้ำยาซักผ้าปกติ รับรองว่าลดกลิ่นเหงื่อ กลิ่นรักแร้ได้ดีทีเดียว
*เลือกสูตรที่สาสามรถใช้ทำความสะอาดเสื้อผ้าได้
- หากเสื้อผ้ามีกลิ่นเหงื่อ หรือกลิ่นตัว ให้นำผ้าแช่น้ำส้มสายชูไว้ 1 คืน หรือใส่น้ำส้มสายชูในขวดสเปรย์แล้วฉีดบริเวณที่มีกลิ่น ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วนำไปซักปกติ
*ข้อควรระวังคือ น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรด ควรอ่านป้ายสัญลักษณ์ที่เสื้อให้ละเอียดก่อน
- กำจัดกลิ่นรักแร้บนเสื้อ โดยใช้แอลกอฮอล์ 70% นำมาชุบสำลีหรือราดทิ้งไว้บริเวณตะเข็บเสื้อรักแร้ ทิ้งไว้สัก 10-20 นาทีแล้วนำไปซัก ด้วยน้ำยาซักผ้าสูตรกำจัดแบคทีเรีย วิธีนี้เป็นอีกวิธีหนึ่งที่แม่บ้านนิยมใช้เพราะทำง่ายและประหยัดค่าใช้จ่าย
- ใช้ไฮเตอร์ (เลือกใช้ผ้าขาวหรือผ้าสี) ผสมลงไปซักกับน้ำยาซักผ้าสูตรกำจัดแบคทีเรีย ข้อควรระวังคือผ้าบางชนิดไม่สามารถใช้กับสารฟอกขาวได้ ควรอ่านสัญลักษณ์บนเสื้อให้ละเอียดก่อนใช้งาน
- กำจัดกลิ่นเหงื่อบนเสื้อโดยใช้น้ำยา Zoflora เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัส สามารถนำมาซักผ้าเพื่อขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์บนเสื้อผ้าได้ได้ นอกจากนี้ยังสามารถผสมน้ำเช็ดถูพื้นเพื่อกำจัดเชื้อโรคและกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในบ้านได้อีกด้วย
*สามารถหาซื้อได้ตามช่องทางออนไลน์และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
- ใช้สเปรย์โฟมขจัดคราบ ไฮยีน ฉีดตรงบริเวณที่มีกลิ่น ทิ้งไว้ 3-4 ชั่วโมง และซักตามปกติ สเปรย์โฟมนี้ยังสามารถช่วยขจัดคราบชากาแฟ คราบอาหาร และคราบโรลออนได้อีกด้วย วิธีนี้ผู้เขียนทดลองใช้แล้วได้ผลค่อนข้างดีเลยค่ะ
*หาซื้อได้ตามช่องทางออนไลน์และซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ราคาหลักสิบเท่านั้น
- กรณีกลิ่นตัวหรือกลิ่นเหงื่อติดแรงซักไม่ออก ให้นำเสื้อไปต้มในน้ำเดือดแล้วใส่น้ำส้มสายชู ต้มประมาณ 10 นาที แล้วนำมาซักด้วยน้ำยาซักผ้าปกติ งดการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม
การป้องกันกลิ่นเหงื่อติดเสื้อ ควรแก้ที่ต้นเหตุ
- ใช้สบู่กำจัดแบคทีเรีย เช่น สบู่อาเซฟโซ่ ฟอกไว้ที่รักแร้ 1 นาที แล้วล้างออก เมื่ออาบน้ำเสร็จให้ทารักแร้ด้วยสารส้ม
- ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ไม่ทิ้งคราบ เปลี่ยนโรลออนจากสเปรย์หรือแบบน้ำ เป็นแบบ stick หรือ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากสารส้ม เช่น สเปรย์สารส้ม ,แป้งเต่าเหยียบโลก เป็นต้น
- ใช้ขิงแบบผงผสมกับเบกกิ้งโซดาผสมน้ำเล็กน้อย แล้วนำมาถูรักแร้ ก่อนอาบน้ำ เช้า-เย็น
- ไม่ปล่อยให้ขนรักแร้ยาวเกินไป ควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หัวหอม หรืออาหารรสจัด
- เลือกเนื้อผ้าที่ช่วยระบายเหงื่อ ระบายความร้อนได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย หรือผ้าที่ผสมใยฝ้าย
- เสื้อผ้าที่ใส่ออกกำลังกายหรือมีกลิ่นตัวให้รีบนำไปซักทันที ไม่ควรปล่อยใส่ตะกร้าทิ้งไว้นานๆ เพื่อไม่ให้เกิดการอับชื้น
- ไม่ควรซักผ้าทีเดียวเยอะๆ เนื่องจากประสิทธิภาพในการซักของเครื่องจะน้อยลง หากมีเสื้อที่เหม็นกลิ่นตัวให้แยกออกมาซักมือ ขยี้บริเวณรักแร้ แล้วนำไปซักปกติ
หากใครกำลังเจอปัญหากลิ่นตัวหรือกลิ่นรักแร้ติดเสื้อผ้า ลองนำเคล็ดลับนี้ไปใช้ดูนะคะ เพื่อเสื้อผ้าที่หอมสะอาด เพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้อ่านนะคะ
หรือหากใครกำลังมองหาแม่บ้านแบบรายชั่วโมง ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดการให้บริการได้ที่ เว็บไซต์ของเรา
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.
แนะนำ 5 ยี่ห้อหม้อทอดไร้น้ำมันยอดนิยม ใช้งานง่าย ราคาคุ้ม
10 January 2025ปัจจุบันผู้คนต่างกลับมาให้ความสำคัญกับสุขภาพกันมากขึ้น ให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย นับได้ว่า ปัจจุบันมีเครื่องมือสำหรับปรุงอาหารที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น บวกกับเครื่องปรุงต่างๆถูกออกแบบและคิดค้นมาสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักและรักษาสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น อีกหนึ่งเครื่องครัวที่จะพูดถึงก็คือ “หม้อทอดไร้น้ำมัน” นั่นเอง
หม้อทอดไร้น้ำมันคืออะไร หม้อทอดไร้น้ำมัน หรือ Air Fryer เป็นอุปกรณ์ทำอาหารชนิดที่ใช้ลมร้อนในการทำให้อาหารสุก แทนการใช้น้ำมัน โดยหากใส่เนื้อสัตว์ที่มีไขมันลงไป อย่างหมูสามชั้น หม้อทอดไร้น้ำมันก็จะช่วยรีดน้ำมันจากเนื้อสัตว์ให้ออกมาอีกด้วย และสามารถประกอบอาหารได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ปลาทอด ไก่ทอด เฟรนฟราย ไส้กรอกทอด นอกจากการทอดแล้วย้งสามารถใช้ทำเบเกอร์รี่ ทำการอบได้ เช่น คัพเค้ก เป็นต้น
ปัจจุบันมีหม้อทอดไร้น้ำมันตามท้องตลาดออกมาวางขายกันมากมายตั้งแต่ราคาหลักร้อยปลายๆ ถึงหลักพัน ทั้งนี้ราคาก็จะขึ้นอยู่ที่ขนาดความจุของหม้อและฟังก์ชั่นที่แตกต่างกันออกไปด้วย
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อหม้อทอดไร้น้ำมัน
ก่อนการเลือกซื้อควรพิจารณาจาก ความจุและขนาดของหม้อทอดไร้น้ำมัน ซึ่งหม้อทอดมีขนาดตั้งแต่ 2 ลิตร ถึง 8 ลิตร ควรดูจากจำนวนสมาชิกในครอบครัว ฟังก์ชั่นการใช้งาน และคุณสมบัติพิเศษ ดูงบประมาณที่เหมาะสม เพราะแต่ละยี่ห้อก็มีฟังก์ชั่นและราคาที่แตกต่างกันออกไป และที่สำคัญต้องพิจารณาจากการรับประกันและบริการหลังการขายด้วย
แนะนำ 5 ยี่ห้อหม้อทอดไร้น้ำมันยอดนิยม
- หม้อทอดไร้น้ำมัน Philips Air fryer 2000 Series
- จุดเด่น : เป็นรุ่นฮิตและนิยมใช้กันมาก เนื่องจากมี 13 ฟังก์ชั่นการใช้งาน เทคโนโลยี Rapid Air ทำให้อาหารกรอบมากยิ่งขึ้น ตัวหม้อเป็นแบบกระจกใสทำให้สามารถมองเห็นอาหารด้านในได้
- ความจุ : 4.2 ลิตร (มีหลายขนาดให้เลือก)
- ราคาประมาณ : 3,490 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : มีหน้าต่างเพื่อดูอาหารด้านใน ใช้งานง่ายแต่ราคาค่อนข้างสูง
- การรับประกัน : 24 เดือน
- หม้อทอดไร้น้ำมัน Xiaomi Mi Smart Air Fryer
- จุดเด่น : หม้อทอดไร้น้ำมัน Xiaomi สามารถควบคุมการทำงานได้จากแอพพลิเคชั่น Mi Home ผ่านมือถือ ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ที่ล้ำสมัยมากๆ ใช้งานง่ายแถมยังราคาไม่ได้แพงจนเกินไป มีให้เลือกหลายขนาด
- ความจุ : 3.5 ลิตร (เหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง)
- ราคาประมาณ : 2,590 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : ขนาดค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น - มีเทคโนโลยีใหม่ๆซึ่งต้องเรียนรู้ระบบการใช้งาน
- การรับประกัน : 1 ปี
3 . หม้อทอดไร้น้ำมัน Tefal 2 IN 1 EASY FRY & GRILL 2IN1 OIL-LESS fryer รุ่น EY501866
