
ค้นหาแม่บ้านรายวัน รายชั่วโมง รายสัปดาห์
คุณภาพสูงสุดสำหรับทำความสะอาดบ้านและออฟฟิศ
ให้บริการไปแล้วมากกว่า 50,000 ครั้ง

ตรวจประวัติอาชญากรรม

ผ่านการอบรมคุณภาพ

แม่บ้านมีประสบการณ์

มีส่วนลดสูงสุด 18%

พื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล

มีทีมงานบริการลูกค้า
แม่บ้านรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์
หาแม่บ้านรายวันสำหรับครั้งเดียวหรือซื้อแพ็คเกจพร้อมส่วนลด 5-18% สำหรับแม่บ้านรายสัปดาห์ แม่บ้านประจำ
แม่บ้านทุกคนผ่านการคัดกรองสัมภาษณ์ ตรอจสอบประวัติอาชญากรรม การฝึกอบรม และควบคุมคุณภาพ
เจ้าหน้าที่จะหาแม่บ้านทดแทนในกรณีฉุกเฉิน (เช่น ป่วย อุบัติเหตุ ฯลฯ)
แม่บ้านอันดับสูงสุด










รีวิวจากคุณลูกค้า
ตั้งแต่เริ่มใช้บริการจาก Bluuu ก็หมดความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องแม่บ้านเลยค่ะ! เป็นแม่บ้านที่ขยัน เชื่อถือได้ และมีทักษะการทำความสะอาดที่ยอดเยี่ยม! ดิฉันยังค้นพบว่าการจองแบบแพ็คเกจนั้นได้ประโยชน์มาก เพราะมีทั้งส่วนลด ทั้งยังสามารถจองและเปลี่ยนแปลงตารางได้ง่ายผ่านระบบเว็บไซต์ภายในระยะเวลาที่กำหนดอีกด้วย ดิฉันจึงอยากแนะนำให้มาใช้บริการนี้เพราะมันตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการได้ดีมากเลยค่ะ!
Miho

เมื่อก่อนผมเคยใช้บริการที่คล้ายๆกับบริการนี้ และประสบปัญหาเรื่องความไม่น่าเชื่อถือของแม่บ้านมาหลายคน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดวงของคุณไป แต่ผมประทับใจจริงๆบริการจาก Bluuu ที่มีการตรวจสอบและรับรองความน่าเชื่อถือของแม่บ้านมาอย่างละเอียด ทั้งยังง่ายต่อการจอง และคุณภาพของแม่บ้านก็ดีกว่าบริการอื่นๆ ด้วยครับ การบริการลูกค้าของที่นี่ดีมาก ผมแนะนำบริการนี้เป็นอย่างยิ่งเลยครับ
David

จากที่ได้ใช้บริการแม่บ้าน Bluuu มาอย่างต่อเนื่อง ประทับใจการทำงานของแม่บ้านเป็นอย่างมาก สะอาด รวดเร็ว พูดเพราะ ตรงต่อเวลา และมีความรับผิดชอบตั้งใจทำงาน คิดว่าจะใช้บริการแม่บ้าน Bluuu ต่อไปเรื่อยๆค่ะ
Mint

ทางเราได้ใช้บริการแม่บ้านของ bluuu มาซักระยะหนึ่ง ค่อนข้างพอใจกับบริการ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน หรือในตัวเว็บไซต์ของ bluuu เนื่องจากค่อนข้างใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ส่วนตัวแม่บ้านที่มาให้บริการ ก็ค่อนข้างมีมารยาท และ ทำงานค่อนข้างดี รวดเร็ว ตามกำหนดเวลาค่ะ
Anny

ใช้งานง่าย ช่วยให้หาแม่บ้านมืออาชีพทั้งแบบทำความสะอาดที่บ้านและธุรกิจที่ถูกใจได้ไวครับ ส่วนตัวใช้งานมากว่า 1 ปีแล้ว ราคาดีสมเหตุสมผล ทำการจองไม่ยุ่งยาก แถมมีฟังก์ชั่นช่วยจองซ้ำในวัน-เวลาที่ต้องการได้ง่ายมากๆครับ แนะนำเลยครับ 😊
Ra

เราได้ใช้บริการแม่บ้านจาก Bluuu ซึ่งแม่บ้านที่มาทำความสะอาดทำงานได้ดีเยี่ยม มีประสิทธิภาพ และซื่อสัตย์ รวมไปถึงการใช้บริการในราคาที่เข้าถึงได้เมื่อเทียบกับการจ้างแม่บ้านเอง นอกจากนี้ยังมี Feature ที่มีความหลายหลายไม่เหมือนใครที่ตอบโจทย์ด้านการทำความสะอาดได้ดีที่สุด
Mark

สิ่งที่ดิฉันชอบมากสำหรับบริการนี้คือ การที่ดิฉันสามารถเลือกให้แม่บ้านคนเดิมมาทำความสะอาดในทุกสัปดาห์ตามต้องการโดยไม่จำเป็นต้องผูกกับวันหรือเวลาที่เฉพาะเจาะจงเลยค่ะ อย่างไรก็ตามหากพวกเขาไม่สะดวกในเวลานั้น แม่บ้านคนอื่นๆจาก Bluuu ก็สามารถทำงานได้ดีเยี่ยม สุภาพ และมีความเชี่ยวชาญเช่นกันค่ะ สำหรับใครที่ต้องการแม่บ้านแต่ไม่สะดวกเรื่องการทำสัญญาจ้างระยะยาวดิฉันขอแนะนำให้มาใช้บริการนี้เลยค่ะ
Lorraine

ตั้งแต่เริ่มใช้บริการจาก Bluuu ก็หมดความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องแม่บ้านเลยค่ะ! เป็นแม่บ้านที่ขยัน เชื่อถือได้ และมีทักษะการทำความสะอาดที่ยอดเยี่ยม! ดิฉันยังค้นพบว่าการจองแบบแพ็คเกจนั้นได้ประโยชน์มาก เพราะมีทั้งส่วนลด ทั้งยังสามารถจองและเปลี่ยนแปลงตารางได้ง่ายผ่านระบบเว็บไซต์ภายในระยะเวลาที่กำหนดอีกด้วย ดิฉันจึงอยากแนะนำให้มาใช้บริการนี้เพราะมันตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการได้ดีมากเลยค่ะ!
Miho

เมื่อก่อนผมเคยใช้บริการที่คล้ายๆกับบริการนี้ และประสบปัญหาเรื่องความไม่น่าเชื่อถือของแม่บ้านมาหลายคน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดวงของคุณไป แต่ผมประทับใจจริงๆบริการจาก Bluuu ที่มีการตรวจสอบและรับรองความน่าเชื่อถือของแม่บ้านมาอย่างละเอียด ทั้งยังง่ายต่อการจอง และคุณภาพของแม่บ้านก็ดีกว่าบริการอื่นๆ ด้วยครับ การบริการลูกค้าของที่นี่ดีมาก ผมแนะนำบริการนี้เป็นอย่างยิ่งเลยครับ
David

จากที่ได้ใช้บริการแม่บ้าน Bluuu มาอย่างต่อเนื่อง ประทับใจการทำงานของแม่บ้านเป็นอย่างมาก สะอาด รวดเร็ว พูดเพราะ ตรงต่อเวลา และมีความรับผิดชอบตั้งใจทำงาน คิดว่าจะใช้บริการแม่บ้าน Bluuu ต่อไปเรื่อยๆค่ะ
Mint

ทางเราได้ใช้บริการแม่บ้านของ bluuu มาซักระยะหนึ่ง ค่อนข้างพอใจกับบริการ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน หรือในตัวเว็บไซต์ของ bluuu เนื่องจากค่อนข้างใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ส่วนตัวแม่บ้านที่มาให้บริการ ก็ค่อนข้างมีมารยาท และ ทำงานค่อนข้างดี รวดเร็ว ตามกำหนดเวลาค่ะ
Anny

ใช้งานง่าย ช่วยให้หาแม่บ้านมืออาชีพทั้งแบบทำความสะอาดที่บ้านและธุรกิจที่ถูกใจได้ไวครับ ส่วนตัวใช้งานมากว่า 1 ปีแล้ว ราคาดีสมเหตุสมผล ทำการจองไม่ยุ่งยาก แถมมีฟังก์ชั่นช่วยจองซ้ำในวัน-เวลาที่ต้องการได้ง่ายมากๆครับ แนะนำเลยครับ 😊
Ra

เราได้ใช้บริการแม่บ้านจาก Bluuu ซึ่งแม่บ้านที่มาทำความสะอาดทำงานได้ดีเยี่ยม มีประสิทธิภาพ และซื่อสัตย์ รวมไปถึงการใช้บริการในราคาที่เข้าถึงได้เมื่อเทียบกับการจ้างแม่บ้านเอง นอกจากนี้ยังมี Feature ที่มีความหลายหลายไม่เหมือนใครที่ตอบโจทย์ด้านการทำความสะอาดได้ดีที่สุด
Mark

สิ่งที่ดิฉันชอบมากสำหรับบริการนี้คือ การที่ดิฉันสามารถเลือกให้แม่บ้านคนเดิมมาทำความสะอาดในทุกสัปดาห์ตามต้องการโดยไม่จำเป็นต้องผูกกับวันหรือเวลาที่เฉพาะเจาะจงเลยค่ะ อย่างไรก็ตามหากพวกเขาไม่สะดวกในเวลานั้น แม่บ้านคนอื่นๆจาก Bluuu ก็สามารถทำงานได้ดีเยี่ยม สุภาพ และมีความเชี่ยวชาญเช่นกันค่ะ สำหรับใครที่ต้องการแม่บ้านแต่ไม่สะดวกเรื่องการทำสัญญาจ้างระยะยาวดิฉันขอแนะนำให้มาใช้บริการนี้เลยค่ะ
Lorraine

ตั้งแต่เริ่มใช้บริการจาก Bluuu ก็หมดความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องแม่บ้านเลยค่ะ! เป็นแม่บ้านที่ขยัน เชื่อถือได้ และมีทักษะการทำความสะอาดที่ยอดเยี่ยม! ดิฉันยังค้นพบว่าการจองแบบแพ็คเกจนั้นได้ประโยชน์มาก เพราะมีทั้งส่วนลด ทั้งยังสามารถจองและเปลี่ยนแปลงตารางได้ง่ายผ่านระบบเว็บไซต์ภายในระยะเวลาที่กำหนดอีกด้วย ดิฉันจึงอยากแนะนำให้มาใช้บริการนี้เพราะมันตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการได้ดีมากเลยค่ะ!
Miho

เมื่อก่อนผมเคยใช้บริการที่คล้ายๆกับบริการนี้ และประสบปัญหาเรื่องความไม่น่าเชื่อถือของแม่บ้านมาหลายคน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดวงของคุณไป แต่ผมประทับใจจริงๆบริการจาก Bluuu ที่มีการตรวจสอบและรับรองความน่าเชื่อถือของแม่บ้านมาอย่างละเอียด ทั้งยังง่ายต่อการจอง และคุณภาพของแม่บ้านก็ดีกว่าบริการอื่นๆ ด้วยครับ การบริการลูกค้าของที่นี่ดีมาก ผมแนะนำบริการนี้เป็นอย่างยิ่งเลยครับ
David

ค่าบริการ
ครั้งเดียว
สามารถใช้บริการได้ตั้งแต่ 2 ชั่วโมงขึ้นไป ในราคาเริ่มต้นเพียง 500 บาทเท่านั้น
แพ็กเกจ
สามารถซื้อเครดิตได้สูงสุด 28 ครั้ง พร้อมรับส่วนลดพิเศษสูงสุด 18%
ระบบคัดกรองแม่บ้านที่เข้มงวด
100% ของแม่บ้านต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบประวัติที่เข้มงวด
เราเป็นแพลตฟอร์มให้บริการแม่บ้านเพียง “แห่งเดียว” ในประเทศไทยที่
- สัมภาษณ์แม่บ้านก่อนจ้าง เราสัมภาษณ์แม่บ้านทุกคน ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ คุณภาพในการให้บริการลูกค้า และประสบการณ์การทำความสะอาด
- ปฏิเสธแม่บ้านที่มีประวัติอาชญากรรมทุกประเภท (บริษัท อื่น ๆ ทั้งหมดยอมรับแม่บ้านที่มีประวัติที่ไม่เกี่ยวกับการขโมยหรือทำร้ายร่างกาย ตัวอย่างเช่น เล่นการพนัน) เราตรวจสอบประวัติอาชญากรรมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ระบบการฝึกอบรมที่เข้มข้น
100% ของแม่บ้านต้องผ่านกระบวนการฝึกอบรมทักษะที่จำเป็นสำหรับงานบ้านและฝึกทัศนคติด้านการบริการ
- ผ่านโปรแกรมการฝึกทักษะการทำงานบ้านมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ได้รับมาตรฐานระดับสูงของสมาคมแม่บ้านญี่ปุ่น
- ผ่านโปรแกรมการฝึกทักษะแม่บ้านในระดับต่าง ๆ ที่บริษัทกำหนดไว้ กรณีที่แม่บ้านต้องการยกระดับมาตรฐานการบริการให้สูงขึ้น
ผู้นำด้านเทคโนโลยี
Bluuu เป็นทั้งบริษัทด้านการบริการและผู้นำด้านเทคโนโลยี
- ภารกิจของ Bluuu คือการยกระดับมาตรฐานแรงงานด้วยเทคโนโลยี
- ผู้ก่อตั้ง Bluuu ได้รับแรงบันดาลใจจาก Google จึงมุ่งมั่นลงทุนในเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานให้กับทั้งผู้ใช้บริการและแม่บ้าน
จองเมื่อคุณต้องการ
เริ่มต้นเพียง 2 ชั่วโมงต่อครั้ง
เลือกแม่บ้านจนกว่าคุณจะพบแม่บ้านที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณ
มีกระบวนการสรรหาคนที่เข้มงวด
(สัมภาษณ์คัดเลือก และตรวจสอบประวัติอาชญากรรม)
มีการฝึกอบรมที่ครอบคลุม
1
กำหนดวัน / เวลาที่คุณต้องการ
2
เลือกแม่บ้านที่คุณต้องการ
หรือให้ Bluuu
แนะนำแม่บ้านให้คุณ
3
ยืนยันการจอง
ระบบจะแจ้งข้อมูลไปยังแม่บ้าน
และเข้าสู่ขั้นตอนการชำระเงิน
4
แม่บ้านกดรับงาน
เพียงเท่านี้การจองของคุณ
ก็เสร็จสมบูรณ์
เปลี่ยนกำหนดการนัดหมาย
หากต้องการเปลี่ยนแปลงวัน / เวลา นัดหมาย
สามารถติดต่อแม่บ้านผ่านทางโทรศัพท์
หรือติดต่อผ่านระบบแช็ตของ Bluuu
ยกเลิกการนัดหมาย
คุณสามารถยกเลิกการจองได้
ภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนถึงเวลานัดหมาย
1
แม่บ้านเดินทางถึงที่หมายและเริ่มทำงาน
2
เมื่องานเสร็จสิ้น คุณสามารถแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกับบริการของแม่บ้านได้
ทุกคำชมของคุณช่วยตอบแทนความตั้งใจ
ในการบริการของแม่บ้านได้เป็นอย่างดี
Recommended Articles

Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read more
Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read more
Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read more
Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read more
Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read more
Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read more
Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read more
Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read more
Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read more
Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read moreบทความบล็อก

ต้องใช้เวลากี่ชั่วโมงเพื่อทำความสะอาดบ้าน?
07 มกราคม 2025คุณควรจองเวลาทำความสะอาดบ้านกี่ชั่วโมง? แน่นอนว่าวิธีนี้แตกต่างกันไปในแต่ละบ้าน เนื่องจากขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความถี่ในการทำความสะอาด จำนวนสิ่งของที่คุณมีอยู่ ความเป็นระเบียบ ความสกปรก เป็นต้น
แต่มีวิธีง่ายๆ มากในการประมาณคร่าวๆ ว่าโดยปกติแล้วงานส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่จึงจะเสร็จ ผมเป็นเจ้าของบริการแม่บ้านออนไลน์อันดับต้นๆ ของประเทศไทย ดังนั้นผมจึงรู้จากประสบการณ์ตรงว่าปกติแม่บ้านใช้เวลาเฉลี่ยนานแค่ไหนในการทำความสะอาดบ้าน ดังนั้นข้อมูลนี้จึงควรเชื่อถือได้
- วิธีคำนวณจำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ในการทำความสะอาดบ้าน
จำนวนชั่วโมงขั้นต่ำที่จำเป็นในการทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ (เช่น ทำความสะอาด 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์) สามารถคำนวณได้ด้านล่างนี้:
จำนวนห้องนอน + 2 ชั่วโมง = จำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ในการทำความสะอาด
หมายเหตุ: จำนวนห้องนอนสามารถแทนที่ด้วยจำนวนห้องน้ำได้ เนื่องจากโดยปกติแล้ว จำนวนทั้งสองห้องควรจะเท่ากัน
ตัวอย่างที่ 1: สำหรับคอนโด 2 ห้องนอน เวลาที่ต้องใช้ขั้นต่ำคือ 4 ชั่วโมง (2 ห้องนอน + 2 ชั่วโมง = 4 ชั่วโมง)
ตัวอย่างที่ 2: สำหรับบ้าน 4 ห้องนอน เวลาที่ต้องใช้ขั้นต่ำคือ 6 ชั่วโมง (4 ห้องนอน + 2 ชั่วโมง = 6 ชั่วโมง)
นี่คือเวลาที่ต้องใช้สำหรับการทำความสะอาดบ้านทั่วไปและเป็นประจำ เช่น ล้างจาน ทำความสะอาดห้องน้ำ ครัว เปลี่ยนผ้าปูที่นอน เป็นต้น แต่ไม่รวมการรีดผ้า ดังนั้น หากคุณมีเสื้อผ้าที่ต้องรีด โปรดเพิ่มเวลาอีก 1-2 ชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณเสื้อผ้าที่ต้องรีด
นี่คือวิธีที่เว็บไซต์ของเราแนะนำจำนวนชั่วโมงในการจอง และถือเป็นหลักเกณฑ์ที่ดีในการตัดสินว่าควรจองกี่ชั่วโมงขั้นต่ำ
- อาจจะลดจำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ได้อย่างไร
จำนวนชั่วโมงจริงที่ต้องใช้ในการทำความสะอาดอาจแตกต่างกันไป มันขึ้นอยู่กับความถี่ในการทำความสะอาด อย่างเช่น หากคุณทำความสะอาดบ้านมากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ จำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้แต่ละครั้งก็ควรจะลดลง ดังนั้น สำหรับคอนโดที่มี 2 ห้องนอน ซึ่งโดยปกติต้องใช้เวลาขั้นต่ำ 4 ชั่วโมงต่อครั้ง ก็อาจทำความสะอาดเสร็จภายใน 3 ชั่วโมงได้ หากทำความสะอาด 5-6 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งก็คือเกือบทุกวัน
ปัจจัยอีกอย่างที่ต้องพิจารณาคือการเรียนรู้ของแม่บ้าน หลังจากทำงานที่บ้านของคุณเป็นเวลาหลายเดือน แม่บ้านจะคุ้นเคยกับการทำงานที่นั่น เรียนรู้ว่าอุปกรณ์อยู่ที่ไหน วิธีใช้อุปกรณ์ วิธีจัดระเบียบสิ่งของ ฯลฯ และจะเริ่มทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นี่ยังอาจจะลดจำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ต่อครั้งลงได้อีกด้วย
- สิ่งที่เราไม่ควรใช้วิธีคำนวณนี้
ไม่สามารถใช้กับงาน Big Cleaning (ทำความสะอาดครั้งใหญ่) ได้
นี่คือหลักเกณฑ์ทั่วไปในการทำความสะอาดบ้านเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และไม่ใช้กับงาน Big Cleaning เช่น การทำความสะอาดหลังย้ายออก ก่อนย้ายเข้า หลังปรับปรุงใหม่ หรือหลังจากไม่ได้ทำความสะอาดเป็นเวลานาน เช่นหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนด้วยซ้ำ Big Cleaning โดยปกติต้องใช้ทีมทำความสะอาด 3-4 คน อย่างน้อยครึ่งวันหรือทั้งวัน พร้อมอุปกรณ์พิเศษสำหรับขจัดคราบฝังแน่น และราคาจะอยู่ที่อย่างน้อย 5,000 บาท ดังนั้นสูตรนี้จึงใช้ไม่ได้กับงานประเภทนี้ ซึ่งแตกต่างจากงานดูแลบ้านทั่วไปโดยสิ้นเชิง
อย่าบีบบังคับแม่บ้านมากเกินไป
จากการให้บริการกับลูกค้าหลายพันท่านบนแพลตฟอร์มของเรา ผมเคยพบว่าลูกค้าบางท่านพยายามบีบบังคับแม่บ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยจองน้อยกว่าจำนวนชั่วโมงที่แนะนำและกดดันให้แม่บ้านทำงานเร็วขึ้นและหนักขึ้น ซึ่งมักจะไม่จบลงด้วยดีกับลูกค้าประเภทนี้ เพราะแม้แต่แม่บ้านที่ดีที่สุดของเราก็ยังเป็นมนุษย์เหมือนกัน และต้องมีเวลาหายใจ ดังนั้นแม้แต่แม่บ้านที่ดีที่สุดก็มักจะหมดแรงและในที่สุดก็ปฏิเสธงานจากลูกค้าเหล่านี้ เนื่องจากมันสร้างความเครียดมากเกินไป จากนั้นลูกค้าแบบนี้จะต้องเลือกแม่บ้านที่มีความสามารถน้อยกว่าหรือพยายามหาแม่บ้านใหม่ เพราะไม่มีใครอยากทำงานต่อไป ดังนั้น โปรดใจดีกับแม่บ้าน และในทางกลับกัน แม่บ้านก็จะภักดีต่อคุณมากขึ้น และนั่นจะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นมากในระยะยาว
ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ ผมเป็นเจ้าของบริการแม่บ้านทำความสะอาดออนไลน์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ดังนั้นหากคุณต้องการบริการแม่บ้านรายวันหรือรายสัปดาห์ กรุณาลองดูลิงก์นี้ เรามีแม่บ้านคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทย
ขอบคุณที่อ่านจนจบ 🙏
===
เขียนโดย Daigo Yoda
ผู้ก่อตั้งและ CEO Bluuu

