
ค้นหาแม่บ้านรายวัน รายชั่วโมง รายสัปดาห์
คุณภาพสูงสุดสำหรับทำความสะอาดบ้านและออฟฟิศ
ให้บริการไปแล้วมากกว่า 50,000 ครั้ง

ตรวจประวัติอาชญากรรม

ผ่านการอบรมคุณภาพ

แม่บ้านมีประสบการณ์

มีส่วนลดสูงสุด 18%

พื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล

มีทีมงานบริการลูกค้า
แม่บ้านรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์
หาแม่บ้านรายวันสำหรับครั้งเดียวหรือซื้อแพ็คเกจพร้อมส่วนลด 5-18% สำหรับแม่บ้านรายสัปดาห์ แม่บ้านประจำ
แม่บ้านทุกคนผ่านการคัดกรองสัมภาษณ์ ตรอจสอบประวัติอาชญากรรม การฝึกอบรม และควบคุมคุณภาพ
เจ้าหน้าที่จะหาแม่บ้านทดแทนในกรณีฉุกเฉิน (เช่น ป่วย อุบัติเหตุ ฯลฯ)
แม่บ้านอันดับสูงสุด










รีวิวจากคุณลูกค้า
ตั้งแต่เริ่มใช้บริการจาก Bluuu ก็หมดความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องแม่บ้านเลยค่ะ! เป็นแม่บ้านที่ขยัน เชื่อถือได้ และมีทักษะการทำความสะอาดที่ยอดเยี่ยม! ดิฉันยังค้นพบว่าการจองแบบแพ็คเกจนั้นได้ประโยชน์มาก เพราะมีทั้งส่วนลด ทั้งยังสามารถจองและเปลี่ยนแปลงตารางได้ง่ายผ่านระบบเว็บไซต์ภายในระยะเวลาที่กำหนดอีกด้วย ดิฉันจึงอยากแนะนำให้มาใช้บริการนี้เพราะมันตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการได้ดีมากเลยค่ะ!
Miho

เมื่อก่อนผมเคยใช้บริการที่คล้ายๆกับบริการนี้ และประสบปัญหาเรื่องความไม่น่าเชื่อถือของแม่บ้านมาหลายคน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดวงของคุณไป แต่ผมประทับใจจริงๆบริการจาก Bluuu ที่มีการตรวจสอบและรับรองความน่าเชื่อถือของแม่บ้านมาอย่างละเอียด ทั้งยังง่ายต่อการจอง และคุณภาพของแม่บ้านก็ดีกว่าบริการอื่นๆ ด้วยครับ การบริการลูกค้าของที่นี่ดีมาก ผมแนะนำบริการนี้เป็นอย่างยิ่งเลยครับ
David

จากที่ได้ใช้บริการแม่บ้าน Bluuu มาอย่างต่อเนื่อง ประทับใจการทำงานของแม่บ้านเป็นอย่างมาก สะอาด รวดเร็ว พูดเพราะ ตรงต่อเวลา และมีความรับผิดชอบตั้งใจทำงาน คิดว่าจะใช้บริการแม่บ้าน Bluuu ต่อไปเรื่อยๆค่ะ
Mint

ทางเราได้ใช้บริการแม่บ้านของ bluuu มาซักระยะหนึ่ง ค่อนข้างพอใจกับบริการ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน หรือในตัวเว็บไซต์ของ bluuu เนื่องจากค่อนข้างใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ส่วนตัวแม่บ้านที่มาให้บริการ ก็ค่อนข้างมีมารยาท และ ทำงานค่อนข้างดี รวดเร็ว ตามกำหนดเวลาค่ะ
Anny

ใช้งานง่าย ช่วยให้หาแม่บ้านมืออาชีพทั้งแบบทำความสะอาดที่บ้านและธุรกิจที่ถูกใจได้ไวครับ ส่วนตัวใช้งานมากว่า 1 ปีแล้ว ราคาดีสมเหตุสมผล ทำการจองไม่ยุ่งยาก แถมมีฟังก์ชั่นช่วยจองซ้ำในวัน-เวลาที่ต้องการได้ง่ายมากๆครับ แนะนำเลยครับ 😊
Ra

เราได้ใช้บริการแม่บ้านจาก Bluuu ซึ่งแม่บ้านที่มาทำความสะอาดทำงานได้ดีเยี่ยม มีประสิทธิภาพ และซื่อสัตย์ รวมไปถึงการใช้บริการในราคาที่เข้าถึงได้เมื่อเทียบกับการจ้างแม่บ้านเอง นอกจากนี้ยังมี Feature ที่มีความหลายหลายไม่เหมือนใครที่ตอบโจทย์ด้านการทำความสะอาดได้ดีที่สุด
Mark

สิ่งที่ดิฉันชอบมากสำหรับบริการนี้คือ การที่ดิฉันสามารถเลือกให้แม่บ้านคนเดิมมาทำความสะอาดในทุกสัปดาห์ตามต้องการโดยไม่จำเป็นต้องผูกกับวันหรือเวลาที่เฉพาะเจาะจงเลยค่ะ อย่างไรก็ตามหากพวกเขาไม่สะดวกในเวลานั้น แม่บ้านคนอื่นๆจาก Bluuu ก็สามารถทำงานได้ดีเยี่ยม สุภาพ และมีความเชี่ยวชาญเช่นกันค่ะ สำหรับใครที่ต้องการแม่บ้านแต่ไม่สะดวกเรื่องการทำสัญญาจ้างระยะยาวดิฉันขอแนะนำให้มาใช้บริการนี้เลยค่ะ
Lorraine