- จุดเด่น : สำหรับหม้อทอดไร้น้ำมัน Tefal เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าระดับต้นๆ ที่คนนิยมใช้ โดยจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือ มีตะแกรงโลหะใช้งานได้แบบ 2 in 1 ทอดและย่าง ได้ในเครื่องเดียว
- ความจุ : 4.2 ลิตร (เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ 4-6 คน)
- ราคาประมาณ : 1,720 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นอื่นๆ แต่เป็นวัสดุที่ทนความร้อนได้ดี
- การรับประกัน : 2 ปี
4 . หม้อทอดไร้น้ำมัน Gaabor 5L
- จุดเด่น : เป็นแบรนด์น้องใหม่ที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดีไซน์ทันสมัย มินิมอล โดยรุ่นนี้หม้อกระจกสามารถมองเห็นอาหารภายในได้ ทำให้เรารู้ว่าอาหารสุกหรือยัง และเค้ายังมีระบบความร้อน 360 องศา รับรองว่าอาหารสุกอย่างทั่วถึงแน่นอน
- ความจุ : 5 ลิตร (มีหลายขนาดให้เลือก)
- ราคาประมาณ : 1,990 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : มีระบบตัดไฟอัตโนมัติ แต่ขนาดค่อนข้างใหญ่และหนัก
- การรับประกัน 1 ปี (เปลี่ยนเครื่องใหม่)
5 . หม้อทอดไร้น้ำมัน Imarflex
- จุดเด่น : ด้วยดีไซน์ที่หรูหรา ตัวเครื่องไม่ใหญ่จนเกินไป และที่สำคัญตรงตัวหม้อทอดเป็นโถแก้วใส สามารถมองเห็นอาหารภายในได้ ปรับความร้อนและเวลาแบบหมุน รับรองว่าใช้งานง่ายเหมาะกับผู้เริ่มต้นแน่นอน
- ความจุ : 4.5 ลิตร (เหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง)
- ราคาประมาณ : 1,690 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : ขนาดกระทัดรัดไม่ใหญ่มาก ดีไซน์ทันสมัย การดูแลรักษาอาจจะยากกว่ารุ่นอื่นเพราะเป็นโถแก้ว
- การรับประกัน : 1 ปี
หม้อทอดไร้น้ำมันแต่ละยี่ห้อก็มีฟังก์ชั่น ขนาด และราคาที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานขนาดครอบครัว จำนวนสมาชิกในครอบครัว หากอยู่คนเดียวก็สามารถใช้ขนาดเล็กลงได้ หรือเป็นขนาดเริ่มต้นที่ 2 ลิตร รับรองว่าประสบการณ์ในการทำอาหารของคุณจะดีขึ้นแน่นอน สามารถอ่านวิธีการใช้งานและการดูแลรักษาหม้อทอดไร้น้ำมันได้ที่ มือใหม่ต้องรู้!! วิธีใช้หม้อทอดไร้น้ำมันอย่างถูกต้อง ปลอดภัย
หรือหากคุณสนใจแม่บ้านช่วยเหลือในการทำความสะอาด แบบรายชั่วโมง ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ของเรา
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.
ใช้จ่ายประหยัดลงด้วย 7 วิธีทำความสะอาดบ้านด้วยมะนาว
09 January 2025มะนาวเป็นผลไม้ที่เราคุ้นเคยกันดีในครัวเรือน แต่คุณรู้หรือไม่ว่า มะนาวยังสามารถนำมาใช้ในการทำความสะอาดบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติของกรดซิตริกในมะนาวที่ช่วยขจัดคราบมัน คราบสกปรก และยังช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย วันนี้เราจะมาบรรยายถึงวิธีการใช้มะนาวเพื่อทำความสะอาดบ้านในหลายๆ ส่วนอย่างละเอียด
ทำไมต้อง มะนาว ?
น้ำมะนาวมีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งสามารถสลายคราบไขมันและคราบสิ่งสกปรกต่างๆ ได้ดี นอกจากนี้ กลิ่นของมะนาวยังช่วยเพิ่มความสดชื่นและช่วยลดกลิ่นอับในบ้านได้โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี ซึ่งอาจส่งผมเสียต่อสุขภาพและร่างกายของเรา การนำมะนาวมาใช้ในการทำความสะอาดจึงเป็นทั้งวิธีที่ปลอดภัยต่อสุขภาพและยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
วิธีใช้มะนาวในการทำความสะอาดบ้าน
- ขจัดคราบมันในห้องครัว
ใช้น้ำมะนาวกับเบกกิ้งโซดา เริ่มจากการบีบน้ำมะนาวลงในชามแล้วผสมกับเบกกิ้งโซดาให้เป็นเนื้อข้น แล้วใช้ฟองน้ำหรือผ้าจุ่มส่วนผสมแล้วถูบริเวณที่มีคราบจนกว่าคราบจะค่อยๆจางหายไป แล้วจึงล้างด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้ง วิธีนี้เหมาะสำหรับการล้างคราบมันที่ติดอยู่บนพื้นผิว เช่น เคาน์เตอร์ครัว หรือเตาแก๊ส
- ใช้ดับกลิ่นไมโครเวฟ
ใช้แก้วน้ำที่มีน้ำมะนาวบีบใส่ พร้อมกับเปลือกมะนาว วางในไมโครเวฟแล้วเปิดเครื่องให้ทำงาน 3 นาที ความร้อนจะช่วยให้น้ำมะนาวระเหยและทำให้กลิ่นไม่พึงประสงค์หายไป พร้อมกับทำให้คราบอาหารที่ติดผนังไมโครเวฟอ่อนตัวลง ทำให้ง่ายต่อการเช็ดทำความสะอาด
- ทำความสะอาดกำจัดคราบหินปูนห้องน้ำ
มะนาวสามารถละลายคราบหินปูนที่สะสมอยู่บนพื้นกระเบื้องหรือสุขภัณฑ์ได้อย่างดี เพียงเตรียมน้ำมะนาวกับเกลือหยาบ และโรยเกลือหยาบลงบนบริเวณที่มีคราบหินปูน บีบน้ำมะนาว ลงไปแล้วทิ้งไว้ 10 นาที ใช้แปรงถูเบาๆ และล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- ใช้ดับกลิ่นในตู้เย็น
การใช้มะนาวเพื่อดับกลิ่นในตู้เย็นเป็นวิธีธรรมชาติที่ง่ายและได้ผลดี เริ่มต้นจากการเช็คของภายใน หากพบอาหารหรือวัตถุดิบที่หมดอายุหรือส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ ควรนำออกก่อน จากนั้นทำความสะอาดตู้เย็นด้วยน้ำอุ่นผสมเบกกิ้งโซดา โดยใช้ฟองน้ำหรือผ้านุ่มเช็ดบริเวณชั้นวางและผนังด้านใน เพื่อขจัดคราบและกลิ่นสะสม
หลังจากทำความสะอาดตู้เย็นแล้ว ให้นำมะนาวสดประมาณ 2-3 ลูก มาผ่าครึ่งหรือหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นวางมะนาวลงในถ้วยเล็ก ๆ หรือวางไว้บนชั้นวางในจุดต่าง ๆ ของตู้เย็น ซึ่งมะนาวจะช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ พร้อมปล่อยกลิ่นหอมสดชื่นของธรรมชาติให้กับตู้เย็นอีกด้วย
- ขัดก๊อกน้ำ
เริ่มต้นด้วยการเตรียมมะนาว 1 ลูก ผ่าครึ่งให้เรียบร้อย มะนาวจะเป็นตัวช่วยธรรมชาติที่เหมาะสำหรับการทำความสะอาดคราบต่าง ๆ บนก๊อกน้ำ เช่น คราบหินปูนหรือคราบน้ำที่สะสมมานาน
เมื่อได้มะนาวแล้ว ให้นำด้านเนื้อของมะนาวมาถูลงไปบนพื้นผิวของก๊อกน้ำ โดยถูในลักษณะเป็นวงกลมให้ทั่วบริเวณที่มีคราบสกปรก หลังจากถูไปทั่วแล้ว ให้ทิ้งน้ำมะนาวไว้บนก๊อกน้ำประมาณ 5 ถึง 10 นาที เพื่อให้กรดในมะนาวทำปฏิกิริยาและสลายคราบฝังลึกเมื่อครบเวลา ใช้ฟองน้ำหรือผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดน้ำมะนาวออกจนหมด แล้วตามด้วยการล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง สุดท้ายใช้ผ้าแห้งสะอาดเช็ดก๊อกน้ำให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันการเกิดคราบน้ำใหม่หากเจอคราบที่ฝังแน่นมาก
อาจเพิ่มเกลือลงบนเนื้อมะนาวเล็กน้อยก่อนถู เพราะเกลือจะช่วยเพิ่มแรงขัดให้ได้ผลดียิ่งขึ้น การทำเช่นนี้จะช่วยให้ก๊อกน้ำของคุณกลับมาดูสะอาดและเงางามเหมือนใหม่
- กำจัดสนิมบนมีด
เพียงแค่นำมีดที่มีสนิมแช่ในน้ำมะนาว ทิ้งไว้ 3-5 นาที แล้วนำมาเช็ดให้แห้ง ถ้าหากทำแล้วสนิมยังไม่หมดในครั้งแรก สามารถทำซ้ำวิธีเดิมได้จนกว่าจะกลับมาเงางามดังเดิม แแล้วเมื่อทำความสะอาดเสร็จแล้ว ควรทาน้ำมันบางๆบนมีดเพื่อป้องกันการเกิดสนิมในอนาคต
- ซักผ้าขาว
การซักผ้าขาวด้วยมะนาวเป็นวิธีพื้นบ้าน ที่ช่วยคืนความขาวสะอาดให้กับผ้าที่เริ่มหมองคล้ำหรือมีคราบสกปรกโดยไม่ต้องใช้สารเคมีรุนแรง