ซักเสื้อสีดำยังไง ไม่ให้ซีดเร็ว เคล็ดลับง่ายๆ แต่ใช้ได้จริง!!
04 มกราคม 2025เสื้อผ้าสีดำเป็นเสื้อผ้าที่ดูเรียบๆ แต่ก็ให้ลุคที่ดูเรียบหรู ผู้คนมากมายนิยมใส่เสื้อผ้าสีดำ ทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ปัญหาที่มักเจอบ่อยๆคือ เสื้อผ้าสีดำซีดลง สีไม่เข้มเหมือนตอนที่ซื้อมาใหม่ๆ หากคุณมีเสื้อผ้าสีดำอยู่เต็มตู้ นี่เป็นสิ่งที่คุณควรทราบจริงๆค่ะ ทางทีมงานแม่บ้าน Bluuu จะมาช่วยแนะนำวิธีซักผ้าสีดำยังไง ไม่ให้สีซีดจางเร็วนั่นเอง
การซักเสื้อสีดำมีข้อควรระวังอย่างไร
- แยกซัก : ควรแยกผ้าสีกับผ้าขาวทุกครั้งก่อนนำไปซัก ไม่ควรนำมาซักรวมกัน นอกจากนี้ควรแยกประเภทของผ้าที่จะซักด้วย ว่าควรซักเครื่องหรือซักมือ โดยปกติแล้วเสื้อผ้าสีดำส่วนมากเราจะนำเข้าเครื่องซักผ้า แต่ไม่ได้ดูชนิดของเนื้อผ้าว่าบางหรือหนา หากนำไปซักรวมกันอาจทำให้เกิดการเสียดสีแบบรุนแรงและทำให้เม็ดสีหลุดออกได้ง่าย
- ใช้น้ำเย็นในการซักเสื้อสีเข้ม : เนื่องจากการใช้น้ำร้อนในซักเสื้อสีดำอาจทำให้เม็ดสีหลุดออกง่ายกว่ามาก การซักด้วยน้ำเย็นจะช่วยถนอมเส้นใยผ้าสีดำให้สีเสื้อคงทนและสดใสมากยิ่งขึ้น ดังนั้นก่อนซักควรตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสมกันด้วยนะคะ
- เลือกโปรแกรมการซักที่อ่อนโยน : การซักเสื้อสีดำให้สีคงทนและไม่ซีดเร็วนั้นขึ้นอยู่กับความแรงในการซักด้วยค่ะ หากเราใช้โหมดซักผ้าปกติหรือโหมดขจัดคราบในการซักทุกครั้ง เมื่อผ้ามีการเสียดสีกันอย่างรุนแรงในเครื่องซักผ้า แน่นอนว่าเสื้อสีดำเม็ดสีอาจหลุดลอกออกมาได้ง่ายแน่นอน และไม่ควรปั่นแห้ง เพราะการปั่นแห้งจะมีแรงเหวี่ยงสูง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรใช้ถุงซักผ้า ดังนั้นควรเลือกโปรแกรมการซักที่อ่อนโยน บิดอย่างเบามือ และนำขึ้นตากทันที
- ใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่เหมาะสม : ปัจจุบันมีน้ำยาซักผ้าสูตรผ้าสีดำ ซึ่งช่วยชะลอการซีดของผ้า (ไม่ได้ทำให้ผ้าสีเข้มขึ้น) เหมาะสำหรับคนที่มีเสื้อสีดำเป็นจำนวนมาก มีจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป และการใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสีดำ ควรใช้แบบน้ำใส่แบบพอประมาณ ไม่ควรใช้แบบผง เนื่องจากแบบผงจะทำให้เกิดคราบขาวบนผ้าได้ง่ายนั่นเอง และที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงผงซักฟอกที่มีสารฟอกขาว
- การตากผ้า : ให้กลับเอาผ้าข้างในออก และไม่ควรให้ผ้าโดนแดดโดยตรง ควรตากในร่ม หรือโดนแดดอ่อนๆ หากไม่ได้กลับด้านเสื้อเวลาตากแดด รับรองว่าแดดประเทศไทยสามารถทำให้เสื้อสีดำของคุณซีดเร็วแน่ๆ เพราะความร้อนเป็นตัวการที่ทำให้เสื้อผ้าของเราสีซีดเร็ว

ขอควรระวังอื่นๆในการซักเสื้อสีดำ
- ไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มบ่อยเกินไป
- ไม่ควรรีดเสื้อสีดำด้วยความร้อนสูง
- หลีกเลี่ยงการซักบ่อยเกินความจำเป็น (ควรมีเสื้อหลายๆตัวผลัดกันใส่)
- ไม่ควรแช่ผ้าสีดำนานเกินไป
เสื้อสีดำซีดแล้ว แก้ไขได้อย่างไรบ้าง ?
เมื่อเวลาผ่านไป แม้คุณจะดูแลเสื้อสีดำดีแค่ไหนก็อาจมีซีดจางลงได้ สิ่งที่สามารถแก้ไขดีที่สุดคือหา “สีย้อมผ้า” คุณภาพดีมาใช้ ทำตามขั้นตอนที่ระบุในฉลาก เพียงเท่านี้เสื้อดำตัวโปรดของคุณก็กลับมาดูสดใสเหมือนเดิม
ข้อแนะนำ : หากคุณเป็นคนที่ชอบใส่เสื้อสีดำมากๆ แต่ไม่อยากให้เสื้อสีซีดเร็ว การเลือกเนื้อผ้าเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรเลือกซื้อโดยดูเนื้อผ้า และคุณภาพเป็นหลัก เพราะผ้าบางชนิดต่อให้ดูแลดีแค่ไหนก็ซีดเร็ว
การหมั่นดูแลเสื้อผ้าให้ดูดีอยู่เสมอทั้งรูปร่างและสีสัน รู้วิธีซักแบบถนอมผ้าและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยทำให้ผู้สวมใส่ดูบุคลิกภาพดีแล้ว ยังช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อีกด้วย
นอกจากจะดูแลเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้ดีแล้วอย่าลืมดูแลบ้านให้สะอาดนะคะ เพราะถ้าบ้านสะอาดสุขภาพกายและสุขภาพใจก็จะดีขึ้นด้วยค่ะ หากคุณไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้าน บริการแม่บ้านรายชั่วโมงหรือแม่บ้านรายวันของเราช่วยคุณได้ค่ะ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ของเรา ทำจองง่าย ได้แม่บ้านคุณภาพดีที่ bluuu
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.

เคล็ด(ไม่)ลับสารพัดประโยชน์จากกากกาแฟภายในบ้าน
20 มกราคม 2025กากกาแฟที่เหลือใช้จากการทำเครื่องดื่มแสนอร่อยนั้นแท้จริงแล้วมีประโยชน์มากกว่าที่เราคิด ใครที่เคยเผลอทิ้งกากกาแฟไป แนะนำให้เก็บไว้เพราะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ภายในบ้านได้หลายอย่าง วันนี้จะเคล็ดไม่ลับมาบอกว่า กากกาแฟที่เหลือใช้สามารถนำมาใช้ทำอะไรได้บ้าง

กากกาแฟคืออะไร
เมล็ดกาแฟที่ผ่านการบดละเอียดหลังจากการสกัดเพื่อให้ได้น้ำกาแฟผ่านกระบวนของเครื่องชงกาแฟ โดยที่กากกาแฟจะไม่ได้ละลายน้ำมีเป็นลักษณะผงละเอียด ที่ยังคงอุดมไปด้วยกลิ่นหอมของกาแฟและคุณประโยชน์อีกมากมายที่สามารถใช้ภายในครัวเรือนได้เป็นอย่างดี
คุณสมบัติกากกาแฟ
- มี ไนโตรเจน เป็นส่วนประกอบสำคัญ มีค่า pH ที่เป็นกรดไม่มากเหมาะสำหรับปลูกพืช ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี
- มีกลิ่นหอมของกาแฟเฉพาะตัวสามารถดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์และดูดซับความชื้นได้
- ย่อยสลายง่ายไม่เป็นอันตรายต่อระบบนิเวศและธรรมชาติ
- กากกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณได้ดี

ประโยชน์ที่นำมาใช้งาน
ปุ๋ยหมักบำรุงพืช
นำกากกาแฟไปตากแดดให้แห้งประมาณ 1 วันให้แห้งสนิทเพื่อไม่ให้กากกาแฟขึ้นรา และเตรียมหัวเชื้อปุ๋ยที่ต้องการใช้ เช่น มูลวัว มูลไส้เดือน เป็นต้น ผสมหัวเชื้อปุ๋ยและกากกาแฟเข้าด้วยกัน แนะนำให้หมักใส่ภาชนะที่ปิดทึบหมักไว้ประมาณ 7 วันหลังจากนั้นให้นำไปใส่ในต้นไม้ ไนโตรเจนในกากกาแฟและสารอาหารในหัวเชื้อปุ๋ยจะช่วยเร่งการเติบโตและบำรุงพืชให้สวยงาม
ไล่แมลงและยุง
ใช้เพียง 2 อย่างก็ไล่ยุงได้ง่ายๆ เตรียมภาชนะสำหรับไว้จุดไฟ นำกากกาแฟที่ตากแห้งแล้วใส่ลงภาชนะให้ทั่ว หลังจากน้ันนำกากมะพร้าวมาใส่ไว้ตรงกลางกากกาแฟ จุดไฟที่กากมะพร้าวให้พอมีไฟติดแล้วก็นำกากกาแฟโรยทับบริเวณที่กากมะพร้าวติดไฟก็จะมีควันไฟอ่อนๆ โดยรอบ ให้นำไปวางตามจุดที่มีแมลงหรือยุงเยอะๆ เพียงแค่นี้ก็สามารถไล่แมลงหรือยุงได้ แถมปลอดภัยไร้สารเคมีอีกด้วย
สครับขัดผิว
สครับขัดผิวจากกากกาแฟมีหลายสูตรมาก วันนี้ขอแนะนำสูตรที่ง่ายที่สุดให้เตรียมกากกาแฟ 2 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ หากไม่มีน้ำมันมะพร้าวให้ใช้เป็นนมสดแทนได้ และตามด้วยน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำไปขัดผิวตามหัวเข่า ข้อศอก สารต้านอนุมูลอิสระในกากกาแฟจะช่วยบำรุงผิวส่วนที่แห้งกร้านให้นุ่มชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น
กำจัดกลิ่น
เตรียมแก้วใบเล็ก 1 ใบนำกากกาแฟใส่ลงแก้วที่เตรียมประมาณ ½ แก้ว นำกระดาษทิชชูหรือผ้าขาวบางมาครอบปิดฝาแก้วไว้ใช้หนังยางหรือเชือกรัดทิชชูไว้ที่บริเวณขอบปากแก้วให้ทิชชูตึงพอดี ปิดให้สนิท หลังจากนั้นให้เจาะรูบริเวณทิชชูด้านบนแก้วหลายๆ รูให้ทั่ว เพื่อให้ระบายอากาศและนำไปวางในตู้เย็นหรือบริเวณที่มีกลิ่นไม่พึงไม่ประสงค์ กลิ่นของกากกาแฟจะช่วยดูดซับกลิ่นและความชื้นได้เป็นอย่างดี
ขจัดคราบไหม้หม้อกระทะ
กากกาแฟมีค่า pH เป็นกรดอ่อนๆ สามารถนำไปผสมกับน้ำยาล้างจานและใช้ขัดคราบไหม้บนหม้อหรือกระทะได้ดี เพียงแค่ใช้น้ำยาล้างจาน 1-2 ช้อนโต๊ะ กากกาแฟประมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะ ผสมไม่ให้สัดส่วนเหนียวหรือข้นจนเกินไป นำไปขัดถูบริเวณที่มีรอยไหม้ กรดจากกากกาแฟจะช่วยขจัดคราบรอยไหม้ออกได้ง่ายมากขึ้น
ข้อควรระวัง
- การเก็บรักษา กากกาแฟมีความชื้นค่อนข้างสูงทำให้เกิดการขึ้นราได้ง่าย ควรตากกากกาแฟให้แห้งสนิทก่อนนำไปใช้งาน
- หลีกเลี่ยงการใช้กากกาแฟบริเวณที่มีเด็กและสัตว์เลี้ยง เพราะกากกาแฟมีคาเฟอีนสูงอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
- ควรศึกษาวิธีการทำปุ๋ยอย่างถูกต้องและใช้ปริมาณกากกาแฟที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อพืชมากเกินไป
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงวิธีแนะนำการใช้งานกากกาแฟที่เหลือใช้เพื่อให้นำกลับมาใช้งานได้อย่างมีประโยชน์สูงสุด สำหรับใครที่ชอบดูแลบ้านอย่าลืมคิดถึงแม่บ้านออนไลน์ Bluuu จ้างแม่บ้านให้ไปดูแลบ้านของคุณด้วยแม่บ้านมืออาชีพในราคาสุดประหยัด กดจอง ได้เลย
ผู้เขียน
Nannicha P.

หมดปัญหาคราบราดำในห้องน้ำ ทำความสะอาดง่ายๆ เห็นผลแน่นอน
18 มกราคม 2025ห้องน้ำที่สะอาดควรเป็นแบบไหนกันนะ? เชื่อว่าทุกคนต้องเคยเจอปัญหาราดำในห้องน้ำ และเป็นปัญหาที่หลายๆบ้านต้องเคยเจอ หรือกำลังเจออยู่นั่นเอง แม้ว่าจะเป็นคราบราดำที่เกาะอยู่บริเวณกระเบื้อง หรือราดำที่เกาะอยู่บริเวณยาแนวของห้องน้ำ นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด
เชื้อราหรือราดำในห้องน้ำอันตรายไหม ?
เชื้อราเป็นสิ่งที่อันตรายต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง แน่นอนว่าเชื้อราหรือราดำมีผลเสียต่อสุขภาพแน่นอน สเปอร์ของเชื้อราสามารถแพร่กระจายในอากาศ หากเราสูดดมเชื้อราเข้าไปจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคปอด เกิดอาการปวดศีรษะ และเชื้อราสามารถลุกลามไปถึงสมองได้ หากคนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว สูดดมเชื้อราหรือราดำอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนและอาการรุนแรงขึ้นได้

สาเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อราหรือราดำในห้องน้ำ
- ความชื้น : ความชื้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเชื้อรา เพราะเชื้อราจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้น ไม่ว่าจะเป็นในห้องนอนหรือในห้องน้ำก็ตาม ซึ่งห้องน้ำเรียกได้ว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงความชื้นได้ เราจำเป็นต้องอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทุกวัน การเข้าห้องน้ำในแต่ละวันก็ค่อนข้างบ่อยหลีกเลี่ยงได้ยาก
- คราบสบู่ : ทั้งคราบสบู่ คราบน้ำและคราบเหงื่อไคลที่เราทำความสะอาดร่างกายนั้น เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ห้องน้ำเป็นคราบสกปรกและเกิดเชื้อราขึ้นนั่นเอง ทั้งพื้น ขอบผนังห้องน้ำ กระเบื้องและขอบยาแนว สามารถเกิดเชื้อราหรือราดำได้
- ห้องน้ำไม่ได้แยกโซนเปียกและโซนแห้ง : ถือว่ามีความเป็นไปได้ เพราะการไม่ได้แยกโซนแห้งและโซนเปียก พื้นห้องน้ำก็จะมีความเปียกชื้นอยู่ตลอดนั่นเอง ซึ่งความชื้นนำไปสู่การเกิดเชื้อรา อาจต้องระวังบริเวณชักโครกฐานยาแนว ว่ามีราดำหรือไม่
- ความสม่ำเสมอในการทำความสะอาด : แน่นอนว่าสาเหตุข้อนี้เป็นไปได้เกือบ 100% เมื่อห้องน้ำถูกใช้งานทุกวัน แต่ไม่ได้มีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ คราบสบู่ตามพื้นเยอะขึ้น เชื้อโรคและแบคทีเรีย และเชื้อราต้องตามมาแน่นอนค่ะ
วิธีกำจัดเชื้อราและราดำในห้องน้ำ
ราดำในห้องน้ำอาจอยู่ได้หลายจุดทั้งบนพื้นกระเบื้อง ผนังของห้องน้ำ ตามรอยยาแนว เป็นต้น หากห้องน้ำไม่ได้ทำความสะอาดเป็นเวลานานปล่อยให้เป็นคราบราดำฝังลึกจะทำความสะอาดได้ยากขึ้นนั่นเอง
โดยเรามีวิธีการกำจัดคราบราดำด้วยของใช้ที่หาง่ายภายในบ้านมาฝากกันค่ะ
- น้ำส้มสายชู : น้ำส้มสายชูเป็นกรดซึ่งสามารถช่วยกำจัดเชื้อราได้ โดยเราจะนำทิชชู่แผ่นมาชุบกับน้ำส้มสายชูให้ชุ่มทั้งแผ่น แล้วนำไปแปะไว้ตามผนัง ตามขอบ หรือรอยยาแนวที่มีเชื้อรา,ราดำ แปะเรียงทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง หากแห้งเกินไปให้นำน้ำส้มสายชูใส่ฟ็อกกี้แล้วฉีดตามทิชชู่ให้ชุ่มอีกครั้ง เมื่อครบเวลาแล้วให้ลอกทิชชู่ออก แล้วใช้เบกกิ้งโซดา ผสมกับน้ำยาล้างจานขัด (ควรใส่ถุงมือยางและใส่ผ้าปิดจมูกทุกครั้ง)
- เบกกิ้งโซดาและน้ำยาล้างจาน : เมื่อใช้น้ำส้มสายชูชุบทิชชู่แปะบริเวณที่มีเชื้อรา,ราดำเป็นเวลา 1-2 ชั่วโมงแล้ว ให้ลอกทิชชู่ออกแล้วใช้น้ำยาล้างจานและน้ำส้มสายชู ขัดบริเวณที่มีคราบ โดยใช้แปรงขัด หากเป็นมุมที่ต้องการการซอกซอนที่ดี ให้ใช้แปรงสีฟันช่วย หากเป็นคราบหนักอาจต้องใช้แรงเล็กน้อย
- คราบราดำฝังลึกในยาแนว : หากมีคราบราดำที่ขัดไม่ออก ให้ใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3% ชุบทิชชู่ให้ชุ่มแล้วแปะไว้บริเวณที่มีราดำ ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือนานกว่านี้ หากน้ำยาแห้งให้เปลี่ยนผืนใหม่ เสร็จแล้วให้ขัดทำความสะอาดด้วยเบกกิ้งโซดาและน้ำยาล้างจาน (ควรใส่ถุงมือยางและใส่ผ้าปิดจมูกทุกครั้ง)
- สารฟอกขาว (ไฮเตอร์) : สามารถช่วยกำจัดราดำหรือเชื้อราในห้องน้ำได้ โดยสามารถใช้ไฮเตอร์ผสมน้ำเล็กน้อยใส่ฟ็อกกี้แล้วฉีดตามผนังที่มีเชื้อราเกาะ หรือใช้กระดาษทิชชู่ชุบไฮเตอร์แล้วแปะตามร่องยาแนวหรือตามกระเบื้อง (ห้ามผสมไฮเตอร์กับน้ำยาล้างห้องน้ำเด็ดขาด เพราะทำให้เกิดแก๊สพิษ) (ควรใส่ถุงมือยางและใส่ผ้าปิดจมูกทุกครั้ง)

แนะนำผลิตภัณฑ์สำหรับกำจัดคราบเชื้อราในห้องน้ำ (ควรใส่ถุงมือยางและใส่ผ้าปิดจมูกทุกครั้ง)
- SC Johnson Kabi Killer : เป็นสเปรย์กำจัดเชื้อราที่แม่บ้านหลายๆท่านแนะนำ ใช้งานง่าย ราคาไม่สูง แต่ควรสวมถุงมือและใช่ผ้าปิดจมูกทุกครั้งเมื่อใช้งานเพราะมีกลิ่นค่อนข้างฉุน ฉีดบริเวณที่มีเชื้อราหรือคราบดำตามยาแนว ทิ้งไว้ 15-20 นาทีแล้วล้างน้ำออก หากเป็นคราบนานแล้วให้ใช้แปรงช่วยขัด สามารถหาซื้อได้ที่ช่องทางออนไลน์
- Magiclean Stain and mold : เป็นสเปรย์โฟมทำความสะอาดคราบและเชื้อราในห้องน้ำ ใช้งานง่าย เพียงแค่ฉีดสเปรย์โฟมลงบนคราบทิ้งไว้ 15-20 นาทีแล้วล้างออก นอกจากกจะช่วยขจัดคราบแล้วยังช่วยขจัดเชื้อราอีกด้วย สามารถหาซื้อได้ที่ช่องทางออนไลน์
- Mr Muscle Bathroom Cleaner Spray 3in1 : เป็นสเปรย์ทำความสะอาดในห้องน้ำยอดนิยมของแม่บ้านหลายๆท่านเพราะสามารถใช้ทำความสะอาดได้ทุกส่วนในห้องน้ำ ไม่ว่าจะเป็นก็อกน้ำ ฝักบัว ท่อ ผนัง และกระเบื้องนั่นเอง หาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตและช่องทางออนไลน์
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราหรือราดำในห้องน้ำ
- ล้างคราบสบูทุกครั้ง : หลังอาบน้ำทุกครั้งให้ฉีดน้ำไล่คราบสบู่ออกให้หมด แล้วใช้ที่กรีดน้ำ กรีดไล่น้ำบริเวณพื้นและผนังที่มีน้ำเกาะให้แห้ง ไม่ควรปล่อยให้น้ำขังหรือมีคราบสบู่ตามพื้น
- ระบายอากาศภายในห้องน้ำ : เปิดประตูหรือหน้าต่างในห้องน้ำ หรือทำพัดลมตัวดูด ทำพัดลมระบายอากาศ
- ทำความสะอาดห้องน้ำอย่างสม่ำเสมอ : ห้องน้ำที่เราใช้ทุกวัน ควรทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิกภายในบ้าน
- ทำห้องน้ำแบบแยกโซนแห้ง และโซนเปียก : จะช่วยควบคุมคราบสกปรกและการสะสมของความชื้น และยังช่วยลดอันตรายจากการลื่นในห้องน้ำได้
สำหรับวิธีกำจัดคราบราดำในห้องน้ำไม่ยากเลย เพียงแค่เราหมั่นดูแลรักษาความสะอาดในห้องน้ำอย่างสม่ำเสมอ คราบสกปรกฝังลึกหรือราดำต่างๆก็จะลดน้อยลง นอกจากการทำความสะอาดห้องน้ำให้สะอาดอยู่เสมอแล้ว การดูแลรักษาความสะอาดภายในครัวและภายในบ้านก็เช่นกัน สุขภาพจิตดีขึ้น สุขภาพกายก็ดีขึ้น
หรือหากที่บ้านของคุณกำลังเจอปัญหาของเชื้อราไม่ว่าจะเป็นตู้เสื้อผ้าขึ้นรา หรือเขียงขึ้นรา สามารถอ่านบทความของเราได้ที่ เชื้อราขึ้นตู้เสื้อผ้า กำจัดยังไงดี? และ เขียงไม้ขึ้นรา ทำความสะอาดยังไงดี ?
หากคุณไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้านเอง ต้องการตัวช่วยในการทำความสะอาดบ้าน อยากแนะนำให้ใช้บริการแม่บ้านออนไลน์ ให้บริการแบบรายชั่วโมง ราคาเริ่มต้นหลักร้อย สามารถอ่านบริการของเราได้ที่เว็บไซต์ bluuu
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.

รู้ลึก! โปรแกรมบนไมโครเวฟที่คุณอาจไม่เคยใช้ แต่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น
16 มกราคม 2025ไมโครเวฟเป็นอุปกรณ์ที่เกือบทุกบ้านต้องมี ด้วยความสะดวกและรวดเร็ว แต่รู้หรือไม่ว่าโปรแกรมต่าง ๆ บนไมโครเวฟมีไว้เพื่ออะไร และเหมาะกับการใช้งานแบบไหน? บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและเลือกใช้โปรแกรมบนไมโครเวฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเคล็ดลับการใช้งานที่คุณไม่ควรพลาด!
1. โปรแกรมอุ่นอาหาร (Reheat)

โปรแกรมอุ่นอาหารได้รับการออกแบบมาเพื่อให้อาหารที่ปรุงสุกแล้วกลับมาอุ่นร้อนเหมือนเดิมโดยไม่ต้องปรุงใหม่ ตัวไมโครเวฟจะตั้งค่าความร้อนและเวลาในระดับที่เหมาะสมเพื่อให้อาหารได้รับความร้อนอย่างสม่ำเสมอ
การใช้งานโปรแกรมนี้เหมาะสำหรับอาหารที่ปรุงเสร็จแล้ว เช่น ข้าว ซุป แกง หรืออาหารจานเดียวที่เย็นชืด โปรแกรมนี้ช่วยให้คุณอุ่นอาหารได้โดยไม่ต้องกังวลว่าอาหารจะแห้งหรือสุกเกินไป อย่างไรก็ตาม การใช้อุปกรณ์เสริมเช่นฝาครอบไมโครเวฟจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นของอาหารและลดการกระเด็นที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการอุ่น
2. โปรแกรมละลายน้ำแข็ง (Defrost)

หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญของไมโครเวฟคือความสามารถในการละลายน้ำแข็ง โปรแกรมนี้ช่วยให้เนื้อสัตว์, อาหารแช่แข็ง, หรือวัตถุดิบที่เก็บในช่องฟรีซสามารถละลายน้ำแข็งได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
โปรแกรม Defrost จะใช้พลังงานในระดับต่ำและมีการตั้งเวลาอัตโนมัติตามน้ำหนักหรือประเภทของอาหาร การละลายน้ำแข็งด้วยวิธีนี้ช่วยป้องกันไม่ให้อาหารเริ่มสุกก่อนเวลาอันควร โดยเฉพาะสำหรับเนื้อสัตว์ที่มีความหนา การละลายน้ำแข็งอย่างถูกวิธีจะช่วยให้วัตถุดิบยังคงคุณภาพดีและเหมาะสำหรับการปรุงต่อ
3. โปรแกรมปรุงอาหาร (Cook)
ไมโครเวฟรุ่นใหม่หลายรุ่นมาพร้อมโปรแกรมปรุงอาหารที่ช่วยให้คุณสามารถทำเมนูง่าย ๆ ได้ในเวลาไม่นาน เช่น การต้มไข่ อบมันฝรั่ง ทำข้าวโพดคั่ว หรือปรุงอาหารจานด่วนบางเมนู โปรแกรมนี้มักจะตั้งค่าพลังงานและเวลาที่เหมาะสมตามเมนูที่คุณเลือก
ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการต้มไข่ในไมโครเวฟ โปรแกรมนี้จะช่วยคำนวณเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ไข่สุกพอดีโดยไม่ทำให้ไข่แตก หรือหากคุณอยากได้ข้าวโพดคั่วเพลิดเพลินในยามว่าง เพียงใส่เมล็ดข้าวโพดลงในภาชนะที่เหมาะสม แล้วเลือกโปรแกรม Cook เท่านี้ก็ได้ของว่างง่ายๆแล้ว
4. โปรแกรมอบหรือย่าง (Grill)
โปรแกรม Grill เหมาะสำหรับการทำอาหารที่ต้องการความกรอบหรือสีสันที่ดูน่ารับประทาน เช่น ไก่ย่างพิซซ่า หรือสเต็ก โปรแกรมนี้ใช้ความร้อนจากขดลวดที่อยู่ด้านบนของไมโครเวฟเพื่อสร้างพื้นผิวกรอบและสีทองอร่าม
การใช้งานโปรแกรมนี้ควรใช้คู่กับอุปกรณ์เสริม เช่น ตะแกรงหรือถาดอบที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ เพื่อช่วยให้อาหารสุกทั่วถึงและมีพื้นผิวที่น่ารับประทาน การใช้โปรแกรม Grill จะช่วยลดเวลาและความยุ่งยากในการทำอาหารที่ต้องการความกรอบ โดยไม่ต้องใช้เตาอบขนาดใหญ่
5. โปรแกรมตั้งเวลาปรุง (Timer Cooking)
โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับอาหารที่ต้องการการปรุงเป็นเวลานาน เช่น ซุป แกง หรืออาหารที่ต้องการการตุ๋น โปรแกรม Timer Cooking ช่วยให้คุณสามารถกำหนดเวลาการปรุงอาหารได้เอง และไมโครเวฟจะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเวลาหมด
การใช้โปรแกรมนี้ทำให้คุณไม่ต้องกังวลว่าอาหารจะสุกเกินไปหรือไหม้ คุณสามารถตั้งเวลาให้เหมาะสมกับลักษณะของอาหารและปล่อยให้ไมโครเวฟทำงานได้อย่างอิสระในขณะที่คุณทำกิจกรรมอื่น ๆ
โปรแกรมต่าง ๆ บนไมโครเวฟได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การอุ่นอาหารง่าย ๆ ไปจนถึงการปรุงอาหารที่ซับซ้อนขึ้น การทำความเข้าใจโปรแกรมเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้คุณใช้งานไมโครเวฟได้อย่างคุ้มค่า แต่ยังช่วยประหยัดเวลาและพลังงานอีกด้วย
อย่าลืมศึกษาคู่มือการใช้งานของไมโครเวฟที่คุณมี เพื่อให้การใช้งานแต่ละโปรแกรมเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัย ทีนี้ไม่ว่าคุณจะต้องการอุ่นอาหาร ปรุงเมนูใหม่ หรือละลายน้ำแข็ง คุณก็สามารถทำได้อย่างมั่นใจและสะดวกสบายในครัวของคุณเอง! หรือหากคุณสนใจแม่บ้านช่วยเหลือในการทำความสะอาด แบบรายชั่วโมง ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ bluuu
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.

วิธีลดกลิ่นอับจากแอร์: เคล็ดลับง่ายๆ ทำได้เองแบบเพื่อนช่วยเพื่อน!
15 มกราคม 2025คุณเคยเปิดแอร์แล้วได้กลิ่นไม่ค่อยพึงประสงค์ เหมือนถุงเท้าลืมซักไหมครับ? ไม่ต้องตกใจไป! แอร์มีกลิ่นอับไม่ได้แปลว่าโลกจะแตก แต่เป็นสัญญาณว่าแอร์ของคุณกำลังร้องขอความช่วยเหลือ 🤧✨ วันนี้ผมมีเคล็ดลับง่ายๆ ที่คุณทำได้เอง รับรองว่าแอร์จะกลับมาหอม สดชื่นเหมือนใหม่อีกครั้ง!
ทำความเข้าใจต้นตอของกลิ่นอับ
ก่อนที่เราจะเริ่มแก้ปัญหา การเข้าใจถึงสาเหตุของกลิ่นอับเป็นสิ่งสำคัญ กลิ่นไม่พึงประสงค์จากแอร์มักเกิดจากการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรียในระบบเครื่องปรับอากาศ อาจมาจากความชื้นที่ค้างอยู่ในเครื่อง หรือฝุ่นละอองที่สะสมในแผ่นกรองอากาศ การใช้งานแอร์ในระยะเวลานานโดยไม่ได้ทำความสะอาดเลย ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น
เคล็ดลับดับกลิ่นอับแอร์
1. แผ่นกรองอากาศ: สะอาดไว้ กลิ่นไม่โชย

แผ่นกรองแอร์ก็เหมือนจมูกของแอร์ รับฝุ่นและสิ่งสกปรกไว้เต็มๆ ถ้าไม่ทำความสะอาดก็เหมือนใส่หน้ากากอนามัยใช้แล้ว 10 รอบ 🫣
ทำยังไงดี?
- ปิดแอร์ก่อน แล้วถอดแผ่นกรองออกมาเบาๆ
- ล้างด้วยน้ำเปล่า ถ้ามีคราบแน่น ใช้น้ำอุ่นช่วยล้าง
- แปรงเบาๆ อย่าถูเหมือนขัดหม้อแกง ตากให้แห้งในที่ร่ม แล้วใส่กลับ
เคล็ดลับ: ล้างแผ่นกรองบ่อยๆ ไม่เพียงช่วยลดกลิ่น แต่ยังช่วยให้แอร์เย็นเร็วและประหยัดไฟอีกด้วยครับ!
2. น้ำยาทำความสะอาดคอยล์เย็น: ฮีโร่กำจัดกลิ่น

บางครั้งกลิ่นอับมาจากคอยล์เย็นที่ซ่อนอยู่ในแอร์ของเรา น้ำยาทำความสะอาดคอยล์เย็นนี่แหละครับคือพระเอกที่ช่วยกำจัดเชื้อราตัวร้าย 🦠
วิธีใช้ก็ง่ายมาก
- ปิดแอร์ก่อน (เพื่อความปลอดภัยนะครับ)
- ฉีดน้ำยาลงบนคอยล์เย็น (อ่านวิธีใช้ข้างขวดให้ดี)
- รอประมาณ 15 นาที แล้วเปิดแอร์ในโหมดพัดลม เพื่อให้น้ำยาไหลออกไปพร้อมกับกลิ่นไม่พึงประสงค์
คำเตือน: น้ำยาบางชนิดอาจแรง ควรใส่ถุงมือและระวังอย่าให้เข้าตาเด็ดขาดนะครับ
3. ท่อน้ำทิ้ง: สะอาดปุ๊บ กลิ่นหายปั๊บ
ท่อน้ำทิ้งที่อุดตันก็เป็นอีกสาเหตุของกลิ่นอับในแอร์ครับ น้ำที่ขังในท่ออาจเกิดการหมักหมมจนมีกลิ่น
แก้ยังไงดี?
- ใช้สายล้างท่อหรืออุปกรณ์ดึงสิ่งอุดตันออก
- ล้างท่อด้วยน้ำอุ่นผสมน้ำยาฆ่าเชื้อ
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าน้ำไหลออกได้ดี
คำแนะนำ: หมั่นตรวจสอบท่อน้ำทิ้งทุกๆ 1-2 เดือนครับ โดยเฉพาะถ้าใช้งานแอร์บ่อย
4. เปิดพัดลมและระบายอากาศ: วิธีง่ายที่ได้ผล

แอร์ในห้องที่ปิดสนิทมักมีความชื้นสะสม ซึ่งเป็นต้นเหตุของกลิ่นอับ
เคล็ดลับ
- เปิดหน้าต่างระบายอากาศหลังปิดแอร์ เพื่อให้อากาศถ่ายเท
- ใช้โหมด “Dry” หรือ “Dehumidifier” บ่อยๆ เพื่อลดความชื้นในห้อง
5. เรียกช่างแอร์มืออาชีพ: ถ้าทำทุกอย่างแล้วกลิ่นยังอยู่

ถ้าลองทุกวิธีแล้วกลิ่นยังเหมือนเดิม อาจเป็นปัญหาลึกในระบบแอร์ เช่น เชื้อราที่ซ่อนอยู่ในส่วนที่ทำความสะอาดเองไม่ได้ การเรียกช่างแอร์มืออาชีพช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุดที่สุดครับ
บริการยอดฮิตโดยช่างแอร์ในตำนาน
- ล้างแอร์ด้วยแรงดันน้ำ
- ตรวจสอบระบบท่อน้ำและคอยล์เย็นอย่างละเอียด
6. ป้องกันกลิ่นอับตั้งแต่ต้น: ดูแลแอร์แบบมือโปร
การป้องกันสำคัญกว่าการแก้ไขครับ ลองทำตามนี้
- ล้างแผ่นกรองและคอยล์เย็นอย่างสม่ำเสมอ
- อย่าตั้งอุณหภูมิแอร์ต่ำเกินไป (ต่ำกว่า 24°C) เพราะจะทำให้ความชื้นสะสม
- ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่ปลอดภัยช่วยกำจัดเชื้อรา
กลิ่นอับจากแอร์อาจดูเหมือนเรื่องใหญ่ แต่จริงๆ แล้วแก้ได้ไม่ยากครับ เพียงทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ คุณก็จะได้แอร์ที่สะอาด สดชื่น และทำงานได้อย่างประสิทธิภาพสูงสุด เหมือนกับแม่บ้านของ bluuu เพราะเราให้บริการแม่บ้านมืออาชีพ คุณภาพดีเยี่ยม พร้อมช่วยคุณทำความสะอาดจัดสรรให้ทุกอย่างในบ้านกลับมาดูดีได้ทุกเมื่อ เพียงแค่ กดจอง แม่บ้านที่เว็บไซต์ได้ในไม่กี่นาที เราพร้อมช่วยเปลี่ยนทั้งบ้านคุณให้หอมสดชื่นเหมือนใหม่ด้วยความสะดวก รวดเร็ว และมั่นใจในคุณภาพ เริ่มต้นวันนี้ แล้วคุณจะรู้ว่าความสะดวกสบายเป็นเรื่องง่ายกว่าที่คิด! 🏠✨
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.

ถูพื้นบ้านยังไงให้บ้านมีกลิ่นหอมสดชื่นกลิ่นติดทนนาน
13 มกราคม 2025หลายคนเวลาถูพื้นบ้านถูยังไงก็ไม่หอมสักที ! หรือหอมได้แค่ชั่วครู่กลิ่นหอมก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว บางครั้งอาจจะเจอปัญหาฝุ่นเกาะพื้นเร็วหรือมีกลิ่นคาวของผ้าที่ไม่สะอาด ทำให้บ้านก็มีกลิ่นอับตามไปด้วย เคล็ดลับแม่บ้าน Bluuu วันนี้จะช่วยให้ทุกคนมีวิธีการถูพื้นบ้านที่หอมสะอาดกลิ่นสดชื่นติดทนนานและฝุ่นไม่จับไร้กลิ่นไม่เหม็นอับ จะทำยังไงไปดูกันเลย
สาเหตุที่ถูพื้นบ้านไม่หอม
- ใช้น้ำยาทำความสะอาดผิดสัดส่วน หากเทมากหรือน้อยเกินไปก็จะส่งผลต่อกลิ่นภายในห้องได้
- ไม้ถูพื้นไม่สะอาด ทุกครั้งก่อนและหลังถูพื้นควรทำความสะอาดไม้ถูพื้นและตากให้แห้งเสมอ
- การเลือกน้ำยาถูพื้น แนะนำควรเลือกน้ำยาถูพื้นที่เป็นสูตรน้ำหอมโดยเฉพาะ
- พื้นมีคราบสกปรก หากพื้นมีคราบสกปรกควรทำความสะอาดคราบให้สะอาดและถูพื้นซ้ำ 1-2 รอบ
- ถูพื้นแล้วไม่แห้งทันที แนะนำให้เปิดหน้าต่างหรือประตูระบายอากาศระหว่างถูพื้นเพื่อถ่ายเทอากาศ

เคล็ดลับถูพื้นบ้านให้หอมสดชื่น
วิธีการถูพื้นบ้านให้หอมสะอาดสดชื่น สามารถทำตามได้ไม่ยากจากเคล็บลับแม่บ้าน Bluuu ด้วยวิธีนี้เลย
- น้ำยาปรับผ้านุ่ม
บ้านหอมแน่เพียงแค่เตรียมน้ำสะอาด 1 ถังสำหรับถูพื้นบ้าน นำน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีอยู่ในบ้านเทใส่ถังน้ำ 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะจะช่วยลดกลิ่นเหม็นอับของผ้าถูพื้นได้เป็นอย่างดี แนะนำว่าอย่าเทน้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปเยอะเพราะจะทำให้พื้นเหนียว ให้ค่อยๆ เทในปริมาณที่พอเหมาะ เพียงเท่านี้บ้านก็หอมสะอาดสดชื่นแล้ว สูตรนี้ลองแล้วหอมจริงค่ะ
- ตะไคร้
ใครที่บ้านที่ชอบกลิ่นสมุนไพรพื้นบ้านแถมยังช่วยไล่มดไล่แมลงได้ด้วย แนะนำสูตรนี้เลย ให้เตรียมตะไคร้หอม 3-4 ต้น หั่นเป็นท่อนทุบให้พอแหลก นำไปใส่ภาชนะขวดโหลที่มีฝาปิดได้ เทน้ำส้มสายชูใส่ลงไป 1 ขวดใหญ่ หากใครอยากได้กลิ่นหอมเพิ่มแนะนำให้ใส่ลูกมะกรูดหั่นแว่นลงไปเพิ่มเติมได้ แช่ทิ้งไว้ข้ามคืน เมื่อต้องการนำมาถูพื้นก็เตรียมน้ำสะอาด 1 ถังและใส่น้ำตะไคร้ที่หมักไว้ลงไปประมาณ 5-6 ช้อนโต๊ะ นำไปเช็ดถูพื้นบ้านตามจุดต่างๆ ได้เลย บ้านหอมปราศจากมดและแมลงอีกด้วย
- น้ำยาล้างจาน
สูตรถูพื้นนี้จะช่วยลดคราบมันและคราบสกปรกที่พื้นได้ดีและคงความหอมสดชื่นได้นาน เตรียมน้ำสะอาด 1 ถัง ใส่น้ำยาล้างจานลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ถ้าพื้นบ้านสกปรกมากหรือมีคราบมันเยอะให้ใส่เพิ่มได้ หลังจากนั้นใส่น้ำยาถูพื้นแนะนำเป็นสูตรเพิ่มความหอมประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ ถูพื้นตามแนวกระเบื้องเพื่อไม่ให้เกิดฟองและเปิดพัดลมหรือระบายอากาศขณะที่ถูพื้นด้วยบ้านจะได้แห้งเร็วพื้นไม่เหนียวและหอมสดชื่นนาน
- น้ำส้มสายชู
ใครใช้สูตรนี้ถูพื้นบ้านบอกได้เลยบ้านหอมฟุ้ง เตรียมน้ำอุ่น 1 ถัง (น้ำอุ่นจะช่วยให้กลิ่นหอมจากน้ำยาทำความสะอาดกระจายได้ดีมากขึ้น) หากไม่มีน้ำอุ่นใช้น้ำอุณหภูมิปกติแทนได้ เทน้ำส้มสายชูลงไป 2-3 ช้อนโต๊ะ เทน้ำยาล้างจานในปริมาณที่เท่ากัน หลังจากนั้นก็เทน้ำยาปรับผ้านุ่ม 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำอุ่นในถังค่อยๆ ไม่ให้เกิดฟองเยอะ และนำไปถูพื้นบ้านให้หอมสดชื่นได้เลย
วิธีการถูพื้นบ้านให้หอมสะอาดสดชื่นไม่ยากอย่างที่คิด นอกจากการถูพื้นบ้านให้หอมแล้วภายในบ้านควรมี ไอเท็มที่ทำให้บ้านหอมสะอาดสดชื่น เพื่อทำให้บรรยากาศภายในบ้านมีแต่กลิ่นหอมสดชื่นอยู่ตลอดเวลา สำคัญที่สุดคือเมื่อถูพื้นบ้านเสร็จแล้วอย่าลืมทำความสะอาดถังล้างและผ้าม็อบให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันกลิ่นเหม็นอับและเชื้อราที่จะตามมาได้ หากใครไม่มีเวลาถูพื้นบ้านแนะนำให้ใช้บริการแม่บ้านออนไลน์จาก Bluuu ให้ไปถูพื้นที่บ้านได้เลย รับรองว่าบ้านหอมสดชื่นง่ายๆ ราคาประหยัดจากแม่บ้านมืออาชีพ กดจอง ได้เลย
ผู้เขียน
Nannicha P.