เริ่มต้นด้วยการเตรียมน้ำอุ่นในกะละมังหรือถังสำหรับแช่ผ้า ปริมาณน้ำควรเพียงพอสำหรับการแช่ผ้าขาวที่ต้องการทำความสะอาด จากนั้นนำมะนาวสด 2-3 ลูก ผ่าครึ่งและบีบน้ำมะนาวลงในน้ำอุ่น คนให้น้ำมะนาวกระจายตัวในน้ำนำผ้าขาวที่ต้องการซักลงแช่ในน้ำผสมมะนาว ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความหมองคล้ำหรือคราบบนผ้า หากผ้ามีคราบสกปรกฝังแน่น สามารถใช้เปลือกมะนาวถูบริเวณคราบก่อนนำลงแช่ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบหลังจากแช่เสร็จ ให้ซักผ้าตามปกติด้วยมือหรือเครื่องซักผ้า โดยใช้น้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยน เมื่อล้างน้ำออกจนสะอาดแล้ว ควรตากผ้าในที่ที่มีแสงแดดจัด เพราะแสงแดดจะช่วยเสริมกระบวนการฟอกขาวตามธรรมชาติ
มะนาวเป็นตัวช่วยที่ครบเครื่องทั้งในเรื่องของการกำจัดคราบสกปรก กำจัดกลิ่น และยังช่วยทำให้บ้านของคุณสะอาดสดชื่นได้ในเวลาเดียวกัน หากคุณกำลังมองหาวิธีทำความสะอาดที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และใส่ใจสิ่งแวดล้อม การใช้มะนาวอาจเป็นคำตอบที่คุณมองหา ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ แล้วคุณจะพบว่าการทำความสะอาดด้วยมะนาวนั้นง่ายและได้ผลอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว! แต่ถ้าใครไม่อยากทำงานบ้านเอง ขอแนะนำ bluuu บริการแม่บ้านออนไลน์ยอดนิยมที่ให้บริการแม่บ้านคุณภาพ กดจองได้ง่ายๆในไม่กี่นาที เพียงเท่านี้ คุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาดของบ้านคุณอีกต่อไป
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.
ต้องใช้เวลากี่ชั่วโมงเพื่อทำความสะอาดบ้าน?
07 January 2025คุณควรจองเวลาทำความสะอาดบ้านกี่ชั่วโมง? แน่นอนว่าวิธีนี้แตกต่างกันไปในแต่ละบ้าน เนื่องจากขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความถี่ในการทำความสะอาด จำนวนสิ่งของที่คุณมีอยู่ ความเป็นระเบียบ ความสกปรก เป็นต้น
แต่มีวิธีง่ายๆ มากในการประมาณคร่าวๆ ว่าโดยปกติแล้วงานส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่จึงจะเสร็จ ผมเป็นเจ้าของบริการแม่บ้านออนไลน์อันดับต้นๆ ของประเทศไทย ดังนั้นผมจึงรู้จากประสบการณ์ตรงว่าปกติแม่บ้านใช้เวลาเฉลี่ยนานแค่ไหนในการทำความสะอาดบ้าน ดังนั้นข้อมูลนี้จึงควรเชื่อถือได้
- วิธีคำนวณจำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ในการทำความสะอาดบ้าน
จำนวนชั่วโมงขั้นต่ำที่จำเป็นในการทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ (เช่น ทำความสะอาด 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์) สามารถคำนวณได้ด้านล่างนี้:
จำนวนห้องนอน + 2 ชั่วโมง = จำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ในการทำความสะอาด
หมายเหตุ: จำนวนห้องนอนสามารถแทนที่ด้วยจำนวนห้องน้ำได้ เนื่องจากโดยปกติแล้ว จำนวนทั้งสองห้องควรจะเท่ากัน
ตัวอย่างที่ 1: สำหรับคอนโด 2 ห้องนอน เวลาที่ต้องใช้ขั้นต่ำคือ 4 ชั่วโมง (2 ห้องนอน + 2 ชั่วโมง = 4 ชั่วโมง)
ตัวอย่างที่ 2: สำหรับบ้าน 4 ห้องนอน เวลาที่ต้องใช้ขั้นต่ำคือ 6 ชั่วโมง (4 ห้องนอน + 2 ชั่วโมง = 6 ชั่วโมง)
นี่คือเวลาที่ต้องใช้สำหรับการทำความสะอาดบ้านทั่วไปและเป็นประจำ เช่น ล้างจาน ทำความสะอาดห้องน้ำ ครัว เปลี่ยนผ้าปูที่นอน เป็นต้น แต่ไม่รวมการรีดผ้า ดังนั้น หากคุณมีเสื้อผ้าที่ต้องรีด โปรดเพิ่มเวลาอีก 1-2 ชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณเสื้อผ้าที่ต้องรีด
นี่คือวิธีที่เว็บไซต์ของเราแนะนำจำนวนชั่วโมงในการจอง และถือเป็นหลักเกณฑ์ที่ดีในการตัดสินว่าควรจองกี่ชั่วโมงขั้นต่ำ
- อาจจะลดจำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ได้อย่างไร
จำนวนชั่วโมงจริงที่ต้องใช้ในการทำความสะอาดอาจแตกต่างกันไป มันขึ้นอยู่กับความถี่ในการทำความสะอาด อย่างเช่น หากคุณทำความสะอาดบ้านมากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ จำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้แต่ละครั้งก็ควรจะลดลง ดังนั้น สำหรับคอนโดที่มี 2 ห้องนอน ซึ่งโดยปกติต้องใช้เวลาขั้นต่ำ 4 ชั่วโมงต่อครั้ง ก็อาจทำความสะอาดเสร็จภายใน 3 ชั่วโมงได้ หากทำความสะอาด 5-6 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งก็คือเกือบทุกวัน
ปัจจัยอีกอย่างที่ต้องพิจารณาคือการเรียนรู้ของแม่บ้าน หลังจากทำงานที่บ้านของคุณเป็นเวลาหลายเดือน แม่บ้านจะคุ้นเคยกับการทำงานที่นั่น เรียนรู้ว่าอุปกรณ์อยู่ที่ไหน วิธีใช้อุปกรณ์ วิธีจัดระเบียบสิ่งของ ฯลฯ และจะเริ่มทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นี่ยังอาจจะลดจำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ต่อครั้งลงได้อีกด้วย
- สิ่งที่เราไม่ควรใช้วิธีคำนวณนี้
ไม่สามารถใช้กับงาน Big Cleaning (ทำความสะอาดครั้งใหญ่) ได้
นี่คือหลักเกณฑ์ทั่วไปในการทำความสะอาดบ้านเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และไม่ใช้กับงาน Big Cleaning เช่น การทำความสะอาดหลังย้ายออก ก่อนย้ายเข้า หลังปรับปรุงใหม่ หรือหลังจากไม่ได้ทำความสะอาดเป็นเวลานาน เช่นหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนด้วยซ้ำ Big Cleaning โดยปกติต้องใช้ทีมทำความสะอาด 3-4 คน อย่างน้อยครึ่งวันหรือทั้งวัน พร้อมอุปกรณ์พิเศษสำหรับขจัดคราบฝังแน่น และราคาจะอยู่ที่อย่างน้อย 5,000 บาท ดังนั้นสูตรนี้จึงใช้ไม่ได้กับงานประเภทนี้ ซึ่งแตกต่างจากงานดูแลบ้านทั่วไปโดยสิ้นเชิง
อย่าบีบบังคับแม่บ้านมากเกินไป
จากการให้บริการกับลูกค้าหลายพันท่านบนแพลตฟอร์มของเรา ผมเคยพบว่าลูกค้าบางท่านพยายามบีบบังคับแม่บ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยจองน้อยกว่าจำนวนชั่วโมงที่แนะนำและกดดันให้แม่บ้านทำงานเร็วขึ้นและหนักขึ้น ซึ่งมักจะไม่จบลงด้วยดีกับลูกค้าประเภทนี้ เพราะแม้แต่แม่บ้านที่ดีที่สุดของเราก็ยังเป็นมนุษย์เหมือนกัน และต้องมีเวลาหายใจ ดังนั้นแม้แต่แม่บ้านที่ดีที่สุดก็มักจะหมดแรงและในที่สุดก็ปฏิเสธงานจากลูกค้าเหล่านี้ เนื่องจากมันสร้างความเครียดมากเกินไป จากนั้นลูกค้าแบบนี้จะต้องเลือกแม่บ้านที่มีความสามารถน้อยกว่าหรือพยายามหาแม่บ้านใหม่ เพราะไม่มีใครอยากทำงานต่อไป ดังนั้น โปรดใจดีกับแม่บ้าน และในทางกลับกัน แม่บ้านก็จะภักดีต่อคุณมากขึ้น และนั่นจะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นมากในระยะยาว
ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ ผมเป็นเจ้าของบริการแม่บ้านทำความสะอาดออนไลน์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ดังนั้นหากคุณต้องการบริการแม่บ้านรายวันหรือรายสัปดาห์ กรุณาลองดูลิงก์นี้ เรามีแม่บ้านคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทย
ขอบคุณที่อ่านจนจบ 🙏
===
เขียนโดย Daigo Yoda
ผู้ก่อตั้งและ CEO Bluuu
ซักเสื้อสีดำยังไง ไม่ให้ซีดเร็ว เคล็ดลับง่ายๆ แต่ใช้ได้จริง!!