บอกลาเสื้อเหม็นเหงื่อ วิธีกำจัดกลิ่นตัวติดเสื้อให้หายเกลี้ยง
11 มกราคม 2025กลิ่นเหงื่อหรือกลิ่นรักแร้ที่ติดบนเสื้อแล้วซักไม่หาย เป็นปัญหาที่ใครหลายๆคนมักพบเจอ เกิดขึ้นได้ทั่วไป ทั้งความชื้นจากเหงื่อและอากาศที่ร้อนอบอ้าวของประเทศไทย ไม่เพียงแต่คนที่ชอบออกกำลังกายเท่านั้น แบคทีเรียต่างๆที่มาจากเหงื่อไคลและรักแร้ ส่งผลให้เสื้อผ้าที่ใส่มีกลิ่นเหม็นตามมานั่นเอง
สาเหตุของกลิ่นเหงื่อติดเสื้อ
- กลิ่นตัวจากเหงื่อไคลและแบคทีเรีย
- การสะสมของคราบเหงื่อและสารเคมีจากผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย
- การซักผ้าที่ยังไม่สะอาด หรือยังเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าไม่เหมาะสม
- การหมักเสื้อผ้าที่เปียกเหงื่อไว้เป็นเวลาหลายวัน จนกลิ่นติดเข้าเนื้อผ้า
เคล็ดลับกำจัดกลิ่นเหงื่อติดเสื้อ
ลำดับแรกควรแยกเสื้อที่มีกลิ่นออกจากตัวอื่น และนำไปซักทันทีไม่ควรปล่อยไว้จนแห้งหรือทิ้งไว้หลายวัน
- ซักผ้าด้วยน้ำร้อน : การซักผ้าด้วยน้ำร้อนเป็นอีกวิธีแรกๆที่ทำตามง่าย เนื่องจากน้ำร้อนจะช่วยไปละลายคราบโรลออนหรือผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ติดอยู่ในเสื้อผ้า ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นรักแร้ติดเสื้อนั่นเอง แต่อาจต้องศึกษาจากเนื้อผ้านั้นๆด้วยว่าสามารถซักด้วยน้ำร้อนได้หรือไม่ สามารถใช้ร่วมกับการซักด้วยน้ำส้มสายชูหรือผงซักฟอกสูตรกำจัดแบคทีเรีย
- ใช้เบกกิ้งโซดา + ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ กำจัดกลิ่นตัวที่ติดเสื้อ โดยป้ายทิ้งไว้ 5-10 นาทีแล้วขยี้บริเวณตะเข็บเสื้อรักแร้ แล้วนำไปซักปกติ
- ใช้เบกกิ้งโซดา + ผงซักฟอก + น้ำส้มสายชู ผสมกันให้เป็นเนื้อครีม นำมาป้ายบริเวณที่มีคราบหรือกลิ่นบริเวณรักแร้ป้ายทิ้งไว้ 5-10 นาทีแล้วขยี้ จากนั้นนำไปซักด้วยผงซักฟอกปกติวิธีนี้มีแม่บ้านหลายๆท่านใช้แล้วได้ผลดี
- ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อโรค (เดทตอล) ในขั้นตอนการแช่ผ้า เมื่อเราแยกเสื้อที่มีกลิ่นตัวออกมาแล้วให้แช่ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคโดยไม่ต้องผสมน้ำยาซักผ้า แช่ไว้ข้ามคืน แล้วนำมาซักด้วยน้ำยาซักผ้าปกติ รับรองว่าลดกลิ่นเหงื่อ กลิ่นรักแร้ได้ดีทีเดียว
*เลือกสูตรที่สาสามรถใช้ทำความสะอาดเสื้อผ้าได้
- หากเสื้อผ้ามีกลิ่นเหงื่อ หรือกลิ่นตัว ให้นำผ้าแช่น้ำส้มสายชูไว้ 1 คืน หรือใส่น้ำส้มสายชูในขวดสเปรย์แล้วฉีดบริเวณที่มีกลิ่น ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วนำไปซักปกติ
*ข้อควรระวังคือ น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรด ควรอ่านป้ายสัญลักษณ์ที่เสื้อให้ละเอียดก่อน

- กำจัดกลิ่นรักแร้บนเสื้อ โดยใช้แอลกอฮอล์ 70% นำมาชุบสำลีหรือราดทิ้งไว้บริเวณตะเข็บเสื้อรักแร้ ทิ้งไว้สัก 10-20 นาทีแล้วนำไปซัก ด้วยน้ำยาซักผ้าสูตรกำจัดแบคทีเรีย วิธีนี้เป็นอีกวิธีหนึ่งที่แม่บ้านนิยมใช้เพราะทำง่ายและประหยัดค่าใช้จ่าย
- ใช้ไฮเตอร์ (เลือกใช้ผ้าขาวหรือผ้าสี) ผสมลงไปซักกับน้ำยาซักผ้าสูตรกำจัดแบคทีเรีย ข้อควรระวังคือผ้าบางชนิดไม่สามารถใช้กับสารฟอกขาวได้ ควรอ่านสัญลักษณ์บนเสื้อให้ละเอียดก่อนใช้งาน
- กำจัดกลิ่นเหงื่อบนเสื้อโดยใช้น้ำยา Zoflora เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัส สามารถนำมาซักผ้าเพื่อขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์บนเสื้อผ้าได้ได้ นอกจากนี้ยังสามารถผสมน้ำเช็ดถูพื้นเพื่อกำจัดเชื้อโรคและกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในบ้านได้อีกด้วย
*สามารถหาซื้อได้ตามช่องทางออนไลน์และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
- ใช้สเปรย์โฟมขจัดคราบ ไฮยีน ฉีดตรงบริเวณที่มีกลิ่น ทิ้งไว้ 3-4 ชั่วโมง และซักตามปกติ สเปรย์โฟมนี้ยังสามารถช่วยขจัดคราบชากาแฟ คราบอาหาร และคราบโรลออนได้อีกด้วย วิธีนี้ผู้เขียนทดลองใช้แล้วได้ผลค่อนข้างดีเลยค่ะ
*หาซื้อได้ตามช่องทางออนไลน์และซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ราคาหลักสิบเท่านั้น
- กรณีกลิ่นตัวหรือกลิ่นเหงื่อติดแรงซักไม่ออก ให้นำเสื้อไปต้มในน้ำเดือดแล้วใส่น้ำส้มสายชู ต้มประมาณ 10 นาที แล้วนำมาซักด้วยน้ำยาซักผ้าปกติ งดการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม
การป้องกันกลิ่นเหงื่อติดเสื้อ ควรแก้ที่ต้นเหตุ
- ใช้สบู่กำจัดแบคทีเรีย เช่น สบู่อาเซฟโซ่ ฟอกไว้ที่รักแร้ 1 นาที แล้วล้างออก เมื่ออาบน้ำเสร็จให้ทารักแร้ด้วยสารส้ม
- ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ไม่ทิ้งคราบ เปลี่ยนโรลออนจากสเปรย์หรือแบบน้ำ เป็นแบบ stick หรือ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากสารส้ม เช่น สเปรย์สารส้ม ,แป้งเต่าเหยียบโลก เป็นต้น
- ใช้ขิงแบบผงผสมกับเบกกิ้งโซดาผสมน้ำเล็กน้อย แล้วนำมาถูรักแร้ ก่อนอาบน้ำ เช้า-เย็น
- ไม่ปล่อยให้ขนรักแร้ยาวเกินไป ควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หัวหอม หรืออาหารรสจัด
- เลือกเนื้อผ้าที่ช่วยระบายเหงื่อ ระบายความร้อนได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย หรือผ้าที่ผสมใยฝ้าย
- เสื้อผ้าที่ใส่ออกกำลังกายหรือมีกลิ่นตัวให้รีบนำไปซักทันที ไม่ควรปล่อยใส่ตะกร้าทิ้งไว้นานๆ เพื่อไม่ให้เกิดการอับชื้น
- ไม่ควรซักผ้าทีเดียวเยอะๆ เนื่องจากประสิทธิภาพในการซักของเครื่องจะน้อยลง หากมีเสื้อที่เหม็นกลิ่นตัวให้แยกออกมาซักมือ ขยี้บริเวณรักแร้ แล้วนำไปซักปกติ
หากใครกำลังเจอปัญหากลิ่นตัวหรือกลิ่นรักแร้ติดเสื้อผ้า ลองนำเคล็ดลับนี้ไปใช้ดูนะคะ เพื่อเสื้อผ้าที่หอมสะอาด เพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้อ่านนะคะ
หรือหากใครกำลังมองหาแม่บ้านแบบรายชั่วโมง ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดการให้บริการได้ที่ เว็บไซต์ของเรา
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.

แนะนำ 5 ยี่ห้อหม้อทอดไร้น้ำมันยอดนิยม ใช้งานง่าย ราคาคุ้ม
10 มกราคม 2025ปัจจุบันผู้คนต่างกลับมาให้ความสำคัญกับสุขภาพกันมากขึ้น ให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย นับได้ว่า ปัจจุบันมีเครื่องมือสำหรับปรุงอาหารที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น บวกกับเครื่องปรุงต่างๆถูกออกแบบและคิดค้นมาสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักและรักษาสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น อีกหนึ่งเครื่องครัวที่จะพูดถึงก็คือ “หม้อทอดไร้น้ำมัน” นั่นเอง
หม้อทอดไร้น้ำมันคืออะไร หม้อทอดไร้น้ำมัน หรือ Air Fryer เป็นอุปกรณ์ทำอาหารชนิดที่ใช้ลมร้อนในการทำให้อาหารสุก แทนการใช้น้ำมัน โดยหากใส่เนื้อสัตว์ที่มีไขมันลงไป อย่างหมูสามชั้น หม้อทอดไร้น้ำมันก็จะช่วยรีดน้ำมันจากเนื้อสัตว์ให้ออกมาอีกด้วย และสามารถประกอบอาหารได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ปลาทอด ไก่ทอด เฟรนฟราย ไส้กรอกทอด นอกจากการทอดแล้วย้งสามารถใช้ทำเบเกอร์รี่ ทำการอบได้ เช่น คัพเค้ก เป็นต้น
ปัจจุบันมีหม้อทอดไร้น้ำมันตามท้องตลาดออกมาวางขายกันมากมายตั้งแต่ราคาหลักร้อยปลายๆ ถึงหลักพัน ทั้งนี้ราคาก็จะขึ้นอยู่ที่ขนาดความจุของหม้อและฟังก์ชั่นที่แตกต่างกันออกไปด้วย
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อหม้อทอดไร้น้ำมัน
ก่อนการเลือกซื้อควรพิจารณาจาก ความจุและขนาดของหม้อทอดไร้น้ำมัน ซึ่งหม้อทอดมีขนาดตั้งแต่ 2 ลิตร ถึง 8 ลิตร ควรดูจากจำนวนสมาชิกในครอบครัว ฟังก์ชั่นการใช้งาน และคุณสมบัติพิเศษ ดูงบประมาณที่เหมาะสม เพราะแต่ละยี่ห้อก็มีฟังก์ชั่นและราคาที่แตกต่างกันออกไป และที่สำคัญต้องพิจารณาจากการรับประกันและบริการหลังการขายด้วย
แนะนำ 5 ยี่ห้อหม้อทอดไร้น้ำมันยอดนิยม

- หม้อทอดไร้น้ำมัน Philips Air fryer 2000 Series
- จุดเด่น : เป็นรุ่นฮิตและนิยมใช้กันมาก เนื่องจากมี 13 ฟังก์ชั่นการใช้งาน เทคโนโลยี Rapid Air ทำให้อาหารกรอบมากยิ่งขึ้น ตัวหม้อเป็นแบบกระจกใสทำให้สามารถมองเห็นอาหารด้านในได้
- ความจุ : 4.2 ลิตร (มีหลายขนาดให้เลือก)
- ราคาประมาณ : 3,490 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : มีหน้าต่างเพื่อดูอาหารด้านใน ใช้งานง่ายแต่ราคาค่อนข้างสูง
- การรับประกัน : 24 เดือน
- หม้อทอดไร้น้ำมัน Xiaomi Mi Smart Air Fryer
- จุดเด่น : หม้อทอดไร้น้ำมัน Xiaomi สามารถควบคุมการทำงานได้จากแอพพลิเคชั่น Mi Home ผ่านมือถือ ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ที่ล้ำสมัยมากๆ ใช้งานง่ายแถมยังราคาไม่ได้แพงจนเกินไป มีให้เลือกหลายขนาด
- ความจุ : 3.5 ลิตร (เหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง)
- ราคาประมาณ : 2,590 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : ขนาดค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น - มีเทคโนโลยีใหม่ๆซึ่งต้องเรียนรู้ระบบการใช้งาน
- การรับประกัน : 1 ปี
3 . หม้อทอดไร้น้ำมัน Tefal 2 IN 1 EASY FRY & GRILL 2IN1 OIL-LESS fryer รุ่น EY501866
- จุดเด่น : สำหรับหม้อทอดไร้น้ำมัน Tefal เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าระดับต้นๆ ที่คนนิยมใช้ โดยจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือ มีตะแกรงโลหะใช้งานได้แบบ 2 in 1 ทอดและย่าง ได้ในเครื่องเดียว
- ความจุ : 4.2 ลิตร (เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ 4-6 คน)
- ราคาประมาณ : 1,720 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นอื่นๆ แต่เป็นวัสดุที่ทนความร้อนได้ดี
- การรับประกัน : 2 ปี

4 . หม้อทอดไร้น้ำมัน Gaabor 5L
- จุดเด่น : เป็นแบรนด์น้องใหม่ที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดีไซน์ทันสมัย มินิมอล โดยรุ่นนี้หม้อกระจกสามารถมองเห็นอาหารภายในได้ ทำให้เรารู้ว่าอาหารสุกหรือยัง และเค้ายังมีระบบความร้อน 360 องศา รับรองว่าอาหารสุกอย่างทั่วถึงแน่นอน
- ความจุ : 5 ลิตร (มีหลายขนาดให้เลือก)
- ราคาประมาณ : 1,990 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : มีระบบตัดไฟอัตโนมัติ แต่ขนาดค่อนข้างใหญ่และหนัก
- การรับประกัน 1 ปี (เปลี่ยนเครื่องใหม่)
5 . หม้อทอดไร้น้ำมัน Imarflex
- จุดเด่น : ด้วยดีไซน์ที่หรูหรา ตัวเครื่องไม่ใหญ่จนเกินไป และที่สำคัญตรงตัวหม้อทอดเป็นโถแก้วใส สามารถมองเห็นอาหารภายในได้ ปรับความร้อนและเวลาแบบหมุน รับรองว่าใช้งานง่ายเหมาะกับผู้เริ่มต้นแน่นอน
- ความจุ : 4.5 ลิตร (เหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง)
- ราคาประมาณ : 1,690 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : ขนาดกระทัดรัดไม่ใหญ่มาก ดีไซน์ทันสมัย การดูแลรักษาอาจจะยากกว่ารุ่นอื่นเพราะเป็นโถแก้ว
- การรับประกัน : 1 ปี
หม้อทอดไร้น้ำมันแต่ละยี่ห้อก็มีฟังก์ชั่น ขนาด และราคาที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานขนาดครอบครัว จำนวนสมาชิกในครอบครัว หากอยู่คนเดียวก็สามารถใช้ขนาดเล็กลงได้ หรือเป็นขนาดเริ่มต้นที่ 2 ลิตร รับรองว่าประสบการณ์ในการทำอาหารของคุณจะดีขึ้นแน่นอน สามารถอ่านวิธีการใช้งานและการดูแลรักษาหม้อทอดไร้น้ำมันได้ที่ มือใหม่ต้องรู้!! วิธีใช้หม้อทอดไร้น้ำมันอย่างถูกต้อง ปลอดภัย
หรือหากคุณสนใจแม่บ้านช่วยเหลือในการทำความสะอาด แบบรายชั่วโมง ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ของเรา
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.

ใช้จ่ายประหยัดลงด้วย 7 วิธีทำความสะอาดบ้านด้วยมะนาว
09 มกราคม 2025มะนาวเป็นผลไม้ที่เราคุ้นเคยกันดีในครัวเรือน แต่คุณรู้หรือไม่ว่า มะนาวยังสามารถนำมาใช้ในการทำความสะอาดบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติของกรดซิตริกในมะนาวที่ช่วยขจัดคราบมัน คราบสกปรก และยังช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย วันนี้เราจะมาบรรยายถึงวิธีการใช้มะนาวเพื่อทำความสะอาดบ้านในหลายๆ ส่วนอย่างละเอียด
ทำไมต้อง มะนาว ?

น้ำมะนาวมีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งสามารถสลายคราบไขมันและคราบสิ่งสกปรกต่างๆ ได้ดี นอกจากนี้ กลิ่นของมะนาวยังช่วยเพิ่มความสดชื่นและช่วยลดกลิ่นอับในบ้านได้โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี ซึ่งอาจส่งผมเสียต่อสุขภาพและร่างกายของเรา การนำมะนาวมาใช้ในการทำความสะอาดจึงเป็นทั้งวิธีที่ปลอดภัยต่อสุขภาพและยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
วิธีใช้มะนาวในการทำความสะอาดบ้าน
- ขจัดคราบมันในห้องครัว
ใช้น้ำมะนาวกับเบกกิ้งโซดา เริ่มจากการบีบน้ำมะนาวลงในชามแล้วผสมกับเบกกิ้งโซดาให้เป็นเนื้อข้น แล้วใช้ฟองน้ำหรือผ้าจุ่มส่วนผสมแล้วถูบริเวณที่มีคราบจนกว่าคราบจะค่อยๆจางหายไป แล้วจึงล้างด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้ง วิธีนี้เหมาะสำหรับการล้างคราบมันที่ติดอยู่บนพื้นผิว เช่น เคาน์เตอร์ครัว หรือเตาแก๊ส
- ใช้ดับกลิ่นไมโครเวฟ
ใช้แก้วน้ำที่มีน้ำมะนาวบีบใส่ พร้อมกับเปลือกมะนาว วางในไมโครเวฟแล้วเปิดเครื่องให้ทำงาน 3 นาที ความร้อนจะช่วยให้น้ำมะนาวระเหยและทำให้กลิ่นไม่พึงประสงค์หายไป พร้อมกับทำให้คราบอาหารที่ติดผนังไมโครเวฟอ่อนตัวลง ทำให้ง่ายต่อการเช็ดทำความสะอาด
- ทำความสะอาดกำจัดคราบหินปูนห้องน้ำ
มะนาวสามารถละลายคราบหินปูนที่สะสมอยู่บนพื้นกระเบื้องหรือสุขภัณฑ์ได้อย่างดี เพียงเตรียมน้ำมะนาวกับเกลือหยาบ และโรยเกลือหยาบลงบนบริเวณที่มีคราบหินปูน บีบน้ำมะนาว ลงไปแล้วทิ้งไว้ 10 นาที ใช้แปรงถูเบาๆ และล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- ใช้ดับกลิ่นในตู้เย็น
การใช้มะนาวเพื่อดับกลิ่นในตู้เย็นเป็นวิธีธรรมชาติที่ง่ายและได้ผลดี เริ่มต้นจากการเช็คของภายใน หากพบอาหารหรือวัตถุดิบที่หมดอายุหรือส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ ควรนำออกก่อน จากนั้นทำความสะอาดตู้เย็นด้วยน้ำอุ่นผสมเบกกิ้งโซดา โดยใช้ฟองน้ำหรือผ้านุ่มเช็ดบริเวณชั้นวางและผนังด้านใน เพื่อขจัดคราบและกลิ่นสะสม
หลังจากทำความสะอาดตู้เย็นแล้ว ให้นำมะนาวสดประมาณ 2-3 ลูก มาผ่าครึ่งหรือหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นวางมะนาวลงในถ้วยเล็ก ๆ หรือวางไว้บนชั้นวางในจุดต่าง ๆ ของตู้เย็น ซึ่งมะนาวจะช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ พร้อมปล่อยกลิ่นหอมสดชื่นของธรรมชาติให้กับตู้เย็นอีกด้วย
- ขัดก๊อกน้ำ
เริ่มต้นด้วยการเตรียมมะนาว 1 ลูก ผ่าครึ่งให้เรียบร้อย มะนาวจะเป็นตัวช่วยธรรมชาติที่เหมาะสำหรับการทำความสะอาดคราบต่าง ๆ บนก๊อกน้ำ เช่น คราบหินปูนหรือคราบน้ำที่สะสมมานาน
เมื่อได้มะนาวแล้ว ให้นำด้านเนื้อของมะนาวมาถูลงไปบนพื้นผิวของก๊อกน้ำ โดยถูในลักษณะเป็นวงกลมให้ทั่วบริเวณที่มีคราบสกปรก หลังจากถูไปทั่วแล้ว ให้ทิ้งน้ำมะนาวไว้บนก๊อกน้ำประมาณ 5 ถึง 10 นาที เพื่อให้กรดในมะนาวทำปฏิกิริยาและสลายคราบฝังลึกเมื่อครบเวลา ใช้ฟองน้ำหรือผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดน้ำมะนาวออกจนหมด แล้วตามด้วยการล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง สุดท้ายใช้ผ้าแห้งสะอาดเช็ดก๊อกน้ำให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันการเกิดคราบน้ำใหม่หากเจอคราบที่ฝังแน่นมาก
อาจเพิ่มเกลือลงบนเนื้อมะนาวเล็กน้อยก่อนถู เพราะเกลือจะช่วยเพิ่มแรงขัดให้ได้ผลดียิ่งขึ้น การทำเช่นนี้จะช่วยให้ก๊อกน้ำของคุณกลับมาดูสะอาดและเงางามเหมือนใหม่
- กำจัดสนิมบนมีด
เพียงแค่นำมีดที่มีสนิมแช่ในน้ำมะนาว ทิ้งไว้ 3-5 นาที แล้วนำมาเช็ดให้แห้ง ถ้าหากทำแล้วสนิมยังไม่หมดในครั้งแรก สามารถทำซ้ำวิธีเดิมได้จนกว่าจะกลับมาเงางามดังเดิม แแล้วเมื่อทำความสะอาดเสร็จแล้ว ควรทาน้ำมันบางๆบนมีดเพื่อป้องกันการเกิดสนิมในอนาคต
- ซักผ้าขาว
การซักผ้าขาวด้วยมะนาวเป็นวิธีพื้นบ้าน ที่ช่วยคืนความขาวสะอาดให้กับผ้าที่เริ่มหมองคล้ำหรือมีคราบสกปรกโดยไม่ต้องใช้สารเคมีรุนแรง
เริ่มต้นด้วยการเตรียมน้ำอุ่นในกะละมังหรือถังสำหรับแช่ผ้า ปริมาณน้ำควรเพียงพอสำหรับการแช่ผ้าขาวที่ต้องการทำความสะอาด จากนั้นนำมะนาวสด 2-3 ลูก ผ่าครึ่งและบีบน้ำมะนาวลงในน้ำอุ่น คนให้น้ำมะนาวกระจายตัวในน้ำนำผ้าขาวที่ต้องการซักลงแช่ในน้ำผสมมะนาว ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความหมองคล้ำหรือคราบบนผ้า หากผ้ามีคราบสกปรกฝังแน่น สามารถใช้เปลือกมะนาวถูบริเวณคราบก่อนนำลงแช่ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบหลังจากแช่เสร็จ ให้ซักผ้าตามปกติด้วยมือหรือเครื่องซักผ้า โดยใช้น้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยน เมื่อล้างน้ำออกจนสะอาดแล้ว ควรตากผ้าในที่ที่มีแสงแดดจัด เพราะแสงแดดจะช่วยเสริมกระบวนการฟอกขาวตามธรรมชาติ
มะนาวเป็นตัวช่วยที่ครบเครื่องทั้งในเรื่องของการกำจัดคราบสกปรก กำจัดกลิ่น และยังช่วยทำให้บ้านของคุณสะอาดสดชื่นได้ในเวลาเดียวกัน หากคุณกำลังมองหาวิธีทำความสะอาดที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และใส่ใจสิ่งแวดล้อม การใช้มะนาวอาจเป็นคำตอบที่คุณมองหา ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ แล้วคุณจะพบว่าการทำความสะอาดด้วยมะนาวนั้นง่ายและได้ผลอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว! แต่ถ้าใครไม่อยากทำงานบ้านเอง ขอแนะนำ bluuu บริการแม่บ้านออนไลน์ยอดนิยมที่ให้บริการแม่บ้านคุณภาพ กดจองได้ง่ายๆในไม่กี่นาที เพียงเท่านี้ คุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาดของบ้านคุณอีกต่อไป
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.

ต้องใช้เวลากี่ชั่วโมงเพื่อทำความสะอาดบ้าน?
07 มกราคม 2025คุณควรจองเวลาทำความสะอาดบ้านกี่ชั่วโมง? แน่นอนว่าวิธีนี้แตกต่างกันไปในแต่ละบ้าน เนื่องจากขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความถี่ในการทำความสะอาด จำนวนสิ่งของที่คุณมีอยู่ ความเป็นระเบียบ ความสกปรก เป็นต้น
แต่มีวิธีง่ายๆ มากในการประมาณคร่าวๆ ว่าโดยปกติแล้วงานส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่จึงจะเสร็จ ผมเป็นเจ้าของบริการแม่บ้านออนไลน์อันดับต้นๆ ของประเทศไทย ดังนั้นผมจึงรู้จากประสบการณ์ตรงว่าปกติแม่บ้านใช้เวลาเฉลี่ยนานแค่ไหนในการทำความสะอาดบ้าน ดังนั้นข้อมูลนี้จึงควรเชื่อถือได้
- วิธีคำนวณจำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ในการทำความสะอาดบ้าน
จำนวนชั่วโมงขั้นต่ำที่จำเป็นในการทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ (เช่น ทำความสะอาด 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์) สามารถคำนวณได้ด้านล่างนี้:
จำนวนห้องนอน + 2 ชั่วโมง = จำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ในการทำความสะอาด
หมายเหตุ: จำนวนห้องนอนสามารถแทนที่ด้วยจำนวนห้องน้ำได้ เนื่องจากโดยปกติแล้ว จำนวนทั้งสองห้องควรจะเท่ากัน
ตัวอย่างที่ 1: สำหรับคอนโด 2 ห้องนอน เวลาที่ต้องใช้ขั้นต่ำคือ 4 ชั่วโมง (2 ห้องนอน + 2 ชั่วโมง = 4 ชั่วโมง)
ตัวอย่างที่ 2: สำหรับบ้าน 4 ห้องนอน เวลาที่ต้องใช้ขั้นต่ำคือ 6 ชั่วโมง (4 ห้องนอน + 2 ชั่วโมง = 6 ชั่วโมง)
นี่คือเวลาที่ต้องใช้สำหรับการทำความสะอาดบ้านทั่วไปและเป็นประจำ เช่น ล้างจาน ทำความสะอาดห้องน้ำ ครัว เปลี่ยนผ้าปูที่นอน เป็นต้น แต่ไม่รวมการรีดผ้า ดังนั้น หากคุณมีเสื้อผ้าที่ต้องรีด โปรดเพิ่มเวลาอีก 1-2 ชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณเสื้อผ้าที่ต้องรีด
นี่คือวิธีที่เว็บไซต์ของเราแนะนำจำนวนชั่วโมงในการจอง และถือเป็นหลักเกณฑ์ที่ดีในการตัดสินว่าควรจองกี่ชั่วโมงขั้นต่ำ
- อาจจะลดจำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ได้อย่างไร
จำนวนชั่วโมงจริงที่ต้องใช้ในการทำความสะอาดอาจแตกต่างกันไป มันขึ้นอยู่กับความถี่ในการทำความสะอาด อย่างเช่น หากคุณทำความสะอาดบ้านมากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ จำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้แต่ละครั้งก็ควรจะลดลง ดังนั้น สำหรับคอนโดที่มี 2 ห้องนอน ซึ่งโดยปกติต้องใช้เวลาขั้นต่ำ 4 ชั่วโมงต่อครั้ง ก็อาจทำความสะอาดเสร็จภายใน 3 ชั่วโมงได้ หากทำความสะอาด 5-6 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งก็คือเกือบทุกวัน
ปัจจัยอีกอย่างที่ต้องพิจารณาคือการเรียนรู้ของแม่บ้าน หลังจากทำงานที่บ้านของคุณเป็นเวลาหลายเดือน แม่บ้านจะคุ้นเคยกับการทำงานที่นั่น เรียนรู้ว่าอุปกรณ์อยู่ที่ไหน วิธีใช้อุปกรณ์ วิธีจัดระเบียบสิ่งของ ฯลฯ และจะเริ่มทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นี่ยังอาจจะลดจำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ต่อครั้งลงได้อีกด้วย
- สิ่งที่เราไม่ควรใช้วิธีคำนวณนี้
ไม่สามารถใช้กับงาน Big Cleaning (ทำความสะอาดครั้งใหญ่) ได้
นี่คือหลักเกณฑ์ทั่วไปในการทำความสะอาดบ้านเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และไม่ใช้กับงาน Big Cleaning เช่น การทำความสะอาดหลังย้ายออก ก่อนย้ายเข้า หลังปรับปรุงใหม่ หรือหลังจากไม่ได้ทำความสะอาดเป็นเวลานาน เช่นหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนด้วยซ้ำ Big Cleaning โดยปกติต้องใช้ทีมทำความสะอาด 3-4 คน อย่างน้อยครึ่งวันหรือทั้งวัน พร้อมอุปกรณ์พิเศษสำหรับขจัดคราบฝังแน่น และราคาจะอยู่ที่อย่างน้อย 5,000 บาท ดังนั้นสูตรนี้จึงใช้ไม่ได้กับงานประเภทนี้ ซึ่งแตกต่างจากงานดูแลบ้านทั่วไปโดยสิ้นเชิง
อย่าบีบบังคับแม่บ้านมากเกินไป
จากการให้บริการกับลูกค้าหลายพันท่านบนแพลตฟอร์มของเรา ผมเคยพบว่าลูกค้าบางท่านพยายามบีบบังคับแม่บ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยจองน้อยกว่าจำนวนชั่วโมงที่แนะนำและกดดันให้แม่บ้านทำงานเร็วขึ้นและหนักขึ้น ซึ่งมักจะไม่จบลงด้วยดีกับลูกค้าประเภทนี้ เพราะแม้แต่แม่บ้านที่ดีที่สุดของเราก็ยังเป็นมนุษย์เหมือนกัน และต้องมีเวลาหายใจ ดังนั้นแม้แต่แม่บ้านที่ดีที่สุดก็มักจะหมดแรงและในที่สุดก็ปฏิเสธงานจากลูกค้าเหล่านี้ เนื่องจากมันสร้างความเครียดมากเกินไป จากนั้นลูกค้าแบบนี้จะต้องเลือกแม่บ้านที่มีความสามารถน้อยกว่าหรือพยายามหาแม่บ้านใหม่ เพราะไม่มีใครอยากทำงานต่อไป ดังนั้น โปรดใจดีกับแม่บ้าน และในทางกลับกัน แม่บ้านก็จะภักดีต่อคุณมากขึ้น และนั่นจะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นมากในระยะยาว
ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ ผมเป็นเจ้าของบริการแม่บ้านทำความสะอาดออนไลน์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ดังนั้นหากคุณต้องการบริการแม่บ้านรายวันหรือรายสัปดาห์ กรุณาลองดูลิงก์นี้ เรามีแม่บ้านคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทย
ขอบคุณที่อ่านจนจบ 🙏
===
เขียนโดย Daigo Yoda
ผู้ก่อตั้งและ CEO Bluuu

ซักเสื้อสีดำยังไง ไม่ให้ซีดเร็ว เคล็ดลับง่ายๆ แต่ใช้ได้จริง!!
04 มกราคม 2025เสื้อผ้าสีดำเป็นเสื้อผ้าที่ดูเรียบๆ แต่ก็ให้ลุคที่ดูเรียบหรู ผู้คนมากมายนิยมใส่เสื้อผ้าสีดำ ทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ปัญหาที่มักเจอบ่อยๆคือ เสื้อผ้าสีดำซีดลง สีไม่เข้มเหมือนตอนที่ซื้อมาใหม่ๆ หากคุณมีเสื้อผ้าสีดำอยู่เต็มตู้ นี่เป็นสิ่งที่คุณควรทราบจริงๆค่ะ ทางทีมงานแม่บ้าน Bluuu จะมาช่วยแนะนำวิธีซักผ้าสีดำยังไง ไม่ให้สีซีดจางเร็วนั่นเอง
การซักเสื้อสีดำมีข้อควรระวังอย่างไร
- แยกซัก : ควรแยกผ้าสีกับผ้าขาวทุกครั้งก่อนนำไปซัก ไม่ควรนำมาซักรวมกัน นอกจากนี้ควรแยกประเภทของผ้าที่จะซักด้วย ว่าควรซักเครื่องหรือซักมือ โดยปกติแล้วเสื้อผ้าสีดำส่วนมากเราจะนำเข้าเครื่องซักผ้า แต่ไม่ได้ดูชนิดของเนื้อผ้าว่าบางหรือหนา หากนำไปซักรวมกันอาจทำให้เกิดการเสียดสีแบบรุนแรงและทำให้เม็ดสีหลุดออกได้ง่าย
- ใช้น้ำเย็นในการซักเสื้อสีเข้ม : เนื่องจากการใช้น้ำร้อนในซักเสื้อสีดำอาจทำให้เม็ดสีหลุดออกง่ายกว่ามาก การซักด้วยน้ำเย็นจะช่วยถนอมเส้นใยผ้าสีดำให้สีเสื้อคงทนและสดใสมากยิ่งขึ้น ดังนั้นก่อนซักควรตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสมกันด้วยนะคะ
- เลือกโปรแกรมการซักที่อ่อนโยน : การซักเสื้อสีดำให้สีคงทนและไม่ซีดเร็วนั้นขึ้นอยู่กับความแรงในการซักด้วยค่ะ หากเราใช้โหมดซักผ้าปกติหรือโหมดขจัดคราบในการซักทุกครั้ง เมื่อผ้ามีการเสียดสีกันอย่างรุนแรงในเครื่องซักผ้า แน่นอนว่าเสื้อสีดำเม็ดสีอาจหลุดลอกออกมาได้ง่ายแน่นอน และไม่ควรปั่นแห้ง เพราะการปั่นแห้งจะมีแรงเหวี่ยงสูง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรใช้ถุงซักผ้า ดังนั้นควรเลือกโปรแกรมการซักที่อ่อนโยน บิดอย่างเบามือ และนำขึ้นตากทันที
- ใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่เหมาะสม : ปัจจุบันมีน้ำยาซักผ้าสูตรผ้าสีดำ ซึ่งช่วยชะลอการซีดของผ้า (ไม่ได้ทำให้ผ้าสีเข้มขึ้น) เหมาะสำหรับคนที่มีเสื้อสีดำเป็นจำนวนมาก มีจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป และการใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสีดำ ควรใช้แบบน้ำใส่แบบพอประมาณ ไม่ควรใช้แบบผง เนื่องจากแบบผงจะทำให้เกิดคราบขาวบนผ้าได้ง่ายนั่นเอง และที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงผงซักฟอกที่มีสารฟอกขาว
- การตากผ้า : ให้กลับเอาผ้าข้างในออก และไม่ควรให้ผ้าโดนแดดโดยตรง ควรตากในร่ม หรือโดนแดดอ่อนๆ หากไม่ได้กลับด้านเสื้อเวลาตากแดด รับรองว่าแดดประเทศไทยสามารถทำให้เสื้อสีดำของคุณซีดเร็วแน่ๆ เพราะความร้อนเป็นตัวการที่ทำให้เสื้อผ้าของเราสีซีดเร็ว

ขอควรระวังอื่นๆในการซักเสื้อสีดำ
- ไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มบ่อยเกินไป
- ไม่ควรรีดเสื้อสีดำด้วยความร้อนสูง
- หลีกเลี่ยงการซักบ่อยเกินความจำเป็น (ควรมีเสื้อหลายๆตัวผลัดกันใส่)
- ไม่ควรแช่ผ้าสีดำนานเกินไป
เสื้อสีดำซีดแล้ว แก้ไขได้อย่างไรบ้าง ?
เมื่อเวลาผ่านไป แม้คุณจะดูแลเสื้อสีดำดีแค่ไหนก็อาจมีซีดจางลงได้ สิ่งที่สามารถแก้ไขดีที่สุดคือหา “สีย้อมผ้า” คุณภาพดีมาใช้ ทำตามขั้นตอนที่ระบุในฉลาก เพียงเท่านี้เสื้อดำตัวโปรดของคุณก็กลับมาดูสดใสเหมือนเดิม
ข้อแนะนำ : หากคุณเป็นคนที่ชอบใส่เสื้อสีดำมากๆ แต่ไม่อยากให้เสื้อสีซีดเร็ว การเลือกเนื้อผ้าเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรเลือกซื้อโดยดูเนื้อผ้า และคุณภาพเป็นหลัก เพราะผ้าบางชนิดต่อให้ดูแลดีแค่ไหนก็ซีดเร็ว
การหมั่นดูแลเสื้อผ้าให้ดูดีอยู่เสมอทั้งรูปร่างและสีสัน รู้วิธีซักแบบถนอมผ้าและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยทำให้ผู้สวมใส่ดูบุคลิกภาพดีแล้ว ยังช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อีกด้วย
นอกจากจะดูแลเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้ดีแล้วอย่าลืมดูแลบ้านให้สะอาดนะคะ เพราะถ้าบ้านสะอาดสุขภาพกายและสุขภาพใจก็จะดีขึ้นด้วยค่ะ หากคุณไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้าน บริการแม่บ้านรายชั่วโมงหรือแม่บ้านรายวันของเราช่วยคุณได้ค่ะ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ของเรา ทำจองง่าย ได้แม่บ้านคุณภาพดีที่ bluuu
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.

เคล็ด(ไม่)ลับสารพัดประโยชน์จากกากกาแฟภายในบ้าน
20 มกราคม 2025กากกาแฟที่เหลือใช้จากการทำเครื่องดื่มแสนอร่อยนั้นแท้จริงแล้วมีประโยชน์มากกว่าที่เราคิด ใครที่เคยเผลอทิ้งกากกาแฟไป แนะนำให้เก็บไว้เพราะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ภายในบ้านได้หลายอย่าง วันนี้จะเคล็ดไม่ลับมาบอกว่า กากกาแฟที่เหลือใช้สามารถนำมาใช้ทำอะไรได้บ้าง

กากกาแฟคืออะไร
เมล็ดกาแฟที่ผ่านการบดละเอียดหลังจากการสกัดเพื่อให้ได้น้ำกาแฟผ่านกระบวนของเครื่องชงกาแฟ โดยที่กากกาแฟจะไม่ได้ละลายน้ำมีเป็นลักษณะผงละเอียด ที่ยังคงอุดมไปด้วยกลิ่นหอมของกาแฟและคุณประโยชน์อีกมากมายที่สามารถใช้ภายในครัวเรือนได้เป็นอย่างดี
คุณสมบัติกากกาแฟ
- มี ไนโตรเจน เป็นส่วนประกอบสำคัญ มีค่า pH ที่เป็นกรดไม่มากเหมาะสำหรับปลูกพืช ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี
- มีกลิ่นหอมของกาแฟเฉพาะตัวสามารถดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์และดูดซับความชื้นได้
- ย่อยสลายง่ายไม่เป็นอันตรายต่อระบบนิเวศและธรรมชาติ
- กากกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณได้ดี

ประโยชน์ที่นำมาใช้งาน
ปุ๋ยหมักบำรุงพืช
นำกากกาแฟไปตากแดดให้แห้งประมาณ 1 วันให้แห้งสนิทเพื่อไม่ให้กากกาแฟขึ้นรา และเตรียมหัวเชื้อปุ๋ยที่ต้องการใช้ เช่น มูลวัว มูลไส้เดือน เป็นต้น ผสมหัวเชื้อปุ๋ยและกากกาแฟเข้าด้วยกัน แนะนำให้หมักใส่ภาชนะที่ปิดทึบหมักไว้ประมาณ 7 วันหลังจากนั้นให้นำไปใส่ในต้นไม้ ไนโตรเจนในกากกาแฟและสารอาหารในหัวเชื้อปุ๋ยจะช่วยเร่งการเติบโตและบำรุงพืชให้สวยงาม
ไล่แมลงและยุง
ใช้เพียง 2 อย่างก็ไล่ยุงได้ง่ายๆ เตรียมภาชนะสำหรับไว้จุดไฟ นำกากกาแฟที่ตากแห้งแล้วใส่ลงภาชนะให้ทั่ว หลังจากน้ันนำกากมะพร้าวมาใส่ไว้ตรงกลางกากกาแฟ จุดไฟที่กากมะพร้าวให้พอมีไฟติดแล้วก็นำกากกาแฟโรยทับบริเวณที่กากมะพร้าวติดไฟก็จะมีควันไฟอ่อนๆ โดยรอบ ให้นำไปวางตามจุดที่มีแมลงหรือยุงเยอะๆ เพียงแค่นี้ก็สามารถไล่แมลงหรือยุงได้ แถมปลอดภัยไร้สารเคมีอีกด้วย
สครับขัดผิว
สครับขัดผิวจากกากกาแฟมีหลายสูตรมาก วันนี้ขอแนะนำสูตรที่ง่ายที่สุดให้เตรียมกากกาแฟ 2 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ หากไม่มีน้ำมันมะพร้าวให้ใช้เป็นนมสดแทนได้ และตามด้วยน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำไปขัดผิวตามหัวเข่า ข้อศอก สารต้านอนุมูลอิสระในกากกาแฟจะช่วยบำรุงผิวส่วนที่แห้งกร้านให้นุ่มชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น
กำจัดกลิ่น
เตรียมแก้วใบเล็ก 1 ใบนำกากกาแฟใส่ลงแก้วที่เตรียมประมาณ ½ แก้ว นำกระดาษทิชชูหรือผ้าขาวบางมาครอบปิดฝาแก้วไว้ใช้หนังยางหรือเชือกรัดทิชชูไว้ที่บริเวณขอบปากแก้วให้ทิชชูตึงพอดี ปิดให้สนิท หลังจากนั้นให้เจาะรูบริเวณทิชชูด้านบนแก้วหลายๆ รูให้ทั่ว เพื่อให้ระบายอากาศและนำไปวางในตู้เย็นหรือบริเวณที่มีกลิ่นไม่พึงไม่ประสงค์ กลิ่นของกากกาแฟจะช่วยดูดซับกลิ่นและความชื้นได้เป็นอย่างดี
ขจัดคราบไหม้หม้อกระทะ
กากกาแฟมีค่า pH เป็นกรดอ่อนๆ สามารถนำไปผสมกับน้ำยาล้างจานและใช้ขัดคราบไหม้บนหม้อหรือกระทะได้ดี เพียงแค่ใช้น้ำยาล้างจาน 1-2 ช้อนโต๊ะ กากกาแฟประมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะ ผสมไม่ให้สัดส่วนเหนียวหรือข้นจนเกินไป นำไปขัดถูบริเวณที่มีรอยไหม้ กรดจากกากกาแฟจะช่วยขจัดคราบรอยไหม้ออกได้ง่ายมากขึ้น
ข้อควรระวัง
- การเก็บรักษา กากกาแฟมีความชื้นค่อนข้างสูงทำให้เกิดการขึ้นราได้ง่าย ควรตากกากกาแฟให้แห้งสนิทก่อนนำไปใช้งาน
- หลีกเลี่ยงการใช้กากกาแฟบริเวณที่มีเด็กและสัตว์เลี้ยง เพราะกากกาแฟมีคาเฟอีนสูงอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
- ควรศึกษาวิธีการทำปุ๋ยอย่างถูกต้องและใช้ปริมาณกากกาแฟที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อพืชมากเกินไป
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงวิธีแนะนำการใช้งานกากกาแฟที่เหลือใช้เพื่อให้นำกลับมาใช้งานได้อย่างมีประโยชน์สูงสุด สำหรับใครที่ชอบดูแลบ้านอย่าลืมคิดถึงแม่บ้านออนไลน์ Bluuu จ้างแม่บ้านให้ไปดูแลบ้านของคุณด้วยแม่บ้านมืออาชีพในราคาสุดประหยัด กดจอง ได้เลย
ผู้เขียน
Nannicha P.