04 January 2025เสื้อผ้าสีดำเป็นเสื้อผ้าที่ดูเรียบๆ แต่ก็ให้ลุคที่ดูเรียบหรู ผู้คนมากมายนิยมใส่เสื้อผ้าสีดำ ทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ปัญหาที่มักเจอบ่อยๆคือ เสื้อผ้าสีดำซีดลง สีไม่เข้มเหมือนตอนที่ซื้อมาใหม่ๆ หากคุณมีเสื้อผ้าสีดำอยู่เต็มตู้ นี่เป็นสิ่งที่คุณควรทราบจริงๆค่ะ ทางทีมงานแม่บ้าน Bluuu จะมาช่วยแนะนำวิธีซักผ้าสีดำยังไง ไม่ให้สีซีดจางเร็วนั่นเอง
การซักเสื้อสีดำมีข้อควรระวังอย่างไร
- แยกซัก : ควรแยกผ้าสีกับผ้าขาวทุกครั้งก่อนนำไปซัก ไม่ควรนำมาซักรวมกัน นอกจากนี้ควรแยกประเภทของผ้าที่จะซักด้วย ว่าควรซักเครื่องหรือซักมือ โดยปกติแล้วเสื้อผ้าสีดำส่วนมากเราจะนำเข้าเครื่องซักผ้า แต่ไม่ได้ดูชนิดของเนื้อผ้าว่าบางหรือหนา หากนำไปซักรวมกันอาจทำให้เกิดการเสียดสีแบบรุนแรงและทำให้เม็ดสีหลุดออกได้ง่าย
- ใช้น้ำเย็นในการซักเสื้อสีเข้ม : เนื่องจากการใช้น้ำร้อนในซักเสื้อสีดำอาจทำให้เม็ดสีหลุดออกง่ายกว่ามาก การซักด้วยน้ำเย็นจะช่วยถนอมเส้นใยผ้าสีดำให้สีเสื้อคงทนและสดใสมากยิ่งขึ้น ดังนั้นก่อนซักควรตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสมกันด้วยนะคะ
- เลือกโปรแกรมการซักที่อ่อนโยน : การซักเสื้อสีดำให้สีคงทนและไม่ซีดเร็วนั้นขึ้นอยู่กับความแรงในการซักด้วยค่ะ หากเราใช้โหมดซักผ้าปกติหรือโหมดขจัดคราบในการซักทุกครั้ง เมื่อผ้ามีการเสียดสีกันอย่างรุนแรงในเครื่องซักผ้า แน่นอนว่าเสื้อสีดำเม็ดสีอาจหลุดลอกออกมาได้ง่ายแน่นอน และไม่ควรปั่นแห้ง เพราะการปั่นแห้งจะมีแรงเหวี่ยงสูง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรใช้ถุงซักผ้า ดังนั้นควรเลือกโปรแกรมการซักที่อ่อนโยน บิดอย่างเบามือ และนำขึ้นตากทันที
- ใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่เหมาะสม : ปัจจุบันมีน้ำยาซักผ้าสูตรผ้าสีดำ ซึ่งช่วยชะลอการซีดของผ้า (ไม่ได้ทำให้ผ้าสีเข้มขึ้น) เหมาะสำหรับคนที่มีเสื้อสีดำเป็นจำนวนมาก มีจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป และการใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสีดำ ควรใช้แบบน้ำใส่แบบพอประมาณ ไม่ควรใช้แบบผง เนื่องจากแบบผงจะทำให้เกิดคราบขาวบนผ้าได้ง่ายนั่นเอง และที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงผงซักฟอกที่มีสารฟอกขาว
- การตากผ้า : ให้กลับเอาผ้าข้างในออก และไม่ควรให้ผ้าโดนแดดโดยตรง ควรตากในร่ม หรือโดนแดดอ่อนๆ หากไม่ได้กลับด้านเสื้อเวลาตากแดด รับรองว่าแดดประเทศไทยสามารถทำให้เสื้อสีดำของคุณซีดเร็วแน่ๆ เพราะความร้อนเป็นตัวการที่ทำให้เสื้อผ้าของเราสีซีดเร็ว
ขอควรระวังอื่นๆในการซักเสื้อสีดำ
- ไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มบ่อยเกินไป
- ไม่ควรรีดเสื้อสีดำด้วยความร้อนสูง
- หลีกเลี่ยงการซักบ่อยเกินความจำเป็น (ควรมีเสื้อหลายๆตัวผลัดกันใส่)
- ไม่ควรแช่ผ้าสีดำนานเกินไป
เสื้อสีดำซีดแล้ว แก้ไขได้อย่างไรบ้าง ?
เมื่อเวลาผ่านไป แม้คุณจะดูแลเสื้อสีดำดีแค่ไหนก็อาจมีซีดจางลงได้ สิ่งที่สามารถแก้ไขดีที่สุดคือหา “สีย้อมผ้า” คุณภาพดีมาใช้ ทำตามขั้นตอนที่ระบุในฉลาก เพียงเท่านี้เสื้อดำตัวโปรดของคุณก็กลับมาดูสดใสเหมือนเดิม
ข้อแนะนำ : หากคุณเป็นคนที่ชอบใส่เสื้อสีดำมากๆ แต่ไม่อยากให้เสื้อสีซีดเร็ว การเลือกเนื้อผ้าเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรเลือกซื้อโดยดูเนื้อผ้า และคุณภาพเป็นหลัก เพราะผ้าบางชนิดต่อให้ดูแลดีแค่ไหนก็ซีดเร็ว
การหมั่นดูแลเสื้อผ้าให้ดูดีอยู่เสมอทั้งรูปร่างและสีสัน รู้วิธีซักแบบถนอมผ้าและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยทำให้ผู้สวมใส่ดูบุคลิกภาพดีแล้ว ยังช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อีกด้วย
นอกจากจะดูแลเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้ดีแล้วอย่าลืมดูแลบ้านให้สะอาดนะคะ เพราะถ้าบ้านสะอาดสุขภาพกายและสุขภาพใจก็จะดีขึ้นด้วยค่ะ หากคุณไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้าน บริการแม่บ้านรายชั่วโมงหรือแม่บ้านรายวันของเราช่วยคุณได้ค่ะ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ของเรา ทำจองง่าย ได้แม่บ้านคุณภาพดีที่ bluuu
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.
เคล็ดลับทำความสะอาดบ้านด้วยเบกกิ้งโซดา
03 January 2025เบกกิ้งโซดาหรือโซเดียมไบคาร์บอเนต เป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติเป็นด่างอ่อนๆ ละลายน้ำได้ดี เรียกได้ว่าเป็นของใช้ในครัวอเนกประสงค์ที่มีประโยชน์มากมายสามารถนำไปใช้ทำความสะอาดบ้านได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นขจัดคราบ ลดกลิ่นและไม่ทำลายพื้นผิว ปลอดภัยกับคนในบ้าน ใครที่เป็นแม่บ้านควรต้องมีติดบ้านไว้เลย แต่เบกกิ้งโซดาจะสามารถนำมาใช้ทำงานบ้านทำความสะอาดยังไงได้บ้าง จดตามแล้วนำไปใช้ได้เลย
ทำความสะอาดห้องน้ำ
ใช้น้ำยาล้างจานประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำส้มสายชู 2-3 ช้อนโต๊ะและเบกกิ้งโซดาอีก 4-5 ช้อนโต๊ะ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำไปล้างตามซอกหัวก๊อกหรือขัดชักโครกคราบสกปรกก็จะออกดี แต่ถ้าอยากให้ห้องน้ำมีกลิ่นหอมฟุ้งให้เปลี่ยนจากน้ำยาล้างจานเป็นน้ำยาซักผ้าและเติมน้ำเปล่าให้เต็มถังประมาณ 4-5 ลิตร สูตรนี้หอมสะอาดแน่นอน
ทำความสะอาดไมโครเวฟ
เตรียมภาชนะใส่น้ำสะอาด 500 มล.และตามด้วยเบกกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะ คนผสมให้เบกกิ้งโซดาละลาย หากต้องการขจัดกลิ่นอาหารที่ติดในไมโครเวฟให้บีบมะนาวพร้อมเปลือกลงไป 1-2 ซีก นำเข้าไมโครเวฟ ใช้ไฟที่ระดับ 700-800 วัตต์ประมาณ 3-5 นาที นำถาดรองออกมาล้างด้วยน้ำยาล้างจาน หลังจากนั้นก็นำฟองน้ำมาเช็ดทำความสะอาดภายในให้เรียบร้อย นอกจากเบกกิ้งโซดาแล้วยังมี วิธีทำความสะอาดไมโครเวฟจากของใช้ครัว อีกมากมาย
ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์
เบกกิ้งโซดาสามารถช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้เยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นตู้เย็น เพียงนำเบกกิ้งโซดา เทใส่ถ้วยเล็กๆ ให้เกือบเต็มถ้วยแล้วนำไปวางไว้ในตู้เย็นก็สามารถช่วยลดกลิ่นเหม็นในตู้เย็นได้ หรือถ้าเป็นกลิ่นเหม็นอับของรองเท้าก็เพียงนำเบกกิ้งโซดาเทใส่ในรองเท้าที่มีกลิ่นเหม็นทิ้งไว้ 1 คืนแล้ว เบกกิ้งโซดาจะช่วยดูดซับความชื้นและกลิ่นออกจากรองเท้าได้ดี
ซักผ้าขาว
ผ้าขาวที่มีคราบเหลืองหรือคราบสกปรกสามารถแก้ได้ด้วยเบกกิ้งโซดาง่ายๆ เพียงนำกะละมังเติมน้ำให้พอดีกับการแช่ผ้า เทเบกกิ้งโซดาประมาณ 5-6 ช้อนโต๊ะ สำหรับเสื้อประมาณ 3-4 ตัว หากมากกว่านั้นให้เติมเพิ่มตามความเหมาะสม และเทน้ำยาล้างจานลงไปประมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะ ตีผสมให้เกิดฟองและนำผ้าขาวไปแช่ทิ้งไว้ 1 คืน และซักมือตามปกติหากต้องการเพิ่มความหอมให้ใช้น้ำยาซักผ้าเทลงไปเล็กน้อย และล้างด้วยน้ำสะอาด
ขจัดรอยไหม้
หากเป็นรอยไหม้จากภาชนะให้นำน้ำร้อนไปเทใส่ภาชนะตรงที่มีรอยไหม้เทเบกกิ้งโซดาลงไป แช่ทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาทีเทน้ำยาล้างจานลงไปเล็กน้อยและนำฝอยขัดหม้อมาขัดออกจนสะอาด เบกกิ้งโซดาจะช่วยให้รอยไหม้ขัดออกได้ง่ายขึ้น หรือหากเป็นรอยไหม้ที่เตารีดให้นำเบกกิ้งโซดาผสมน้ำส้มสายชู คนผสมและทาทิ้งไว้บริเวณรอยไหม้บนเตารีดเปิดไฟอ่อนๆ หลังจากนั้นให้นำผ้าเช็ดออกจนคราบออกหมด
ท่อน้ำอุดตัน
ให้นำเบกกิ้งโซดาเทลงไปในท่อที่ตันประมาณ 6-7 ช้อนโต๊ะหรือจะกะปริมาณตามความเหมาะสมก็ได้ หลังจากนั้นเทน้ำส้มสายชูตามลงไป หลังจากนั้นต้มน้ำให้เดือดและเทน้ำยาล้างจานลงไปในน้ำร้อนและนำน้ำร้อนเทลงท่อตามลงไป เบกกิ้งโซดาจะช่วยขจัดไขมันเศษอาหารที่เกาะติดตามซอกในท่อได้เป็นอย่างดี สามารถดูวิธี แก้ปัญหาท่ออุดตัน เพิ่มเติมได้
ไล่แมลงสาบ
เบกกิ้งโซดาช่วยไล่แมลงสาบและแมลงอื่นๆ ได้ดี นำน้ำสะอาด 1 ถ้วยเทใส่ภาชนะให้พร้อมใส่น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ และเบกกิ้งโซดา 5 ช้อนโต๊ะ คนส่วนผสมทั้งหมดให้ละลายเข้ากัน หลังจากนั้นนำไปวางตามจุดที่มีแมลงสาบอยู่ประจำก็สามารถช่วยไล่แมลงสาบได้ เป็นวิธีที่ปลอดภัยไม่เป็นอันตรายกับคนในบ้าน
เบกกิ้งโซดา มีประโยชน์อีกมากมายในการทำความสะอาดบ้าน เป็นอีกตัวเลือกที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับคนในบ้าน ราคาประหยัดและใช้งานง่าย มีคุณสมบัติที่ช่วยให้การทำความสะอาดเป็นเรื่องง่ายขึ้น แต่ถ้าใครไม่อยากทำงานบ้านเอง ขอแนะนำ แม่บ้านออนไลน์จาก Bluuu ที่จะช่วยให้คุณมีบ้านที่สะอาดจากแม่บ้านมืออาชีพ ราคาก็มิตรภาพ กดจอง ได้ง่ายๆ แค่นี้บ้านของคุณก็จะสะอาดเหมือนใหม่อีกครั้งจากแม่บ้าน Bluuuu
เกี่ยวกับผู้เขียน
Nannicha P.
มือใหม่ต้องรู้ วิธีใช้หม้อทอดไร้น้ำมันอย่างถูกต้อง ปลอดภัย
01 January 2025ปัจจุบันการประกอบอาหารเป็นไปอย่างง่ายเพราะมีเทคโนโลยีช่วยในความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่กี่ปีที่ผ่านมา “หม้อทอดไร้น้ำมัน” เข้ามามีบทบาทในครัวเรือนมากขึ้น เนื่องจากเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำอาหาร เนื่องจากเป็นหม้อทอดที่สามารถทอดอาหารได้โดยไม่ต้องใช้น้ำมัน ตอบโจทย์สายรักสุขภาพ เด็ก ผู้สูงอายุ และคนที่กำลังลดน้ำหนักนั่นเอง
นอกจากไม่ต้องใช้น้ำมันในการประกอบอาหารแล้วตัวเครื่องยังใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ว่าจะอยู่คอนโดหรือบ้านที่มีขนาดห้องครัวไม่ใหญ่มากก็สามารถใช้ได้ เพราะตัวเครื่องมีขนาดกระทัดรัดไม่ใหญ่เกินไปเหมือนเตาอบ อีกอย่างดีไซน์ก็ยังทันสมัย ทำให้ห้องครัวดูดีขึ้นมาเลยค่ะ
หม้อทอดไร้น้ำมัน มีการทำงานอย่างไร ?
หม้อทอดไร้น้ำมันเป็นการทำอาหารให้สุกโดยการเป่าลมร้อนให้หมุนเวียนในหม้อ ทำให้อาหารได้รับความร้อนอย่างทั่วถึงโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน โดยความร้อนจะค่อยๆเข้าสู่อาหารจากด้านนอกสู่ด้านใน ทำให้อาหารกรอบนอกนุ่มในเหมือนการทอดด้วยน้ำมันนั่นเอง
เลือกซื้อหม้อทอดไร้น้ำมันอย่างไรให้ตอบโจทย์การใช้งาน
การเลือกซื้อหม้อทอดไร้น้ำมัน มีปัจจัยที่ควรพิจารณา เช่น ขนาด ความจุ และฟังก์ชั่นพิเศษ ซึ่งแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อมีฟังก์ชั่นที่แตกต่างกันออกไป โดยหลักๆควรพิจารณาจาก
- ขนาด : ขนาดของหม้อทอดไร้น้ำมันมีตั้งแต่ 2 ลิตร ไปจนถึง 8 ลิตร ขนาดใหญ่ ซึ่งขนาด 2 ลิตรเริ่มต้นนี้จะเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กที่มี 1-2 คน และขนาด 5-8 ลิตร เหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิก 3-5 คน เป็นต้น ซึ่งการเลือกขนาดของหม้อทอดค่อนข้างสำคัญเพราะหากเป็นหม้อขนาดเล็กก็จะใส่อาหารได้จำนวนน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทอาหารที่ต้องการทำด้วยค่ะ
- ฟังก์ชั่น : เลือกฟังก์ชั่นที่เหมาะสมกับการใช้งาน เพราะเครื่องแต่ละยี่ห้อมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ส่วนมากฟังก์ชั่นหลักๆจะเป็นการทอด ทำเค้ก ย่างปลา หรือทำสเต็ก เป็นต้น