หมดปัญหาคราบราดำในห้องน้ำ ทำความสะอาดง่ายๆ เห็นผลแน่นอน
18 มกราคม 2025ห้องน้ำที่สะอาดควรเป็นแบบไหนกันนะ? เชื่อว่าทุกคนต้องเคยเจอปัญหาราดำในห้องน้ำ และเป็นปัญหาที่หลายๆบ้านต้องเคยเจอ หรือกำลังเจออยู่นั่นเอง แม้ว่าจะเป็นคราบราดำที่เกาะอยู่บริเวณกระเบื้อง หรือราดำที่เกาะอยู่บริเวณยาแนวของห้องน้ำ นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด
เชื้อราหรือราดำในห้องน้ำอันตรายไหม ?
เชื้อราเป็นสิ่งที่อันตรายต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง แน่นอนว่าเชื้อราหรือราดำมีผลเสียต่อสุขภาพแน่นอน สเปอร์ของเชื้อราสามารถแพร่กระจายในอากาศ หากเราสูดดมเชื้อราเข้าไปจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคปอด เกิดอาการปวดศีรษะ และเชื้อราสามารถลุกลามไปถึงสมองได้ หากคนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว สูดดมเชื้อราหรือราดำอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนและอาการรุนแรงขึ้นได้

สาเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อราหรือราดำในห้องน้ำ
- ความชื้น : ความชื้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดเชื้อรา เพราะเชื้อราจะเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้น ไม่ว่าจะเป็นในห้องนอนหรือในห้องน้ำก็ตาม ซึ่งห้องน้ำเรียกได้ว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงความชื้นได้ เราจำเป็นต้องอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทุกวัน การเข้าห้องน้ำในแต่ละวันก็ค่อนข้างบ่อยหลีกเลี่ยงได้ยาก
- คราบสบู่ : ทั้งคราบสบู่ คราบน้ำและคราบเหงื่อไคลที่เราทำความสะอาดร่างกายนั้น เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ห้องน้ำเป็นคราบสกปรกและเกิดเชื้อราขึ้นนั่นเอง ทั้งพื้น ขอบผนังห้องน้ำ กระเบื้องและขอบยาแนว สามารถเกิดเชื้อราหรือราดำได้
- ห้องน้ำไม่ได้แยกโซนเปียกและโซนแห้ง : ถือว่ามีความเป็นไปได้ เพราะการไม่ได้แยกโซนแห้งและโซนเปียก พื้นห้องน้ำก็จะมีความเปียกชื้นอยู่ตลอดนั่นเอง ซึ่งความชื้นนำไปสู่การเกิดเชื้อรา อาจต้องระวังบริเวณชักโครกฐานยาแนว ว่ามีราดำหรือไม่
- ความสม่ำเสมอในการทำความสะอาด : แน่นอนว่าสาเหตุข้อนี้เป็นไปได้เกือบ 100% เมื่อห้องน้ำถูกใช้งานทุกวัน แต่ไม่ได้มีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ คราบสบู่ตามพื้นเยอะขึ้น เชื้อโรคและแบคทีเรีย และเชื้อราต้องตามมาแน่นอนค่ะ
วิธีกำจัดเชื้อราและราดำในห้องน้ำ
ราดำในห้องน้ำอาจอยู่ได้หลายจุดทั้งบนพื้นกระเบื้อง ผนังของห้องน้ำ ตามรอยยาแนว เป็นต้น หากห้องน้ำไม่ได้ทำความสะอาดเป็นเวลานานปล่อยให้เป็นคราบราดำฝังลึกจะทำความสะอาดได้ยากขึ้นนั่นเอง
โดยเรามีวิธีการกำจัดคราบราดำด้วยของใช้ที่หาง่ายภายในบ้านมาฝากกันค่ะ
- น้ำส้มสายชู : น้ำส้มสายชูเป็นกรดซึ่งสามารถช่วยกำจัดเชื้อราได้ โดยเราจะนำทิชชู่แผ่นมาชุบกับน้ำส้มสายชูให้ชุ่มทั้งแผ่น แล้วนำไปแปะไว้ตามผนัง ตามขอบ หรือรอยยาแนวที่มีเชื้อรา,ราดำ แปะเรียงทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง หากแห้งเกินไปให้นำน้ำส้มสายชูใส่ฟ็อกกี้แล้วฉีดตามทิชชู่ให้ชุ่มอีกครั้ง เมื่อครบเวลาแล้วให้ลอกทิชชู่ออก แล้วใช้เบกกิ้งโซดา ผสมกับน้ำยาล้างจานขัด (ควรใส่ถุงมือยางและใส่ผ้าปิดจมูกทุกครั้ง)
- เบกกิ้งโซดาและน้ำยาล้างจาน : เมื่อใช้น้ำส้มสายชูชุบทิชชู่แปะบริเวณที่มีเชื้อรา,ราดำเป็นเวลา 1-2 ชั่วโมงแล้ว ให้ลอกทิชชู่ออกแล้วใช้น้ำยาล้างจานและน้ำส้มสายชู ขัดบริเวณที่มีคราบ โดยใช้แปรงขัด หากเป็นมุมที่ต้องการการซอกซอนที่ดี ให้ใช้แปรงสีฟันช่วย หากเป็นคราบหนักอาจต้องใช้แรงเล็กน้อย
- คราบราดำฝังลึกในยาแนว : หากมีคราบราดำที่ขัดไม่ออก ให้ใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3% ชุบทิชชู่ให้ชุ่มแล้วแปะไว้บริเวณที่มีราดำ ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือนานกว่านี้ หากน้ำยาแห้งให้เปลี่ยนผืนใหม่ เสร็จแล้วให้ขัดทำความสะอาดด้วยเบกกิ้งโซดาและน้ำยาล้างจาน (ควรใส่ถุงมือยางและใส่ผ้าปิดจมูกทุกครั้ง)
- สารฟอกขาว (ไฮเตอร์) : สามารถช่วยกำจัดราดำหรือเชื้อราในห้องน้ำได้ โดยสามารถใช้ไฮเตอร์ผสมน้ำเล็กน้อยใส่ฟ็อกกี้แล้วฉีดตามผนังที่มีเชื้อราเกาะ หรือใช้กระดาษทิชชู่ชุบไฮเตอร์แล้วแปะตามร่องยาแนวหรือตามกระเบื้อง (ห้ามผสมไฮเตอร์กับน้ำยาล้างห้องน้ำเด็ดขาด เพราะทำให้เกิดแก๊สพิษ) (ควรใส่ถุงมือยางและใส่ผ้าปิดจมูกทุกครั้ง)

แนะนำผลิตภัณฑ์สำหรับกำจัดคราบเชื้อราในห้องน้ำ (ควรใส่ถุงมือยางและใส่ผ้าปิดจมูกทุกครั้ง)
- SC Johnson Kabi Killer : เป็นสเปรย์กำจัดเชื้อราที่แม่บ้านหลายๆท่านแนะนำ ใช้งานง่าย ราคาไม่สูง แต่ควรสวมถุงมือและใช่ผ้าปิดจมูกทุกครั้งเมื่อใช้งานเพราะมีกลิ่นค่อนข้างฉุน ฉีดบริเวณที่มีเชื้อราหรือคราบดำตามยาแนว ทิ้งไว้ 15-20 นาทีแล้วล้างน้ำออก หากเป็นคราบนานแล้วให้ใช้แปรงช่วยขัด สามารถหาซื้อได้ที่ช่องทางออนไลน์
- Magiclean Stain and mold : เป็นสเปรย์โฟมทำความสะอาดคราบและเชื้อราในห้องน้ำ ใช้งานง่าย เพียงแค่ฉีดสเปรย์โฟมลงบนคราบทิ้งไว้ 15-20 นาทีแล้วล้างออก นอกจากกจะช่วยขจัดคราบแล้วยังช่วยขจัดเชื้อราอีกด้วย สามารถหาซื้อได้ที่ช่องทางออนไลน์
- Mr Muscle Bathroom Cleaner Spray 3in1 : เป็นสเปรย์ทำความสะอาดในห้องน้ำยอดนิยมของแม่บ้านหลายๆท่านเพราะสามารถใช้ทำความสะอาดได้ทุกส่วนในห้องน้ำ ไม่ว่าจะเป็นก็อกน้ำ ฝักบัว ท่อ ผนัง และกระเบื้องนั่นเอง หาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตและช่องทางออนไลน์
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราหรือราดำในห้องน้ำ
- ล้างคราบสบูทุกครั้ง : หลังอาบน้ำทุกครั้งให้ฉีดน้ำไล่คราบสบู่ออกให้หมด แล้วใช้ที่กรีดน้ำ กรีดไล่น้ำบริเวณพื้นและผนังที่มีน้ำเกาะให้แห้ง ไม่ควรปล่อยให้น้ำขังหรือมีคราบสบู่ตามพื้น
- ระบายอากาศภายในห้องน้ำ : เปิดประตูหรือหน้าต่างในห้องน้ำ หรือทำพัดลมตัวดูด ทำพัดลมระบายอากาศ
- ทำความสะอาดห้องน้ำอย่างสม่ำเสมอ : ห้องน้ำที่เราใช้ทุกวัน ควรทำความสะอาดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิกภายในบ้าน
- ทำห้องน้ำแบบแยกโซนแห้ง และโซนเปียก : จะช่วยควบคุมคราบสกปรกและการสะสมของความชื้น และยังช่วยลดอันตรายจากการลื่นในห้องน้ำได้
สำหรับวิธีกำจัดคราบราดำในห้องน้ำไม่ยากเลย เพียงแค่เราหมั่นดูแลรักษาความสะอาดในห้องน้ำอย่างสม่ำเสมอ คราบสกปรกฝังลึกหรือราดำต่างๆก็จะลดน้อยลง นอกจากการทำความสะอาดห้องน้ำให้สะอาดอยู่เสมอแล้ว การดูแลรักษาความสะอาดภายในครัวและภายในบ้านก็เช่นกัน สุขภาพจิตดีขึ้น สุขภาพกายก็ดีขึ้น
หรือหากที่บ้านของคุณกำลังเจอปัญหาของเชื้อราไม่ว่าจะเป็นตู้เสื้อผ้าขึ้นรา หรือเขียงขึ้นรา สามารถอ่านบทความของเราได้ที่ เชื้อราขึ้นตู้เสื้อผ้า กำจัดยังไงดี? และ เขียงไม้ขึ้นรา ทำความสะอาดยังไงดี ?
หากคุณไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้านเอง ต้องการตัวช่วยในการทำความสะอาดบ้าน อยากแนะนำให้ใช้บริการแม่บ้านออนไลน์ ให้บริการแบบรายชั่วโมง ราคาเริ่มต้นหลักร้อย สามารถอ่านบริการของเราได้ที่เว็บไซต์ bluuu
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.

รู้ลึก! โปรแกรมบนไมโครเวฟที่คุณอาจไม่เคยใช้ แต่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น
16 มกราคม 2025ไมโครเวฟเป็นอุปกรณ์ที่เกือบทุกบ้านต้องมี ด้วยความสะดวกและรวดเร็ว แต่รู้หรือไม่ว่าโปรแกรมต่าง ๆ บนไมโครเวฟมีไว้เพื่ออะไร และเหมาะกับการใช้งานแบบไหน? บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและเลือกใช้โปรแกรมบนไมโครเวฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเคล็ดลับการใช้งานที่คุณไม่ควรพลาด!
1. โปรแกรมอุ่นอาหาร (Reheat)

โปรแกรมอุ่นอาหารได้รับการออกแบบมาเพื่อให้อาหารที่ปรุงสุกแล้วกลับมาอุ่นร้อนเหมือนเดิมโดยไม่ต้องปรุงใหม่ ตัวไมโครเวฟจะตั้งค่าความร้อนและเวลาในระดับที่เหมาะสมเพื่อให้อาหารได้รับความร้อนอย่างสม่ำเสมอ
การใช้งานโปรแกรมนี้เหมาะสำหรับอาหารที่ปรุงเสร็จแล้ว เช่น ข้าว ซุป แกง หรืออาหารจานเดียวที่เย็นชืด โปรแกรมนี้ช่วยให้คุณอุ่นอาหารได้โดยไม่ต้องกังวลว่าอาหารจะแห้งหรือสุกเกินไป อย่างไรก็ตาม การใช้อุปกรณ์เสริมเช่นฝาครอบไมโครเวฟจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นของอาหารและลดการกระเด็นที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการอุ่น
2. โปรแกรมละลายน้ำแข็ง (Defrost)

หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญของไมโครเวฟคือความสามารถในการละลายน้ำแข็ง โปรแกรมนี้ช่วยให้เนื้อสัตว์, อาหารแช่แข็ง, หรือวัตถุดิบที่เก็บในช่องฟรีซสามารถละลายน้ำแข็งได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
โปรแกรม Defrost จะใช้พลังงานในระดับต่ำและมีการตั้งเวลาอัตโนมัติตามน้ำหนักหรือประเภทของอาหาร การละลายน้ำแข็งด้วยวิธีนี้ช่วยป้องกันไม่ให้อาหารเริ่มสุกก่อนเวลาอันควร โดยเฉพาะสำหรับเนื้อสัตว์ที่มีความหนา การละลายน้ำแข็งอย่างถูกวิธีจะช่วยให้วัตถุดิบยังคงคุณภาพดีและเหมาะสำหรับการปรุงต่อ
3. โปรแกรมปรุงอาหาร (Cook)
ไมโครเวฟรุ่นใหม่หลายรุ่นมาพร้อมโปรแกรมปรุงอาหารที่ช่วยให้คุณสามารถทำเมนูง่าย ๆ ได้ในเวลาไม่นาน เช่น การต้มไข่ อบมันฝรั่ง ทำข้าวโพดคั่ว หรือปรุงอาหารจานด่วนบางเมนู โปรแกรมนี้มักจะตั้งค่าพลังงานและเวลาที่เหมาะสมตามเมนูที่คุณเลือก
ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการต้มไข่ในไมโครเวฟ โปรแกรมนี้จะช่วยคำนวณเวลาที่เหมาะสมเพื่อให้ไข่สุกพอดีโดยไม่ทำให้ไข่แตก หรือหากคุณอยากได้ข้าวโพดคั่วเพลิดเพลินในยามว่าง เพียงใส่เมล็ดข้าวโพดลงในภาชนะที่เหมาะสม แล้วเลือกโปรแกรม Cook เท่านี้ก็ได้ของว่างง่ายๆแล้ว
4. โปรแกรมอบหรือย่าง (Grill)
โปรแกรม Grill เหมาะสำหรับการทำอาหารที่ต้องการความกรอบหรือสีสันที่ดูน่ารับประทาน เช่น ไก่ย่างพิซซ่า หรือสเต็ก โปรแกรมนี้ใช้ความร้อนจากขดลวดที่อยู่ด้านบนของไมโครเวฟเพื่อสร้างพื้นผิวกรอบและสีทองอร่าม
การใช้งานโปรแกรมนี้ควรใช้คู่กับอุปกรณ์เสริม เช่น ตะแกรงหรือถาดอบที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ เพื่อช่วยให้อาหารสุกทั่วถึงและมีพื้นผิวที่น่ารับประทาน การใช้โปรแกรม Grill จะช่วยลดเวลาและความยุ่งยากในการทำอาหารที่ต้องการความกรอบ โดยไม่ต้องใช้เตาอบขนาดใหญ่
5. โปรแกรมตั้งเวลาปรุง (Timer Cooking)
โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับอาหารที่ต้องการการปรุงเป็นเวลานาน เช่น ซุป แกง หรืออาหารที่ต้องการการตุ๋น โปรแกรม Timer Cooking ช่วยให้คุณสามารถกำหนดเวลาการปรุงอาหารได้เอง และไมโครเวฟจะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเวลาหมด
การใช้โปรแกรมนี้ทำให้คุณไม่ต้องกังวลว่าอาหารจะสุกเกินไปหรือไหม้ คุณสามารถตั้งเวลาให้เหมาะสมกับลักษณะของอาหารและปล่อยให้ไมโครเวฟทำงานได้อย่างอิสระในขณะที่คุณทำกิจกรรมอื่น ๆ
โปรแกรมต่าง ๆ บนไมโครเวฟได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การอุ่นอาหารง่าย ๆ ไปจนถึงการปรุงอาหารที่ซับซ้อนขึ้น การทำความเข้าใจโปรแกรมเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้คุณใช้งานไมโครเวฟได้อย่างคุ้มค่า แต่ยังช่วยประหยัดเวลาและพลังงานอีกด้วย
อย่าลืมศึกษาคู่มือการใช้งานของไมโครเวฟที่คุณมี เพื่อให้การใช้งานแต่ละโปรแกรมเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัย ทีนี้ไม่ว่าคุณจะต้องการอุ่นอาหาร ปรุงเมนูใหม่ หรือละลายน้ำแข็ง คุณก็สามารถทำได้อย่างมั่นใจและสะดวกสบายในครัวของคุณเอง! หรือหากคุณสนใจแม่บ้านช่วยเหลือในการทำความสะอาด แบบรายชั่วโมง ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ bluuu
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.

วิธีลดกลิ่นอับจากแอร์: เคล็ดลับง่ายๆ ทำได้เองแบบเพื่อนช่วยเพื่อน!
15 มกราคม 2025คุณเคยเปิดแอร์แล้วได้กลิ่นไม่ค่อยพึงประสงค์ เหมือนถุงเท้าลืมซักไหมครับ? ไม่ต้องตกใจไป! แอร์มีกลิ่นอับไม่ได้แปลว่าโลกจะแตก แต่เป็นสัญญาณว่าแอร์ของคุณกำลังร้องขอความช่วยเหลือ 🤧✨ วันนี้ผมมีเคล็ดลับง่ายๆ ที่คุณทำได้เอง รับรองว่าแอร์จะกลับมาหอม สดชื่นเหมือนใหม่อีกครั้ง!
ทำความเข้าใจต้นตอของกลิ่นอับ
ก่อนที่เราจะเริ่มแก้ปัญหา การเข้าใจถึงสาเหตุของกลิ่นอับเป็นสิ่งสำคัญ กลิ่นไม่พึงประสงค์จากแอร์มักเกิดจากการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรียในระบบเครื่องปรับอากาศ อาจมาจากความชื้นที่ค้างอยู่ในเครื่อง หรือฝุ่นละอองที่สะสมในแผ่นกรองอากาศ การใช้งานแอร์ในระยะเวลานานโดยไม่ได้ทำความสะอาดเลย ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น
เคล็ดลับดับกลิ่นอับแอร์
1. แผ่นกรองอากาศ: สะอาดไว้ กลิ่นไม่โชย

แผ่นกรองแอร์ก็เหมือนจมูกของแอร์ รับฝุ่นและสิ่งสกปรกไว้เต็มๆ ถ้าไม่ทำความสะอาดก็เหมือนใส่หน้ากากอนามัยใช้แล้ว 10 รอบ 🫣
ทำยังไงดี?
- ปิดแอร์ก่อน แล้วถอดแผ่นกรองออกมาเบาๆ
- ล้างด้วยน้ำเปล่า ถ้ามีคราบแน่น ใช้น้ำอุ่นช่วยล้าง
- แปรงเบาๆ อย่าถูเหมือนขัดหม้อแกง ตากให้แห้งในที่ร่ม แล้วใส่กลับ
เคล็ดลับ: ล้างแผ่นกรองบ่อยๆ ไม่เพียงช่วยลดกลิ่น แต่ยังช่วยให้แอร์เย็นเร็วและประหยัดไฟอีกด้วยครับ!
2. น้ำยาทำความสะอาดคอยล์เย็น: ฮีโร่กำจัดกลิ่น

บางครั้งกลิ่นอับมาจากคอยล์เย็นที่ซ่อนอยู่ในแอร์ของเรา น้ำยาทำความสะอาดคอยล์เย็นนี่แหละครับคือพระเอกที่ช่วยกำจัดเชื้อราตัวร้าย 🦠
วิธีใช้ก็ง่ายมาก
- ปิดแอร์ก่อน (เพื่อความปลอดภัยนะครับ)
- ฉีดน้ำยาลงบนคอยล์เย็น (อ่านวิธีใช้ข้างขวดให้ดี)
- รอประมาณ 15 นาที แล้วเปิดแอร์ในโหมดพัดลม เพื่อให้น้ำยาไหลออกไปพร้อมกับกลิ่นไม่พึงประสงค์
คำเตือน: น้ำยาบางชนิดอาจแรง ควรใส่ถุงมือและระวังอย่าให้เข้าตาเด็ดขาดนะครับ
3. ท่อน้ำทิ้ง: สะอาดปุ๊บ กลิ่นหายปั๊บ
ท่อน้ำทิ้งที่อุดตันก็เป็นอีกสาเหตุของกลิ่นอับในแอร์ครับ น้ำที่ขังในท่ออาจเกิดการหมักหมมจนมีกลิ่น
แก้ยังไงดี?
- ใช้สายล้างท่อหรืออุปกรณ์ดึงสิ่งอุดตันออก
- ล้างท่อด้วยน้ำอุ่นผสมน้ำยาฆ่าเชื้อ
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าน้ำไหลออกได้ดี
คำแนะนำ: หมั่นตรวจสอบท่อน้ำทิ้งทุกๆ 1-2 เดือนครับ โดยเฉพาะถ้าใช้งานแอร์บ่อย
4. เปิดพัดลมและระบายอากาศ: วิธีง่ายที่ได้ผล

แอร์ในห้องที่ปิดสนิทมักมีความชื้นสะสม ซึ่งเป็นต้นเหตุของกลิ่นอับ
เคล็ดลับ
- เปิดหน้าต่างระบายอากาศหลังปิดแอร์ เพื่อให้อากาศถ่ายเท
- ใช้โหมด “Dry” หรือ “Dehumidifier” บ่อยๆ เพื่อลดความชื้นในห้อง
5. เรียกช่างแอร์มืออาชีพ: ถ้าทำทุกอย่างแล้วกลิ่นยังอยู่

ถ้าลองทุกวิธีแล้วกลิ่นยังเหมือนเดิม อาจเป็นปัญหาลึกในระบบแอร์ เช่น เชื้อราที่ซ่อนอยู่ในส่วนที่ทำความสะอาดเองไม่ได้ การเรียกช่างแอร์มืออาชีพช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุดที่สุดครับ
บริการยอดฮิตโดยช่างแอร์ในตำนาน
- ล้างแอร์ด้วยแรงดันน้ำ
- ตรวจสอบระบบท่อน้ำและคอยล์เย็นอย่างละเอียด
6. ป้องกันกลิ่นอับตั้งแต่ต้น: ดูแลแอร์แบบมือโปร
การป้องกันสำคัญกว่าการแก้ไขครับ ลองทำตามนี้
- ล้างแผ่นกรองและคอยล์เย็นอย่างสม่ำเสมอ
- อย่าตั้งอุณหภูมิแอร์ต่ำเกินไป (ต่ำกว่า 24°C) เพราะจะทำให้ความชื้นสะสม
- ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่ปลอดภัยช่วยกำจัดเชื้อรา
กลิ่นอับจากแอร์อาจดูเหมือนเรื่องใหญ่ แต่จริงๆ แล้วแก้ได้ไม่ยากครับ เพียงทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ คุณก็จะได้แอร์ที่สะอาด สดชื่น และทำงานได้อย่างประสิทธิภาพสูงสุด เหมือนกับแม่บ้านของ bluuu เพราะเราให้บริการแม่บ้านมืออาชีพ คุณภาพดีเยี่ยม พร้อมช่วยคุณทำความสะอาดจัดสรรให้ทุกอย่างในบ้านกลับมาดูดีได้ทุกเมื่อ เพียงแค่ กดจอง แม่บ้านที่เว็บไซต์ได้ในไม่กี่นาที เราพร้อมช่วยเปลี่ยนทั้งบ้านคุณให้หอมสดชื่นเหมือนใหม่ด้วยความสะดวก รวดเร็ว และมั่นใจในคุณภาพ เริ่มต้นวันนี้ แล้วคุณจะรู้ว่าความสะดวกสบายเป็นเรื่องง่ายกว่าที่คิด! 🏠✨
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.

ถูพื้นบ้านยังไงให้บ้านมีกลิ่นหอมสดชื่นกลิ่นติดทนนาน
13 มกราคม 2025หลายคนเวลาถูพื้นบ้านถูยังไงก็ไม่หอมสักที ! หรือหอมได้แค่ชั่วครู่กลิ่นหอมก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว บางครั้งอาจจะเจอปัญหาฝุ่นเกาะพื้นเร็วหรือมีกลิ่นคาวของผ้าที่ไม่สะอาด ทำให้บ้านก็มีกลิ่นอับตามไปด้วย เคล็ดลับแม่บ้าน Bluuu วันนี้จะช่วยให้ทุกคนมีวิธีการถูพื้นบ้านที่หอมสะอาดกลิ่นสดชื่นติดทนนานและฝุ่นไม่จับไร้กลิ่นไม่เหม็นอับ จะทำยังไงไปดูกันเลย
สาเหตุที่ถูพื้นบ้านไม่หอม
- ใช้น้ำยาทำความสะอาดผิดสัดส่วน หากเทมากหรือน้อยเกินไปก็จะส่งผลต่อกลิ่นภายในห้องได้
- ไม้ถูพื้นไม่สะอาด ทุกครั้งก่อนและหลังถูพื้นควรทำความสะอาดไม้ถูพื้นและตากให้แห้งเสมอ
- การเลือกน้ำยาถูพื้น แนะนำควรเลือกน้ำยาถูพื้นที่เป็นสูตรน้ำหอมโดยเฉพาะ
- พื้นมีคราบสกปรก หากพื้นมีคราบสกปรกควรทำความสะอาดคราบให้สะอาดและถูพื้นซ้ำ 1-2 รอบ
- ถูพื้นแล้วไม่แห้งทันที แนะนำให้เปิดหน้าต่างหรือประตูระบายอากาศระหว่างถูพื้นเพื่อถ่ายเทอากาศ

เคล็ดลับถูพื้นบ้านให้หอมสดชื่น
วิธีการถูพื้นบ้านให้หอมสะอาดสดชื่น สามารถทำตามได้ไม่ยากจากเคล็บลับแม่บ้าน Bluuu ด้วยวิธีนี้เลย
- น้ำยาปรับผ้านุ่ม
บ้านหอมแน่เพียงแค่เตรียมน้ำสะอาด 1 ถังสำหรับถูพื้นบ้าน นำน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีอยู่ในบ้านเทใส่ถังน้ำ 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะจะช่วยลดกลิ่นเหม็นอับของผ้าถูพื้นได้เป็นอย่างดี แนะนำว่าอย่าเทน้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปเยอะเพราะจะทำให้พื้นเหนียว ให้ค่อยๆ เทในปริมาณที่พอเหมาะ เพียงเท่านี้บ้านก็หอมสะอาดสดชื่นแล้ว สูตรนี้ลองแล้วหอมจริงค่ะ
- ตะไคร้
ใครที่บ้านที่ชอบกลิ่นสมุนไพรพื้นบ้านแถมยังช่วยไล่มดไล่แมลงได้ด้วย แนะนำสูตรนี้เลย ให้เตรียมตะไคร้หอม 3-4 ต้น หั่นเป็นท่อนทุบให้พอแหลก นำไปใส่ภาชนะขวดโหลที่มีฝาปิดได้ เทน้ำส้มสายชูใส่ลงไป 1 ขวดใหญ่ หากใครอยากได้กลิ่นหอมเพิ่มแนะนำให้ใส่ลูกมะกรูดหั่นแว่นลงไปเพิ่มเติมได้ แช่ทิ้งไว้ข้ามคืน เมื่อต้องการนำมาถูพื้นก็เตรียมน้ำสะอาด 1 ถังและใส่น้ำตะไคร้ที่หมักไว้ลงไปประมาณ 5-6 ช้อนโต๊ะ นำไปเช็ดถูพื้นบ้านตามจุดต่างๆ ได้เลย บ้านหอมปราศจากมดและแมลงอีกด้วย
- น้ำยาล้างจาน
สูตรถูพื้นนี้จะช่วยลดคราบมันและคราบสกปรกที่พื้นได้ดีและคงความหอมสดชื่นได้นาน เตรียมน้ำสะอาด 1 ถัง ใส่น้ำยาล้างจานลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ถ้าพื้นบ้านสกปรกมากหรือมีคราบมันเยอะให้ใส่เพิ่มได้ หลังจากนั้นใส่น้ำยาถูพื้นแนะนำเป็นสูตรเพิ่มความหอมประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ ถูพื้นตามแนวกระเบื้องเพื่อไม่ให้เกิดฟองและเปิดพัดลมหรือระบายอากาศขณะที่ถูพื้นด้วยบ้านจะได้แห้งเร็วพื้นไม่เหนียวและหอมสดชื่นนาน
- น้ำส้มสายชู
ใครใช้สูตรนี้ถูพื้นบ้านบอกได้เลยบ้านหอมฟุ้ง เตรียมน้ำอุ่น 1 ถัง (น้ำอุ่นจะช่วยให้กลิ่นหอมจากน้ำยาทำความสะอาดกระจายได้ดีมากขึ้น) หากไม่มีน้ำอุ่นใช้น้ำอุณหภูมิปกติแทนได้ เทน้ำส้มสายชูลงไป 2-3 ช้อนโต๊ะ เทน้ำยาล้างจานในปริมาณที่เท่ากัน หลังจากนั้นก็เทน้ำยาปรับผ้านุ่ม 1-2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำอุ่นในถังค่อยๆ ไม่ให้เกิดฟองเยอะ และนำไปถูพื้นบ้านให้หอมสดชื่นได้เลย
วิธีการถูพื้นบ้านให้หอมสะอาดสดชื่นไม่ยากอย่างที่คิด นอกจากการถูพื้นบ้านให้หอมแล้วภายในบ้านควรมี ไอเท็มที่ทำให้บ้านหอมสะอาดสดชื่น เพื่อทำให้บรรยากาศภายในบ้านมีแต่กลิ่นหอมสดชื่นอยู่ตลอดเวลา สำคัญที่สุดคือเมื่อถูพื้นบ้านเสร็จแล้วอย่าลืมทำความสะอาดถังล้างและผ้าม็อบให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันกลิ่นเหม็นอับและเชื้อราที่จะตามมาได้ หากใครไม่มีเวลาถูพื้นบ้านแนะนำให้ใช้บริการแม่บ้านออนไลน์จาก Bluuu ให้ไปถูพื้นที่บ้านได้เลย รับรองว่าบ้านหอมสดชื่นง่ายๆ ราคาประหยัดจากแม่บ้านมืออาชีพ กดจอง ได้เลย
ผู้เขียน
Nannicha P.

บอกลาเสื้อเหม็นเหงื่อ วิธีกำจัดกลิ่นตัวติดเสื้อให้หายเกลี้ยง
11 มกราคม 2025กลิ่นเหงื่อหรือกลิ่นรักแร้ที่ติดบนเสื้อแล้วซักไม่หาย เป็นปัญหาที่ใครหลายๆคนมักพบเจอ เกิดขึ้นได้ทั่วไป ทั้งความชื้นจากเหงื่อและอากาศที่ร้อนอบอ้าวของประเทศไทย ไม่เพียงแต่คนที่ชอบออกกำลังกายเท่านั้น แบคทีเรียต่างๆที่มาจากเหงื่อไคลและรักแร้ ส่งผลให้เสื้อผ้าที่ใส่มีกลิ่นเหม็นตามมานั่นเอง
สาเหตุของกลิ่นเหงื่อติดเสื้อ
- กลิ่นตัวจากเหงื่อไคลและแบคทีเรีย
- การสะสมของคราบเหงื่อและสารเคมีจากผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย
- การซักผ้าที่ยังไม่สะอาด หรือยังเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าไม่เหมาะสม
- การหมักเสื้อผ้าที่เปียกเหงื่อไว้เป็นเวลาหลายวัน จนกลิ่นติดเข้าเนื้อผ้า
เคล็ดลับกำจัดกลิ่นเหงื่อติดเสื้อ
ลำดับแรกควรแยกเสื้อที่มีกลิ่นออกจากตัวอื่น และนำไปซักทันทีไม่ควรปล่อยไว้จนแห้งหรือทิ้งไว้หลายวัน
- ซักผ้าด้วยน้ำร้อน : การซักผ้าด้วยน้ำร้อนเป็นอีกวิธีแรกๆที่ทำตามง่าย เนื่องจากน้ำร้อนจะช่วยไปละลายคราบโรลออนหรือผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ติดอยู่ในเสื้อผ้า ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นรักแร้ติดเสื้อนั่นเอง แต่อาจต้องศึกษาจากเนื้อผ้านั้นๆด้วยว่าสามารถซักด้วยน้ำร้อนได้หรือไม่ สามารถใช้ร่วมกับการซักด้วยน้ำส้มสายชูหรือผงซักฟอกสูตรกำจัดแบคทีเรีย
- ใช้เบกกิ้งโซดา + ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ กำจัดกลิ่นตัวที่ติดเสื้อ โดยป้ายทิ้งไว้ 5-10 นาทีแล้วขยี้บริเวณตะเข็บเสื้อรักแร้ แล้วนำไปซักปกติ
- ใช้เบกกิ้งโซดา + ผงซักฟอก + น้ำส้มสายชู ผสมกันให้เป็นเนื้อครีม นำมาป้ายบริเวณที่มีคราบหรือกลิ่นบริเวณรักแร้ป้ายทิ้งไว้ 5-10 นาทีแล้วขยี้ จากนั้นนำไปซักด้วยผงซักฟอกปกติวิธีนี้มีแม่บ้านหลายๆท่านใช้แล้วได้ผลดี
- ผสมน้ำยาฆ่าเชื้อโรค (เดทตอล) ในขั้นตอนการแช่ผ้า เมื่อเราแยกเสื้อที่มีกลิ่นตัวออกมาแล้วให้แช่ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคโดยไม่ต้องผสมน้ำยาซักผ้า แช่ไว้ข้ามคืน แล้วนำมาซักด้วยน้ำยาซักผ้าปกติ รับรองว่าลดกลิ่นเหงื่อ กลิ่นรักแร้ได้ดีทีเดียว
*เลือกสูตรที่สาสามรถใช้ทำความสะอาดเสื้อผ้าได้
- หากเสื้อผ้ามีกลิ่นเหงื่อ หรือกลิ่นตัว ให้นำผ้าแช่น้ำส้มสายชูไว้ 1 คืน หรือใส่น้ำส้มสายชูในขวดสเปรย์แล้วฉีดบริเวณที่มีกลิ่น ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วนำไปซักปกติ
*ข้อควรระวังคือ น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรด ควรอ่านป้ายสัญลักษณ์ที่เสื้อให้ละเอียดก่อน

- กำจัดกลิ่นรักแร้บนเสื้อ โดยใช้แอลกอฮอล์ 70% นำมาชุบสำลีหรือราดทิ้งไว้บริเวณตะเข็บเสื้อรักแร้ ทิ้งไว้สัก 10-20 นาทีแล้วนำไปซัก ด้วยน้ำยาซักผ้าสูตรกำจัดแบคทีเรีย วิธีนี้เป็นอีกวิธีหนึ่งที่แม่บ้านนิยมใช้เพราะทำง่ายและประหยัดค่าใช้จ่าย
- ใช้ไฮเตอร์ (เลือกใช้ผ้าขาวหรือผ้าสี) ผสมลงไปซักกับน้ำยาซักผ้าสูตรกำจัดแบคทีเรีย ข้อควรระวังคือผ้าบางชนิดไม่สามารถใช้กับสารฟอกขาวได้ ควรอ่านสัญลักษณ์บนเสื้อให้ละเอียดก่อนใช้งาน
- กำจัดกลิ่นเหงื่อบนเสื้อโดยใช้น้ำยา Zoflora เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัส สามารถนำมาซักผ้าเพื่อขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์บนเสื้อผ้าได้ได้ นอกจากนี้ยังสามารถผสมน้ำเช็ดถูพื้นเพื่อกำจัดเชื้อโรคและกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในบ้านได้อีกด้วย
*สามารถหาซื้อได้ตามช่องทางออนไลน์และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
- ใช้สเปรย์โฟมขจัดคราบ ไฮยีน ฉีดตรงบริเวณที่มีกลิ่น ทิ้งไว้ 3-4 ชั่วโมง และซักตามปกติ สเปรย์โฟมนี้ยังสามารถช่วยขจัดคราบชากาแฟ คราบอาหาร และคราบโรลออนได้อีกด้วย วิธีนี้ผู้เขียนทดลองใช้แล้วได้ผลค่อนข้างดีเลยค่ะ
*หาซื้อได้ตามช่องทางออนไลน์และซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ราคาหลักสิบเท่านั้น
- กรณีกลิ่นตัวหรือกลิ่นเหงื่อติดแรงซักไม่ออก ให้นำเสื้อไปต้มในน้ำเดือดแล้วใส่น้ำส้มสายชู ต้มประมาณ 10 นาที แล้วนำมาซักด้วยน้ำยาซักผ้าปกติ งดการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม
การป้องกันกลิ่นเหงื่อติดเสื้อ ควรแก้ที่ต้นเหตุ
- ใช้สบู่กำจัดแบคทีเรีย เช่น สบู่อาเซฟโซ่ ฟอกไว้ที่รักแร้ 1 นาที แล้วล้างออก เมื่ออาบน้ำเสร็จให้ทารักแร้ด้วยสารส้ม
- ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ไม่ทิ้งคราบ เปลี่ยนโรลออนจากสเปรย์หรือแบบน้ำ เป็นแบบ stick หรือ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากสารส้ม เช่น สเปรย์สารส้ม ,แป้งเต่าเหยียบโลก เป็นต้น
- ใช้ขิงแบบผงผสมกับเบกกิ้งโซดาผสมน้ำเล็กน้อย แล้วนำมาถูรักแร้ ก่อนอาบน้ำ เช้า-เย็น
- ไม่ปล่อยให้ขนรักแร้ยาวเกินไป ควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หัวหอม หรืออาหารรสจัด
- เลือกเนื้อผ้าที่ช่วยระบายเหงื่อ ระบายความร้อนได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย หรือผ้าที่ผสมใยฝ้าย
- เสื้อผ้าที่ใส่ออกกำลังกายหรือมีกลิ่นตัวให้รีบนำไปซักทันที ไม่ควรปล่อยใส่ตะกร้าทิ้งไว้นานๆ เพื่อไม่ให้เกิดการอับชื้น
- ไม่ควรซักผ้าทีเดียวเยอะๆ เนื่องจากประสิทธิภาพในการซักของเครื่องจะน้อยลง หากมีเสื้อที่เหม็นกลิ่นตัวให้แยกออกมาซักมือ ขยี้บริเวณรักแร้ แล้วนำไปซักปกติ
หากใครกำลังเจอปัญหากลิ่นตัวหรือกลิ่นรักแร้ติดเสื้อผ้า ลองนำเคล็ดลับนี้ไปใช้ดูนะคะ เพื่อเสื้อผ้าที่หอมสะอาด เพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้อ่านนะคะ
หรือหากใครกำลังมองหาแม่บ้านแบบรายชั่วโมง ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดการให้บริการได้ที่ เว็บไซต์ของเรา
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.

แนะนำ 5 ยี่ห้อหม้อทอดไร้น้ำมันยอดนิยม ใช้งานง่าย ราคาคุ้ม
10 มกราคม 2025ปัจจุบันผู้คนต่างกลับมาให้ความสำคัญกับสุขภาพกันมากขึ้น ให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย นับได้ว่า ปัจจุบันมีเครื่องมือสำหรับปรุงอาหารที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น บวกกับเครื่องปรุงต่างๆถูกออกแบบและคิดค้นมาสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักและรักษาสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น อีกหนึ่งเครื่องครัวที่จะพูดถึงก็คือ “หม้อทอดไร้น้ำมัน” นั่นเอง
หม้อทอดไร้น้ำมันคืออะไร หม้อทอดไร้น้ำมัน หรือ Air Fryer เป็นอุปกรณ์ทำอาหารชนิดที่ใช้ลมร้อนในการทำให้อาหารสุก แทนการใช้น้ำมัน โดยหากใส่เนื้อสัตว์ที่มีไขมันลงไป อย่างหมูสามชั้น หม้อทอดไร้น้ำมันก็จะช่วยรีดน้ำมันจากเนื้อสัตว์ให้ออกมาอีกด้วย และสามารถประกอบอาหารได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ปลาทอด ไก่ทอด เฟรนฟราย ไส้กรอกทอด นอกจากการทอดแล้วย้งสามารถใช้ทำเบเกอร์รี่ ทำการอบได้ เช่น คัพเค้ก เป็นต้น
ปัจจุบันมีหม้อทอดไร้น้ำมันตามท้องตลาดออกมาวางขายกันมากมายตั้งแต่ราคาหลักร้อยปลายๆ ถึงหลักพัน ทั้งนี้ราคาก็จะขึ้นอยู่ที่ขนาดความจุของหม้อและฟังก์ชั่นที่แตกต่างกันออกไปด้วย
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อหม้อทอดไร้น้ำมัน
ก่อนการเลือกซื้อควรพิจารณาจาก ความจุและขนาดของหม้อทอดไร้น้ำมัน ซึ่งหม้อทอดมีขนาดตั้งแต่ 2 ลิตร ถึง 8 ลิตร ควรดูจากจำนวนสมาชิกในครอบครัว ฟังก์ชั่นการใช้งาน และคุณสมบัติพิเศษ ดูงบประมาณที่เหมาะสม เพราะแต่ละยี่ห้อก็มีฟังก์ชั่นและราคาที่แตกต่างกันออกไป และที่สำคัญต้องพิจารณาจากการรับประกันและบริการหลังการขายด้วย
แนะนำ 5 ยี่ห้อหม้อทอดไร้น้ำมันยอดนิยม

- หม้อทอดไร้น้ำมัน Philips Air fryer 2000 Series
- จุดเด่น : เป็นรุ่นฮิตและนิยมใช้กันมาก เนื่องจากมี 13 ฟังก์ชั่นการใช้งาน เทคโนโลยี Rapid Air ทำให้อาหารกรอบมากยิ่งขึ้น ตัวหม้อเป็นแบบกระจกใสทำให้สามารถมองเห็นอาหารด้านในได้
- ความจุ : 4.2 ลิตร (มีหลายขนาดให้เลือก)
- ราคาประมาณ : 3,490 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : มีหน้าต่างเพื่อดูอาหารด้านใน ใช้งานง่ายแต่ราคาค่อนข้างสูง
- การรับประกัน : 24 เดือน
- หม้อทอดไร้น้ำมัน Xiaomi Mi Smart Air Fryer
- จุดเด่น : หม้อทอดไร้น้ำมัน Xiaomi สามารถควบคุมการทำงานได้จากแอพพลิเคชั่น Mi Home ผ่านมือถือ ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์ที่ล้ำสมัยมากๆ ใช้งานง่ายแถมยังราคาไม่ได้แพงจนเกินไป มีให้เลือกหลายขนาด
- ความจุ : 3.5 ลิตร (เหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง)
- ราคาประมาณ : 2,590 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : ขนาดค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น - มีเทคโนโลยีใหม่ๆซึ่งต้องเรียนรู้ระบบการใช้งาน
- การรับประกัน : 1 ปี
3 . หม้อทอดไร้น้ำมัน Tefal 2 IN 1 EASY FRY & GRILL 2IN1 OIL-LESS fryer รุ่น EY501866
- จุดเด่น : สำหรับหม้อทอดไร้น้ำมัน Tefal เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าระดับต้นๆ ที่คนนิยมใช้ โดยจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คือ มีตะแกรงโลหะใช้งานได้แบบ 2 in 1 ทอดและย่าง ได้ในเครื่องเดียว
- ความจุ : 4.2 ลิตร (เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ 4-6 คน)
- ราคาประมาณ : 1,720 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่กว่ารุ่นอื่นๆ แต่เป็นวัสดุที่ทนความร้อนได้ดี
- การรับประกัน : 2 ปี

4 . หม้อทอดไร้น้ำมัน Gaabor 5L
- จุดเด่น : เป็นแบรนด์น้องใหม่ที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดีไซน์ทันสมัย มินิมอล โดยรุ่นนี้หม้อกระจกสามารถมองเห็นอาหารภายในได้ ทำให้เรารู้ว่าอาหารสุกหรือยัง และเค้ายังมีระบบความร้อน 360 องศา รับรองว่าอาหารสุกอย่างทั่วถึงแน่นอน
- ความจุ : 5 ลิตร (มีหลายขนาดให้เลือก)
- ราคาประมาณ : 1,990 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : มีระบบตัดไฟอัตโนมัติ แต่ขนาดค่อนข้างใหญ่และหนัก
- การรับประกัน 1 ปี (เปลี่ยนเครื่องใหม่)
5 . หม้อทอดไร้น้ำมัน Imarflex
- จุดเด่น : ด้วยดีไซน์ที่หรูหรา ตัวเครื่องไม่ใหญ่จนเกินไป และที่สำคัญตรงตัวหม้อทอดเป็นโถแก้วใส สามารถมองเห็นอาหารภายในได้ ปรับความร้อนและเวลาแบบหมุน รับรองว่าใช้งานง่ายเหมาะกับผู้เริ่มต้นแน่นอน
- ความจุ : 4.5 ลิตร (เหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง)
- ราคาประมาณ : 1,690 บาท
- ข้อดี/ข้อเสีย : ขนาดกระทัดรัดไม่ใหญ่มาก ดีไซน์ทันสมัย การดูแลรักษาอาจจะยากกว่ารุ่นอื่นเพราะเป็นโถแก้ว
- การรับประกัน : 1 ปี
หม้อทอดไร้น้ำมันแต่ละยี่ห้อก็มีฟังก์ชั่น ขนาด และราคาที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานขนาดครอบครัว จำนวนสมาชิกในครอบครัว หากอยู่คนเดียวก็สามารถใช้ขนาดเล็กลงได้ หรือเป็นขนาดเริ่มต้นที่ 2 ลิตร รับรองว่าประสบการณ์ในการทำอาหารของคุณจะดีขึ้นแน่นอน สามารถอ่านวิธีการใช้งานและการดูแลรักษาหม้อทอดไร้น้ำมันได้ที่ มือใหม่ต้องรู้!! วิธีใช้หม้อทอดไร้น้ำมันอย่างถูกต้อง ปลอดภัย
หรือหากคุณสนใจแม่บ้านช่วยเหลือในการทำความสะอาด แบบรายชั่วโมง ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ของเรา
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.