วิธีการใช้งานหม้อทอดน้ำมัน ขั้นตอนการใช้งานเบื้องต้น
- อุณหภูมิ : เรียนรู้ว่าอาหารแต่ละชนิดควรใช้อุณหภูมิเท่าไหร่ และใช้เวลาเท่าไหร่ เช่น การทำสเต็กเนื้อ จะใช้ไฟ 180 องศา กลับด้านละ 5-7 นาที จะได้เป็นเนื้อแบบ medium rare หากต้องการสุกทั่วชิ้นให้ใช้เวลามากขึ้นค่ะ
- วัตถุดิบ : ควรหั่นวัตถุดิบให้มีขนาดเล็ก เพื่อให้สุกง่าย ใช้เวลาไม่นานเกินไป และเนื้อสัตว์ที่นำมาเข้าหม้อทอดไร้น้ำมันไม่ควรเป็นน้ำแข็ง ควรนำออกมาไว้ด้านนอกตู้เย็นให้น้ำแข็งละลายก่อน
- การจัดวางอาหารในหม้อทอดไร้น้ำมัน : ควรเรียงให้เหมาะสม มีช่องว่างให้ความร้อนผ่านได้ ไม่ควรยัดหรือใส่อาหารเข้าไปแน่น จนไม่มีพื้นที่เหลือ ถ้ายิ่งฝืนใส่อาหารเข้าไปเยอะเกินจะทำให้อาหารหรือเนื้อสัตว์สุกไม่ทั่วถึง เสียเวลาในการจัดเตรียมอาหารไปนั่นเอง
ข้อควรระวังในการใช้หม้อทอดไร้น้ำมัน
อย่างไรก็ตามการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดควรทราบถึงข้อควรระวังต่างๆให้ดี ควรอ่านคู่มือการใช้งานก่อนทุกครั้ง เพราะแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้ออาจมีการใช้งานที่แตกต่างกันไป สำหรับข้อควรระวังเบื้องต้นสำหรับหม้อทอดไร้น้ำมันมีดังนี้
- การวางหม้อในที่อับ - ไม่ควรวางหม้อทอดไร้น้ำมันในมุมอับ คับแคบ ไม่มีที่ระบายลมหรืออากาศ เนื่องจากการใช้งานเครื่องทอดไร้น้ำมัน จะมีลมออกมาบริเวณด้านหลังของเครื่อง (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อด้วยค่ะ) ควรวางไว้ในระยะห่างจากผนังประมาณ 20-30 เซนติเมตร เพื่อเครื่องจะได้มีพื้นที่ระบายอากาศออกมา เครื่องทำงานไม่หนักเกินไป และควรวางบนเคาท์เตอร์ครัวที่ราบ มีความมั่นคง
- วัสดุที่ไม่ควรใช้ในหม้อทอด - ภาชนะพลาสติก โฟม ถุงร้อน ไม่ควรนำใส่ในหม้อทอดไร้น้ำมัน เพราะเป็นวัสดุที่ไม่ทนความร้อน หากต้องการที่รองอาหาร ควรเลือกใช้เป็นกระดาษฟอยล์สำหรับห่ออาหาร กระดาษรองอบ ปัจจุบันมีกระดาษไขรองอบสำหรับรองหม้อทอดไร้น้ำมันวางจำหน่าย เป็นแบบวงกลมและสี่เหลี่ยม เหมาะกับการใช้งานในหม้อทอดไร้น้ำมันโดยเฉพาะ (ห้ามใช้กระดาษทั่วไป ควรใช้เป็นกระดาษไขรองอบเท่านั้น)
- ถอดปลั๊กออกทันทีเมื่อทำอาหารเสร็จ และไม่ควรเปิดสวิทต์การตั้งอุณหภูมิทิ้งไว้
- ไม่ควรใช้หม้อทอดไร้น้ำมันในการอุ่นแกงหรือซุป
การดูแลทำความสะอาดหม้อทอดไร้น้ำมัน
เมื่อประกอบอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ควรรู้ต่อไปคือการล้างทำความสะอาดหม้อทอดน้ำมันนั่นเอง เนื่องจากหม้อทอดไร้น้ำมันบางยี่ห้อ ถาดที่ใส่อาหารเป็นแบบตะกร้า แบบตะแกรงที่มีรู หากวางวัตถุดิบ เนื้อสัตว์ไปโดยตรงไม่มีอะไรรอง ปัญหาที่ตามมาคือเศษอาหารและคราบที่ติดอยู่ ล้างออกยาก โดยเราจะแนะนำวิธีล้างหม้อทอดไร้น้ำมันดังนี้ค่ะ
- บริเวณหม้อทอด : หากมีคราบเศษอาหารเกาะแน่น ให้ยกตัวหม้อออกมาแช่น้ำและน้ำยาล้างจานทิ้งไว้สักครู่ หรือแช่ด้วยเบ้กกิ้งโซดา รอจนกว่าคราบสกปรกจะหลุดออกง่าย แล้วล้างด้วยฟองน้ำนุ่มๆและน้ำยาล้างจานจนสะอาดดี ไม่ควรใช้สก็อตไบรท์ที่มีความคมล้างหรือขัดแรง เพราะตัวหม้อทอดทำมาจากเทฟล่อนนั่นเอง
- บริเวณตัวเครื่อง : สำหรับบริเวณตัวเครื่องด้านในและขดลวด ให้ใช้น้ำสะอาด 1 ถ้วยผสมกับเบ้กกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ ละลายให้เข้ากัน และใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำผสมเบกกิ้งโซดา เช็ดทำความสะอาดขดลวดและในตัวเครื่องเบาๆ เพื่อให้คราบและความมันหรือกลิ่นอาหารหลุดออกไป
- บริเวณนอกตัวเครื่อง : ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดเผื่อมีคราบมันหรือคราบสกปรกติดอยู่ ทำให้เครื่องทอดไร้น้ำมันของเราดูสะอาด ไม่มันเยิ้ม และเมื่อล้างเสร็จควรใช้ผ้าเช็ดให้แห้งสนิททุกครั้งก่อนนำไปจัดเก็บ ทั้งตัวหม้อและตัวเครื่อง แนะนำให้ทำความสะอาดทุกครั้งหลังการใช้งาน
หม้อทอดไร้น้ำมันมีทั้งข้อดี และข้อเสีย
ข้อดีของการประกอบอาหารด้วยหม้อทอดไร้น้ำมัน
- ไขมัน และแคลอรี่ลดลงจากการทอดปกติ 70-80%
- ลดความเสี่ยงจากสารก่อมะเร็งที่มาจากน้ำมันทอด
- ดีต่อสุขภาพ เหมาะกับคนที่กำลังดูแลสุขภาพ ลดน้ำหนัก ลดไขมัน
- ประหยัดเวลาในการทำอาหาร เพียงแค่ใส่วัตถุดิบลงไป และตั้งเวลา ตั้งอุณหภูมิและรอให้เครื่องทำงานเสร็จ
- กลิ่นทำอาหารไม่ฉุนเท่าการทอดเอง ลดควันในการทอด และลดการเกิดน้ำมันกระเด็น
- เหมาะกับครอบครัวที่อาศัยอยู่คอนโด หรือบ้านที่มีพื้นที่ครัวไม่มากนัก
ข้อเสียของการประกอบอาหารด้วยหม้อทอดไร้น้ำมัน
- ความจุจำกัด ไม่สามารถทำอาหารปริมาณเยอะๆได้ในครั้งเดียว หากมีการกินเลี้ยง จำนวนคนเยอะๆ 10-20 คน การทอดด้วยน้ำมันจะเหมาะสมและรวดเร็วกว่า
- ใช้เวลานานกว่า อาหารบางชนิดอาจใช้เวลานานกว่าการทอดปกติ เช่น การทอดไก่ น่องไก่ สะโพกไก่ เนื่องจากเนื้อสัตว์มีความหนา มีกระดูก การทอดด้วยหม้อทอดอาจใช้เวลานานกว่า
- การทำความสะอาด เนื่องจากหม้อทอดไร้น้ำมัน ตัวหม้อเป็นหม้อเทฟล่อน ต้องระวังในการล้าง และบางยี่ห้อที่ใส่อาหารเป็นแบบตะแกรง ถ้ามีคราบอาหารติดจะทำความสะอาดยุ่งยากนั่นเอง
การดูแลรักษาและวิธีใช้หม้อทอดไร้น้ำมันไม่มีอะไรยากเลยค่ะ เพียงแต่เราต้องหมั่นเรียนรู้ ศึกษาจากคู่มือการใช้งานอย่างละเอียดรอบคอบ เพราะแต่ละยี่ห้อ อาจมีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป กำลังไฟแตกต่างกัน ความร้อนแตกต่างกัน แต่ถ้าให้ดีควรเลือกซื้อยี่ห้อที่เชื่อถือได้ มีการรับรองมาตรฐานการผลิตและมีการรับประกันตัวเครื่องด้วยค่ะ
หลังการประกอบอาหารแล้วอย่าลืมทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในครัวทุกครั้ง เพื่อสุขอนามัยที่ดีของทุกคนในครอบครัว แต่หากคุณไม่มีเวลาทำความสะอาดมากนัก ให้นึกถึงบริการของเราค่ะ แม่บ้านออนไลน์ ให้บริการแบบรายชั่วโมง เป็นตัวเลือกที่คู่ควรมากๆในปัจจุบัน นอกจากสะดวกแล้วยังไม่เปลืองแรงอีกด้วย สามารถอ่านรายละเอียดการให้บริการได้ที่ เว็บไซต์ของเรา
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.
หุงข้าวยังไงให้อยู่ได้นาน ไม่บูดง่าย เคล็ดลับง่ายๆที่คุณต้องรู้!
27 December 2024เมื่อเมืองไทยเป็นเมืองร้อนและทานข้าวเป็นอาหารหลัก ปัญหาที่พ่อบ้านแม่บ้านเคยเจอมักหนีไม่พ้นปัญหาข้าวบูด เมื่อข้าวบูดในหม้อหุงข้าวครั้งแรกแล้ว ครั้งต่อๆไปข้าวอาจจะบูดเหมือนเดิมก็เป็นได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงค่ะ ถึงแม้เราจะล้างหม้อสะอาดยังไงข้าวก็ยังบูดอยู่ดี นั่นเป็นเพราะว่าแบคทีเรียที่เกาะอยู่ตามหม้อและฝาหม้อ ซึ่งเป็นแบคทีเรีย จุลินทรีย์ หรือเชื้อโรคต่างๆ ซึ่งเราอาจจะไม่ได้ทำความสะอาดอย่างทั่วถึง
การแก้ปัญหาหม้อหุงข้าว หุงข้าวแล้วข้าวบูดเร็ว ทำอย่างไรดี ?