ใช้จ่ายประหยัดลงด้วย 7 วิธีทำความสะอาดบ้านด้วยมะนาว
09 มกราคม 2025มะนาวเป็นผลไม้ที่เราคุ้นเคยกันดีในครัวเรือน แต่คุณรู้หรือไม่ว่า มะนาวยังสามารถนำมาใช้ในการทำความสะอาดบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติของกรดซิตริกในมะนาวที่ช่วยขจัดคราบมัน คราบสกปรก และยังช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย วันนี้เราจะมาบรรยายถึงวิธีการใช้มะนาวเพื่อทำความสะอาดบ้านในหลายๆ ส่วนอย่างละเอียด
ทำไมต้อง มะนาว ?

น้ำมะนาวมีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งสามารถสลายคราบไขมันและคราบสิ่งสกปรกต่างๆ ได้ดี นอกจากนี้ กลิ่นของมะนาวยังช่วยเพิ่มความสดชื่นและช่วยลดกลิ่นอับในบ้านได้โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี ซึ่งอาจส่งผมเสียต่อสุขภาพและร่างกายของเรา การนำมะนาวมาใช้ในการทำความสะอาดจึงเป็นทั้งวิธีที่ปลอดภัยต่อสุขภาพและยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
วิธีใช้มะนาวในการทำความสะอาดบ้าน
- ขจัดคราบมันในห้องครัว
ใช้น้ำมะนาวกับเบกกิ้งโซดา เริ่มจากการบีบน้ำมะนาวลงในชามแล้วผสมกับเบกกิ้งโซดาให้เป็นเนื้อข้น แล้วใช้ฟองน้ำหรือผ้าจุ่มส่วนผสมแล้วถูบริเวณที่มีคราบจนกว่าคราบจะค่อยๆจางหายไป แล้วจึงล้างด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้ง วิธีนี้เหมาะสำหรับการล้างคราบมันที่ติดอยู่บนพื้นผิว เช่น เคาน์เตอร์ครัว หรือเตาแก๊ส
- ใช้ดับกลิ่นไมโครเวฟ
ใช้แก้วน้ำที่มีน้ำมะนาวบีบใส่ พร้อมกับเปลือกมะนาว วางในไมโครเวฟแล้วเปิดเครื่องให้ทำงาน 3 นาที ความร้อนจะช่วยให้น้ำมะนาวระเหยและทำให้กลิ่นไม่พึงประสงค์หายไป พร้อมกับทำให้คราบอาหารที่ติดผนังไมโครเวฟอ่อนตัวลง ทำให้ง่ายต่อการเช็ดทำความสะอาด
- ทำความสะอาดกำจัดคราบหินปูนห้องน้ำ
มะนาวสามารถละลายคราบหินปูนที่สะสมอยู่บนพื้นกระเบื้องหรือสุขภัณฑ์ได้อย่างดี เพียงเตรียมน้ำมะนาวกับเกลือหยาบ และโรยเกลือหยาบลงบนบริเวณที่มีคราบหินปูน บีบน้ำมะนาว ลงไปแล้วทิ้งไว้ 10 นาที ใช้แปรงถูเบาๆ และล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- ใช้ดับกลิ่นในตู้เย็น
การใช้มะนาวเพื่อดับกลิ่นในตู้เย็นเป็นวิธีธรรมชาติที่ง่ายและได้ผลดี เริ่มต้นจากการเช็คของภายใน หากพบอาหารหรือวัตถุดิบที่หมดอายุหรือส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ ควรนำออกก่อน จากนั้นทำความสะอาดตู้เย็นด้วยน้ำอุ่นผสมเบกกิ้งโซดา โดยใช้ฟองน้ำหรือผ้านุ่มเช็ดบริเวณชั้นวางและผนังด้านใน เพื่อขจัดคราบและกลิ่นสะสม
หลังจากทำความสะอาดตู้เย็นแล้ว ให้นำมะนาวสดประมาณ 2-3 ลูก มาผ่าครึ่งหรือหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นวางมะนาวลงในถ้วยเล็ก ๆ หรือวางไว้บนชั้นวางในจุดต่าง ๆ ของตู้เย็น ซึ่งมะนาวจะช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ พร้อมปล่อยกลิ่นหอมสดชื่นของธรรมชาติให้กับตู้เย็นอีกด้วย
- ขัดก๊อกน้ำ
เริ่มต้นด้วยการเตรียมมะนาว 1 ลูก ผ่าครึ่งให้เรียบร้อย มะนาวจะเป็นตัวช่วยธรรมชาติที่เหมาะสำหรับการทำความสะอาดคราบต่าง ๆ บนก๊อกน้ำ เช่น คราบหินปูนหรือคราบน้ำที่สะสมมานาน
เมื่อได้มะนาวแล้ว ให้นำด้านเนื้อของมะนาวมาถูลงไปบนพื้นผิวของก๊อกน้ำ โดยถูในลักษณะเป็นวงกลมให้ทั่วบริเวณที่มีคราบสกปรก หลังจากถูไปทั่วแล้ว ให้ทิ้งน้ำมะนาวไว้บนก๊อกน้ำประมาณ 5 ถึง 10 นาที เพื่อให้กรดในมะนาวทำปฏิกิริยาและสลายคราบฝังลึกเมื่อครบเวลา ใช้ฟองน้ำหรือผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดน้ำมะนาวออกจนหมด แล้วตามด้วยการล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง สุดท้ายใช้ผ้าแห้งสะอาดเช็ดก๊อกน้ำให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันการเกิดคราบน้ำใหม่หากเจอคราบที่ฝังแน่นมาก
อาจเพิ่มเกลือลงบนเนื้อมะนาวเล็กน้อยก่อนถู เพราะเกลือจะช่วยเพิ่มแรงขัดให้ได้ผลดียิ่งขึ้น การทำเช่นนี้จะช่วยให้ก๊อกน้ำของคุณกลับมาดูสะอาดและเงางามเหมือนใหม่
- กำจัดสนิมบนมีด
เพียงแค่นำมีดที่มีสนิมแช่ในน้ำมะนาว ทิ้งไว้ 3-5 นาที แล้วนำมาเช็ดให้แห้ง ถ้าหากทำแล้วสนิมยังไม่หมดในครั้งแรก สามารถทำซ้ำวิธีเดิมได้จนกว่าจะกลับมาเงางามดังเดิม แแล้วเมื่อทำความสะอาดเสร็จแล้ว ควรทาน้ำมันบางๆบนมีดเพื่อป้องกันการเกิดสนิมในอนาคต
- ซักผ้าขาว
การซักผ้าขาวด้วยมะนาวเป็นวิธีพื้นบ้าน ที่ช่วยคืนความขาวสะอาดให้กับผ้าที่เริ่มหมองคล้ำหรือมีคราบสกปรกโดยไม่ต้องใช้สารเคมีรุนแรง
เริ่มต้นด้วยการเตรียมน้ำอุ่นในกะละมังหรือถังสำหรับแช่ผ้า ปริมาณน้ำควรเพียงพอสำหรับการแช่ผ้าขาวที่ต้องการทำความสะอาด จากนั้นนำมะนาวสด 2-3 ลูก ผ่าครึ่งและบีบน้ำมะนาวลงในน้ำอุ่น คนให้น้ำมะนาวกระจายตัวในน้ำนำผ้าขาวที่ต้องการซักลงแช่ในน้ำผสมมะนาว ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความหมองคล้ำหรือคราบบนผ้า หากผ้ามีคราบสกปรกฝังแน่น สามารถใช้เปลือกมะนาวถูบริเวณคราบก่อนนำลงแช่ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบหลังจากแช่เสร็จ ให้ซักผ้าตามปกติด้วยมือหรือเครื่องซักผ้า โดยใช้น้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยน เมื่อล้างน้ำออกจนสะอาดแล้ว ควรตากผ้าในที่ที่มีแสงแดดจัด เพราะแสงแดดจะช่วยเสริมกระบวนการฟอกขาวตามธรรมชาติ
มะนาวเป็นตัวช่วยที่ครบเครื่องทั้งในเรื่องของการกำจัดคราบสกปรก กำจัดกลิ่น และยังช่วยทำให้บ้านของคุณสะอาดสดชื่นได้ในเวลาเดียวกัน หากคุณกำลังมองหาวิธีทำความสะอาดที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และใส่ใจสิ่งแวดล้อม การใช้มะนาวอาจเป็นคำตอบที่คุณมองหา ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ แล้วคุณจะพบว่าการทำความสะอาดด้วยมะนาวนั้นง่ายและได้ผลอย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว! แต่ถ้าใครไม่อยากทำงานบ้านเอง ขอแนะนำ bluuu บริการแม่บ้านออนไลน์ยอดนิยมที่ให้บริการแม่บ้านคุณภาพ กดจองได้ง่ายๆในไม่กี่นาที เพียงเท่านี้ คุณก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาดของบ้านคุณอีกต่อไป
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.

ต้องใช้เวลากี่ชั่วโมงเพื่อทำความสะอาดบ้าน?
07 มกราคม 2025คุณควรจองเวลาทำความสะอาดบ้านกี่ชั่วโมง? แน่นอนว่าวิธีนี้แตกต่างกันไปในแต่ละบ้าน เนื่องจากขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความถี่ในการทำความสะอาด จำนวนสิ่งของที่คุณมีอยู่ ความเป็นระเบียบ ความสกปรก เป็นต้น
แต่มีวิธีง่ายๆ มากในการประมาณคร่าวๆ ว่าโดยปกติแล้วงานส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่จึงจะเสร็จ ผมเป็นเจ้าของบริการแม่บ้านออนไลน์อันดับต้นๆ ของประเทศไทย ดังนั้นผมจึงรู้จากประสบการณ์ตรงว่าปกติแม่บ้านใช้เวลาเฉลี่ยนานแค่ไหนในการทำความสะอาดบ้าน ดังนั้นข้อมูลนี้จึงควรเชื่อถือได้
- วิธีคำนวณจำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ในการทำความสะอาดบ้าน
จำนวนชั่วโมงขั้นต่ำที่จำเป็นในการทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ (เช่น ทำความสะอาด 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์) สามารถคำนวณได้ด้านล่างนี้:
จำนวนห้องนอน + 2 ชั่วโมง = จำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ในการทำความสะอาด
หมายเหตุ: จำนวนห้องนอนสามารถแทนที่ด้วยจำนวนห้องน้ำได้ เนื่องจากโดยปกติแล้ว จำนวนทั้งสองห้องควรจะเท่ากัน
ตัวอย่างที่ 1: สำหรับคอนโด 2 ห้องนอน เวลาที่ต้องใช้ขั้นต่ำคือ 4 ชั่วโมง (2 ห้องนอน + 2 ชั่วโมง = 4 ชั่วโมง)
ตัวอย่างที่ 2: สำหรับบ้าน 4 ห้องนอน เวลาที่ต้องใช้ขั้นต่ำคือ 6 ชั่วโมง (4 ห้องนอน + 2 ชั่วโมง = 6 ชั่วโมง)
นี่คือเวลาที่ต้องใช้สำหรับการทำความสะอาดบ้านทั่วไปและเป็นประจำ เช่น ล้างจาน ทำความสะอาดห้องน้ำ ครัว เปลี่ยนผ้าปูที่นอน เป็นต้น แต่ไม่รวมการรีดผ้า ดังนั้น หากคุณมีเสื้อผ้าที่ต้องรีด โปรดเพิ่มเวลาอีก 1-2 ชั่วโมง ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณเสื้อผ้าที่ต้องรีด
นี่คือวิธีที่เว็บไซต์ของเราแนะนำจำนวนชั่วโมงในการจอง และถือเป็นหลักเกณฑ์ที่ดีในการตัดสินว่าควรจองกี่ชั่วโมงขั้นต่ำ
- อาจจะลดจำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ได้อย่างไร
จำนวนชั่วโมงจริงที่ต้องใช้ในการทำความสะอาดอาจแตกต่างกันไป มันขึ้นอยู่กับความถี่ในการทำความสะอาด อย่างเช่น หากคุณทำความสะอาดบ้านมากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ จำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้แต่ละครั้งก็ควรจะลดลง ดังนั้น สำหรับคอนโดที่มี 2 ห้องนอน ซึ่งโดยปกติต้องใช้เวลาขั้นต่ำ 4 ชั่วโมงต่อครั้ง ก็อาจทำความสะอาดเสร็จภายใน 3 ชั่วโมงได้ หากทำความสะอาด 5-6 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งก็คือเกือบทุกวัน
ปัจจัยอีกอย่างที่ต้องพิจารณาคือการเรียนรู้ของแม่บ้าน หลังจากทำงานที่บ้านของคุณเป็นเวลาหลายเดือน แม่บ้านจะคุ้นเคยกับการทำงานที่นั่น เรียนรู้ว่าอุปกรณ์อยู่ที่ไหน วิธีใช้อุปกรณ์ วิธีจัดระเบียบสิ่งของ ฯลฯ และจะเริ่มทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นี่ยังอาจจะลดจำนวนชั่วโมงที่ต้องใช้ต่อครั้งลงได้อีกด้วย
- สิ่งที่เราไม่ควรใช้วิธีคำนวณนี้
ไม่สามารถใช้กับงาน Big Cleaning (ทำความสะอาดครั้งใหญ่) ได้
นี่คือหลักเกณฑ์ทั่วไปในการทำความสะอาดบ้านเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และไม่ใช้กับงาน Big Cleaning เช่น การทำความสะอาดหลังย้ายออก ก่อนย้ายเข้า หลังปรับปรุงใหม่ หรือหลังจากไม่ได้ทำความสะอาดเป็นเวลานาน เช่นหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนด้วยซ้ำ Big Cleaning โดยปกติต้องใช้ทีมทำความสะอาด 3-4 คน อย่างน้อยครึ่งวันหรือทั้งวัน พร้อมอุปกรณ์พิเศษสำหรับขจัดคราบฝังแน่น และราคาจะอยู่ที่อย่างน้อย 5,000 บาท ดังนั้นสูตรนี้จึงใช้ไม่ได้กับงานประเภทนี้ ซึ่งแตกต่างจากงานดูแลบ้านทั่วไปโดยสิ้นเชิง
อย่าบีบบังคับแม่บ้านมากเกินไป
จากการให้บริการกับลูกค้าหลายพันท่านบนแพลตฟอร์มของเรา ผมเคยพบว่าลูกค้าบางท่านพยายามบีบบังคับแม่บ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยจองน้อยกว่าจำนวนชั่วโมงที่แนะนำและกดดันให้แม่บ้านทำงานเร็วขึ้นและหนักขึ้น ซึ่งมักจะไม่จบลงด้วยดีกับลูกค้าประเภทนี้ เพราะแม้แต่แม่บ้านที่ดีที่สุดของเราก็ยังเป็นมนุษย์เหมือนกัน และต้องมีเวลาหายใจ ดังนั้นแม้แต่แม่บ้านที่ดีที่สุดก็มักจะหมดแรงและในที่สุดก็ปฏิเสธงานจากลูกค้าเหล่านี้ เนื่องจากมันสร้างความเครียดมากเกินไป จากนั้นลูกค้าแบบนี้จะต้องเลือกแม่บ้านที่มีความสามารถน้อยกว่าหรือพยายามหาแม่บ้านใหม่ เพราะไม่มีใครอยากทำงานต่อไป ดังนั้น โปรดใจดีกับแม่บ้าน และในทางกลับกัน แม่บ้านก็จะภักดีต่อคุณมากขึ้น และนั่นจะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นมากในระยะยาว
ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ ผมเป็นเจ้าของบริการแม่บ้านทำความสะอาดออนไลน์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ดังนั้นหากคุณต้องการบริการแม่บ้านรายวันหรือรายสัปดาห์ กรุณาลองดูลิงก์นี้ เรามีแม่บ้านคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทย
ขอบคุณที่อ่านจนจบ 🙏
===
เขียนโดย Daigo Yoda
ผู้ก่อตั้งและ CEO Bluuu

ซักเสื้อสีดำยังไง ไม่ให้ซีดเร็ว เคล็ดลับง่ายๆ แต่ใช้ได้จริง!!
04 มกราคม 2025เสื้อผ้าสีดำเป็นเสื้อผ้าที่ดูเรียบๆ แต่ก็ให้ลุคที่ดูเรียบหรู ผู้คนมากมายนิยมใส่เสื้อผ้าสีดำ ทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ปัญหาที่มักเจอบ่อยๆคือ เสื้อผ้าสีดำซีดลง สีไม่เข้มเหมือนตอนที่ซื้อมาใหม่ๆ หากคุณมีเสื้อผ้าสีดำอยู่เต็มตู้ นี่เป็นสิ่งที่คุณควรทราบจริงๆค่ะ ทางทีมงานแม่บ้าน Bluuu จะมาช่วยแนะนำวิธีซักผ้าสีดำยังไง ไม่ให้สีซีดจางเร็วนั่นเอง
การซักเสื้อสีดำมีข้อควรระวังอย่างไร
- แยกซัก : ควรแยกผ้าสีกับผ้าขาวทุกครั้งก่อนนำไปซัก ไม่ควรนำมาซักรวมกัน นอกจากนี้ควรแยกประเภทของผ้าที่จะซักด้วย ว่าควรซักเครื่องหรือซักมือ โดยปกติแล้วเสื้อผ้าสีดำส่วนมากเราจะนำเข้าเครื่องซักผ้า แต่ไม่ได้ดูชนิดของเนื้อผ้าว่าบางหรือหนา หากนำไปซักรวมกันอาจทำให้เกิดการเสียดสีแบบรุนแรงและทำให้เม็ดสีหลุดออกได้ง่าย
- ใช้น้ำเย็นในการซักเสื้อสีเข้ม : เนื่องจากการใช้น้ำร้อนในซักเสื้อสีดำอาจทำให้เม็ดสีหลุดออกง่ายกว่ามาก การซักด้วยน้ำเย็นจะช่วยถนอมเส้นใยผ้าสีดำให้สีเสื้อคงทนและสดใสมากยิ่งขึ้น ดังนั้นก่อนซักควรตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสมกันด้วยนะคะ
- เลือกโปรแกรมการซักที่อ่อนโยน : การซักเสื้อสีดำให้สีคงทนและไม่ซีดเร็วนั้นขึ้นอยู่กับความแรงในการซักด้วยค่ะ หากเราใช้โหมดซักผ้าปกติหรือโหมดขจัดคราบในการซักทุกครั้ง เมื่อผ้ามีการเสียดสีกันอย่างรุนแรงในเครื่องซักผ้า แน่นอนว่าเสื้อสีดำเม็ดสีอาจหลุดลอกออกมาได้ง่ายแน่นอน และไม่ควรปั่นแห้ง เพราะการปั่นแห้งจะมีแรงเหวี่ยงสูง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรใช้ถุงซักผ้า ดังนั้นควรเลือกโปรแกรมการซักที่อ่อนโยน บิดอย่างเบามือ และนำขึ้นตากทันที
- ใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่เหมาะสม : ปัจจุบันมีน้ำยาซักผ้าสูตรผ้าสีดำ ซึ่งช่วยชะลอการซีดของผ้า (ไม่ได้ทำให้ผ้าสีเข้มขึ้น) เหมาะสำหรับคนที่มีเสื้อสีดำเป็นจำนวนมาก มีจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป และการใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสีดำ ควรใช้แบบน้ำใส่แบบพอประมาณ ไม่ควรใช้แบบผง เนื่องจากแบบผงจะทำให้เกิดคราบขาวบนผ้าได้ง่ายนั่นเอง และที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงผงซักฟอกที่มีสารฟอกขาว
- การตากผ้า : ให้กลับเอาผ้าข้างในออก และไม่ควรให้ผ้าโดนแดดโดยตรง ควรตากในร่ม หรือโดนแดดอ่อนๆ หากไม่ได้กลับด้านเสื้อเวลาตากแดด รับรองว่าแดดประเทศไทยสามารถทำให้เสื้อสีดำของคุณซีดเร็วแน่ๆ เพราะความร้อนเป็นตัวการที่ทำให้เสื้อผ้าของเราสีซีดเร็ว

ขอควรระวังอื่นๆในการซักเสื้อสีดำ
- ไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มบ่อยเกินไป
- ไม่ควรรีดเสื้อสีดำด้วยความร้อนสูง
- หลีกเลี่ยงการซักบ่อยเกินความจำเป็น (ควรมีเสื้อหลายๆตัวผลัดกันใส่)
- ไม่ควรแช่ผ้าสีดำนานเกินไป
เสื้อสีดำซีดแล้ว แก้ไขได้อย่างไรบ้าง ?
เมื่อเวลาผ่านไป แม้คุณจะดูแลเสื้อสีดำดีแค่ไหนก็อาจมีซีดจางลงได้ สิ่งที่สามารถแก้ไขดีที่สุดคือหา “สีย้อมผ้า” คุณภาพดีมาใช้ ทำตามขั้นตอนที่ระบุในฉลาก เพียงเท่านี้เสื้อดำตัวโปรดของคุณก็กลับมาดูสดใสเหมือนเดิม
ข้อแนะนำ : หากคุณเป็นคนที่ชอบใส่เสื้อสีดำมากๆ แต่ไม่อยากให้เสื้อสีซีดเร็ว การเลือกเนื้อผ้าเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรเลือกซื้อโดยดูเนื้อผ้า และคุณภาพเป็นหลัก เพราะผ้าบางชนิดต่อให้ดูแลดีแค่ไหนก็ซีดเร็ว
การหมั่นดูแลเสื้อผ้าให้ดูดีอยู่เสมอทั้งรูปร่างและสีสัน รู้วิธีซักแบบถนอมผ้าและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะนอกจากจะช่วยทำให้ผู้สวมใส่ดูบุคลิกภาพดีแล้ว ยังช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อีกด้วย
นอกจากจะดูแลเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้ดีแล้วอย่าลืมดูแลบ้านให้สะอาดนะคะ เพราะถ้าบ้านสะอาดสุขภาพกายและสุขภาพใจก็จะดีขึ้นด้วยค่ะ หากคุณไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้าน บริการแม่บ้านรายชั่วโมงหรือแม่บ้านรายวันของเราช่วยคุณได้ค่ะ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ของเรา ทำจองง่าย ได้แม่บ้านคุณภาพดีที่ bluuu
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.