- น้ำส้มสายชู : แก้ไขโดยใช้น้ำส้มสายชูล้างทำความสะอาดหม้อหุงข้าว โดยเราจะใช้น้ำส้มสายชู 1 ส่วน ต่อน้ำสะอาด 1 ส่วน ใส่ลงไปในหม้อหุงข้าว และกดเปิดหุงข้าวปกติ ให้ความร้อนทำงาน เมื่อเสร็จแล้วให้นำมาล้างด้วยน้ำยาล้างจานปกติแล้วผึ่งให้แห้งสนิท นอกจากน้ำส้มสายชูจะมีฤทธิ์เป็นกรดช่วยทำความสะอาดพื้นผิวได้ดีแล้ว ยังสามารถช่วยฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย
- เกลือ : นอกจากน้ำส้มสายชูแล้วยังสามารถใช้เกลือในการทำความสะอาดหม้อหุงข้าวที่หุงแล้วข้าวบูดบ่อยได้เช่นกันค่ะ โดยเราจะใช้เกลือ 2-3 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำสะอาด 1 ถ้วย ใส่ในหม้อหุงข้าว แล้วกดเปิดให้เครื่องทำงาน เสร็จแล้วให้นำหม้อหุงข้าวไปล้างให้สะอาดโดยใช้น้ำยาล้างจาน แล้วผึ่งให้แห้งก่อนนำไปเก็บ
- นำหม้อหุงข้าวไปตากแดดจัดให้แห้งสนิท : เมื่อเสร็จสิ้นการล้างหม้อหุงข้าวแล้ว หากที่บ้านแดดส่องถึงแนะนำให้นำหม้อหุงข้าวไปตากแดด หรือผึ่งแดดให้แห้งสนิท เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรค
นอกจากนี้ยังสามารถใช้เกลือทาในหม้อหุงข้าวให้รอบๆ แล้วทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง จึงนำกลับมาล้าง
วิธีหุงข้าวยังไงให้ข้าวไม่บูดเร็ว
- ใส่น้ำส้มสายชูปริมาณเล็กน้อยในหม้อหุงข้าว อัตราส่วน 1 ช้อนชา ต่อข้าว 1 ถ้วย ใส่ตอนที่ซาวข้าวและเติมน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว น้ำส้มสายชูสามารถผสมลงไปตอนหุงข้าวได้ทั้งข้าวเหนียวและข้าวสวย โดยการใส่น้ำส้มสายชูปริมาณเล็กน้อยนี้จะไม่มีรสเปรี้ยวแต่อย่างใดค่ะ วิธีนี้จะช่วยยืดระยะเวลาให้ข้าวบูดช้าลง
- ล้างข้าวสารหลายๆรอบก่อนนำไปหุง ควรล้างข้าวสารหลายๆครั้ง เพราะนอกจากจะช่วยชำระล้างสารเคมีและแมลงแล้ว ยังช่วยลดปริมาณของยางข้าวให้น้อยลง หากเป็นข้าวใหม่ ยางข้าวจะค่อนข้างเยอะ หากล้างไม่ดีพอจะทำให้ข้าวแฉะเปียกและอาจทำให้ข้าวบูดเร็วขึ้นนนั่นเอง
- ตอนเปิดหม้อข้าวควรเช็ดไอน้ำบริเวณฝาหม้อข้าวให้แห้งทุกครั้ง เพื่อป้องกันไอน้ำหยดลงไปโดนข้าว อาจทำให้ข้าวในหม้อแฉะและเสียเร็วขึ้นนั่นเอง
- เมื่อทานข้าวไม่หมด มีข้าวเหลืออยู่ในหม้อหุงข้าว ห้ามปล่อยข้าวทิ้งไว้เด็ดขาดเพราะจะทำให้ข้าวบูดคาหม้อ ควรหากล่องที่มีฝาปิดมิดชิดใส่ข้าวแล้วนำแช่ตู้เย็นจะดีที่สุด เมื่อจะทานอีกครั้งค่อยนำออกมาอุ่นในไมโครเวฟ
- ไม่ควรเสียบปลั๊กหม้อหุงข้าวทิ้งไว้ตลอดเวลา เนื่องจากจะเปลืองไฟแล้วยังทำให้ข้าวเกิดความร้อนชื้นตลอดนั่นเอง เพราะแบคทีเรียบางชนิดสามารถทนความร้อนได้
- ข้าวที่หุงเกิน 2-3 วันแล้ว ไม่ควรนำออกมาอุ่นทาน หากไม่ได้แช่ช่องฟรีสไว้ เพราะถ้าเป็นการแช่ตู่เย็นช่องธรรมดา ความเย็นอาจไม่คงที่แบคทีเรียสามารถเจริยเติบโตได้นั่นเอง
ปัจจุบันมีหม้อหุงข้าวที่ทำออกมาสามารถช่วยยืดระยะเวลาการบูดของข้าวได้ โดยหม้อจะมีความหนา ทำจากวัสดุคุณภาพดีสามารถทำให้ข้าวอุ่นค่อนข้างนาน โดยเราได้มี แนะนำหม้อหุงข้าวไว้ที่ แม่บ้านขอแชร์ หม้อหุงข้าวยี่ห้อไหนดี? ใช้งานง่าย คุณภาพเกินคุ้ม สามารถเข้าไปอ่านบทความได้ค่ะ มีหม้อหุงข้าวหลายยี่ห้อน่าสนใจมากๆ
หากคุณไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้าน และต้องการผู้ช่วยในการทำความสะอาดสามารถอ่านรายละเอียดต่างๆได้ที่ เว็บไซต์ของเรา เรามีบริการแม่บ้านในเขตกรุงเทพและปริมณฑล แบบรายชั่วโมง รับรองว่าจองง่าย สะดวกสบายมากค่ะ
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.
กลิ่นท่อในห้องน้ำคอนโดเหม็นไม่ไหว แก้ไขยังไง ?
26 December 2024กลิ่นเหม็นจากท่อในห้องน้ำมักเป็นปัญหาที่สร้างความรำคาญใจและทำให้บรรยากาศในบ้านเสีย อย่างไรก็ตาม คุณสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีธรรมชาติที่ง่ายและปลอดภัย ไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีแรงๆ วิธีการเหล่านี้ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและเป็นมิตรต่อสุขภาพอีกด้วย บทความนี้จะมาแนะนำวิธีที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ทันทีเพื่อกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และคืนความสดชื่นให้กับห้องน้ำของคุณกัน
1. ใช้เบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชู
เบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชูเป็นส่วนผสมที่หลายคนมีอยู่ในบ้านและสามารถช่วยขจัดกลิ่นอับจากท่อระบายน้ำได้ เบกกิ้งโซดามีคุณสมบัติช่วยดูดซับกลิ่นในขณะที่น้ำส้มสายชูมีคุณสมบัติช่วยกำจัดคราบสกปรกและไขมันสะสม เพียงเทเบกกิ้งโซดาลงในท่อ ตามด้วยน้ำส้มสายชู และปล่อยให้เกิดฟองจากปฏิกิริยาเคมี เมื่อเสร็จสิ้น ล้างด้วยน้ำร้อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำความสะอาด วิธีนี้ไม่เพียงแต่ลดกลิ่นอับ แต่ยังช่วยเปิดท่อระบายน้ำให้ไหลได้สะดวกขึ้นด้วย
2. ใช้เกลือและน้ำร้อน
การใช้เกลือร่วมกับน้ำร้อนเป็นวิธีธรรมชาติที่ง่ายดายและมีประสิทธิภาพ เกลือจะช่วยกัดกร่อนคราบไขมันและสิ่งสกปรกในท่อระบายน้ำ ในขณะที่น้ำร้อนจะช่วยล้างสิ่งสกปรกออกไป เพียงเทเกลือลงไปในท่อแล้วตามด้วยน้ำร้อนช้าๆ วิธีนี้ยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิดที่อาจเป็นสาเหตุของกลิ่นเหม็นได้ด้วย
3. น้ำมะนาวและเบกกิ้งโซดา
น้ำมะนาวเป็นตัวช่วยจากธรรมชาติที่มีกรดซิตริกช่วยลดกลิ่นเหม็นจากท่อ เมื่อผสมกับเบกกิ้งโซดาจะเกิดฟองที่ช่วยดึงคราบสกปรกออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ กลิ่นสดชื่นจากน้ำมะนาวยังช่วยปรับบรรยากาศในห้องน้ำให้ดีขึ้นอีกด้วย วิธีนี้เหมาะสำหรับการลดกลิ่นในระยะยาวและยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
4. ใบชาแห้ง
ใบชาแห้งสามารถนำมาใช้เป็นตัวช่วยในการดูดซับกลิ่นอับได้ โดยคุณสามารถนำใบชาแห้งใส่ในถุงผ้าขนาดเล็กและวางไว้ใกล้ท่อระบายน้ำ กลิ่นหอมจากใบชาจะช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และเพิ่มความสดชื่นให้กับห้องน้ำ แต่คุณควรเปลี่ยนใบชาใหม่ทุกสองสัปดาห์เพื่อประสิทธิภาพที่ดีอย่างสม่ำเสมอ
5. น้ำมันหอมระเหย
การใช้น้ำมันหอมระเหยเป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มความหอมและลดกลิ่นอับในห้องน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลือกน้ำมันหอมระเหยกลิ่นสดชื่น เช่น เลมอน ยูคาลิปตัส หรือลาเวนเดอร์ หยดน้ำมันลงในท่อระบายน้ำ หรือนำมาผสมน้ำแล้วฉีดพ่นบริเวณท่อที่มีกลิ่น นอกจากช่วยเพิ่มกลิ่นหอมแล้ว น้ำมันหอมระเหยยังมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียซึ่งช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคอีกด้วย
6. ถ่านไม้ไผ่
ถ่านไม้ไผ่เป็นตัวช่วยจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่น เพียงวางถ่านไม้ไผ่ไว้ในถุงผ้าตาข่ายและแขวนไว้ใกล้กับท่อระบายน้ำ ถ่านไม้ไผ่จะช่วยดูดซับกลิ่นเหม็๋นออกไปได้อย่างดีมาก นอกจากนี้ คุณยังสามารถนำถ่านไม้ไผ่มาตากแดดทุกเดือนเพื่อคืนประสิทธิภาพการดูดซับกลิ่นหรือเปลี่ยนถ่านทุกๆเดือนก็ได้เช่นเดียวกัน
7. ปลูกต้นไม้ในห้องน้ำ
การปลูกต้นไม้ในห้องน้ำไม่เพียงช่วยเพิ่มความสดชื่น แต่ยังช่วยลดกลิ่นเหม็นจากท่อได้อีกด้วย ต้นไม้ที่เหมาะสำหรับวางในห้องน้ำได้แก่ ลิ้นมังกรและพลูด่าง ซึ่งเป็นต้นไม้ที่สามารถเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง ต้นไม้เหล่านี้จะช่วยฟอกอากาศและเพิ่มบรรยากาศในห้องน้ำให้ดีขึ้น
กลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องน้ำไม่ใช่ปัญหาที่ยากจะแก้ หากคุณเลือกใช้วิธีที่แนะนำในบทความนี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ส่วนผสมจากครัวเรือนที่มีในทุกบ้าน เช่น เบกกิ้งโซดา น้ำมะนาว หรือเกลือ ไปจนถึงการเพิ่มต้นไม้และถ่านไม้ไผ่ในห้องน้ำ คุณก็จะสามารถลดกลิ่นอับและสร้างบรรยากาศที่สดชื่นได้อย่างง่ายดาย หรือถ้าหากคุณต้องการหาคนรช่วยทำความสะอาดบ้านและห้องน้ำ สามารถกดจ้างแม่บ้านออนไลน์คุณภาพดีได้ ที่นี่ แม่บ้าน bluuu ยินดีให้บริการทุกคนครับ
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.
มัดรวม 7 แบตสำรองพกพาขึ้นเครื่องบินได้ ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวสายลุย
25 December 2024การเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางไปทำงานหรือท่องเที่ยว แต่ปัญหาหนึ่งที่นักเดินทางหลายคนพบเจอคือการพกพาอุปกรณ์เสริมอย่าง Power Bank หรือ แบตสำรอง ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการชาร์จโทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างการเดินทาง อย่างไรก็ตาม การพกพาแบตสำรอง (Power Bank) ขึ้นเครื่องบินมีข้อจำกัดเล็กน้อยที่ผู้เดินทางควรรู้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะทำให้เราตกเครื่องเลยก็ได้หากพลาดที่จะเช็คแบตสำรองก่อนออกเดินทางโดยเครื่องบิน วันนี้เรามี 7 แบตเตอรี่สำรองยอดนิยมที่จะมาแนะนำให้ทุกคนที่ชอบท่องเที่ยวโดยเครื่องบิน เพื่อความสะดวกในการจัดเตรียมอุปกรณ์ของเราง่ายๆ ดังนี้
- Xiaomi Mi Power Bank 3
เป็นหนึ่งในแบตสำรองที่โดดเด่น ด้วยความจุ 20,000 mAh หรือเทียบเท่ากับ 74 Wh ทำให้สามารถพกพาขึ้นเครื่องบินได้อย่างปลอดภัย Power Bank รุ่นนี้น้ำหนักเบา รองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 18W และมีระบบป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรและการจ่ายไฟเกิน พร้อมทั้งพอร์ต USB-A และ USB-C ที่ทำให้สามารถชาร์จหลายอุปกรณ์พร้อมกันได้อย่างสะดวกสบาย
- Anker PowerCore 10000 PD Redux
เป็นตัวเลือกขนาดกะทัดรัด ความจุ 10,000 mAh หรือ 37 Wh เหมาะสำหรับการพกพา รองรับการชาร์จเร็วแบบ Power Delivery สูงสุด 18W และมาพร้อมกับระบบ MultiProtect Safety System ที่ช่วยป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรและความร้อน น้ำหนักเบาเพียง 192 กรัม ทำให้เป็นคู่หูเดินทางที่ยอดเยี่ยม
- RAVPower 20000mAh PD 3.0
แบตสำรองนี้มีความจุ 20,000 mAh หรือ 74 Wh เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ รองรับการชาร์จเร็ว PD 3.0 และ QC 3.0 โดยสามารถจ่ายไฟได้ถึง 18W พร้อมพอร์ต USB-C และ USB-A ที่มาพร้อมระบบ iSmart ซึ่งช่วยปรับกระแสไฟให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ โครงสร้างทนทานต่อแรงกระแทก จึงเหมาะกับการใช้งานในทุกสภาพแวดล้อม
- AUKEY PB-Y36
แบตสำรองนี้มาพร้อมความจุ 10,000 mAh หรือ 37 Wh และรองรับ Quick Charge 3.0 รวมถึง Power Delivery 18W น้ำหนักเพียง 190 กรัม ดีไซน์บางเบาเหมาะสำหรับการพกพา ระบบความปลอดภัยในตัวช่วยป้องกันการชาร์จเกิน ไฟฟ้าลัดวงจร และความร้อน พร้อมพอร์ต USB-C ที่สามารถใช้งานได้ทั้งชาร์จเข้าและชาร์จออก
- Baseus Adaman Metal Digital Display
แบตสำรองมีความจุ 20,000 mAh หรือ 74 Wh พร้อมการรองรับการชาร์จเร็ว PD 3.0 และ QC 3.0 สูงสุด 22.5W จุดเด่นของแบตสำรองนี้คือหน้าจอแสดงผลดิจิทัลที่บอกสถานะแบตเตอรี่ ตัวเครื่องทำจากวัสดุโลหะที่ดูหรูหราและทนทาน และสามารถชาร์จอุปกรณ์หลายตัวพร้อมกันผ่านพอร์ต USB-A และ USB-C
- Zendure A3PD
เป็นแบตสำรองขนาดเล็กที่มีความจุ 10,000 mAh หรือ 37 Wh รองรับการชาร์จสูงสุด 18W และชาร์จเร็ว QC 3.0 ตัวเครื่องแข็งแรงทนทานผ่านการทดสอบแรงกระแทก มาพร้อมระบบป้องกันการชาร์จเกิน ความร้อน และไฟฟ้าลัดวงจร ขนาดเล็กและน้ำหนักเบาทำให้เหมาะสำหรับการเดินทางไกลๆ
- Eloop E29
เป็นแบตสำรองยอดฮิตที่มีขนาดใหญ่ที่มีความจุถึง 30,000 mAh หรือ 111 Wh แต่ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ รองรับการชาร์จเร็ว QC 3.0 และ PD 18W มีดีไซน์บางเฉียบเพียง 14 มม. พร้อมไฟ LED แสดงสถานะการใช้งานแบตเตอรี่ สามารถชาร์จอุปกรณ์หลายตัวพร้อมกันได้ด้วยพอร์ต USB-A และ USB-C เนื่องจากความจุค่อนข้างเยอะทำให้แบตสำรองรุ่นนี้ชาร์จได้หลายรอบมากเลยล่ะครับ
เคล็ดลับการพกพา Power Bank ขึ้นเครื่องบิน
- อ่านรายละเอียดของ Power Bank เพื่อให้แน่ใจว่ามีความจุไม่เกินข้อกำหนดของสายการบิน (ความจุห้ามเกิน 32,000 mAh)
- พาวเวอร์แบงค์หรือแบตสำรองทั้งหมดต้องพกติดตัวไปในกระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (ห้ามใส่ในกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่อง)
- ควรหลีกเลี่ยงการนำแบตเตอรี่สำรองไม่มีการระบุความจุของแบตสำรองชัดเจนที่อาจเกิดจากการลอกหรือรอยขีดข่วนโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะคุณอาจจะต้องทิ้งแบตสำรองนั้นก่อนจะได้เดินทางซะอีก
การเลือก Power Bank ที่เหมาะสมและปฏิบัติตามกฎระเบียบจะช่วยให้คุณสามารถเดินทางได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย หากคุณกำลังมองหา Power Bank สำหรับการเดินทาง อย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานและมีความจุที่เหมาะสมตามข้อกำหนดของสายการบินนั้นๆด้วยนะครับ และถ้าหากใครที่กำลังหาผู้ช่วยในการทำความสะอาดบ้าน หรือกำลังมองหาแม่บ้านรายชั่วโมงที่อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดการบริการได้ที่ bluuu เว็บไซต์ของเราได้เลยนะครับ
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.