ตั้งแต่เริ่มใช้บริการจาก Bluuu ก็หมดความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องแม่บ้านเลยค่ะ! เป็นแม่บ้านที่ขยัน เชื่อถือได้ และมีทักษะการทำความสะอาดที่ยอดเยี่ยม! ดิฉันยังค้นพบว่าการจองแบบแพ็คเกจนั้นได้ประโยชน์มาก เพราะมีทั้งส่วนลด ทั้งยังสามารถจองและเปลี่ยนแปลงตารางได้ง่ายผ่านระบบเว็บไซต์ภายในระยะเวลาที่กำหนดอีกด้วย ดิฉันจึงอยากแนะนำให้มาใช้บริการนี้เพราะมันตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการได้ดีมากเลยค่ะ!
Miho

เมื่อก่อนผมเคยใช้บริการที่คล้ายๆกับบริการนี้ และประสบปัญหาเรื่องความไม่น่าเชื่อถือของแม่บ้านมาหลายคน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดวงของคุณไป แต่ผมประทับใจจริงๆบริการจาก Bluuu ที่มีการตรวจสอบและรับรองความน่าเชื่อถือของแม่บ้านมาอย่างละเอียด ทั้งยังง่ายต่อการจอง และคุณภาพของแม่บ้านก็ดีกว่าบริการอื่นๆ ด้วยครับ การบริการลูกค้าของที่นี่ดีมาก ผมแนะนำบริการนี้เป็นอย่างยิ่งเลยครับ
David

จากที่ได้ใช้บริการแม่บ้าน Bluuu มาอย่างต่อเนื่อง ประทับใจการทำงานของแม่บ้านเป็นอย่างมาก สะอาด รวดเร็ว พูดเพราะ ตรงต่อเวลา และมีความรับผิดชอบตั้งใจทำงาน คิดว่าจะใช้บริการแม่บ้าน Bluuu ต่อไปเรื่อยๆค่ะ
Mint

ทางเราได้ใช้บริการแม่บ้านของ bluuu มาซักระยะหนึ่ง ค่อนข้างพอใจกับบริการ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน หรือในตัวเว็บไซต์ของ bluuu เนื่องจากค่อนข้างใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ส่วนตัวแม่บ้านที่มาให้บริการ ก็ค่อนข้างมีมารยาท และ ทำงานค่อนข้างดี รวดเร็ว ตามกำหนดเวลาค่ะ
Anny

ใช้งานง่าย ช่วยให้หาแม่บ้านมืออาชีพทั้งแบบทำความสะอาดที่บ้านและธุรกิจที่ถูกใจได้ไวครับ ส่วนตัวใช้งานมากว่า 1 ปีแล้ว ราคาดีสมเหตุสมผล ทำการจองไม่ยุ่งยาก แถมมีฟังก์ชั่นช่วยจองซ้ำในวัน-เวลาที่ต้องการได้ง่ายมากๆครับ แนะนำเลยครับ 😊
Ra

เราได้ใช้บริการแม่บ้านจาก Bluuu ซึ่งแม่บ้านที่มาทำความสะอาดทำงานได้ดีเยี่ยม มีประสิทธิภาพ และซื่อสัตย์ รวมไปถึงการใช้บริการในราคาที่เข้าถึงได้เมื่อเทียบกับการจ้างแม่บ้านเอง นอกจากนี้ยังมี Feature ที่มีความหลายหลายไม่เหมือนใครที่ตอบโจทย์ด้านการทำความสะอาดได้ดีที่สุด
Mark

สิ่งที่ดิฉันชอบมากสำหรับบริการนี้คือ การที่ดิฉันสามารถเลือกให้แม่บ้านคนเดิมมาทำความสะอาดในทุกสัปดาห์ตามต้องการโดยไม่จำเป็นต้องผูกกับวันหรือเวลาที่เฉพาะเจาะจงเลยค่ะ อย่างไรก็ตามหากพวกเขาไม่สะดวกในเวลานั้น แม่บ้านคนอื่นๆจาก Bluuu ก็สามารถทำงานได้ดีเยี่ยม สุภาพ และมีความเชี่ยวชาญเช่นกันค่ะ สำหรับใครที่ต้องการแม่บ้านแต่ไม่สะดวกเรื่องการทำสัญญาจ้างระยะยาวดิฉันขอแนะนำให้มาใช้บริการนี้เลยค่ะ
Lorraine

ตั้งแต่เริ่มใช้บริการจาก Bluuu ก็หมดความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องแม่บ้านเลยค่ะ! เป็นแม่บ้านที่ขยัน เชื่อถือได้ และมีทักษะการทำความสะอาดที่ยอดเยี่ยม! ดิฉันยังค้นพบว่าการจองแบบแพ็คเกจนั้นได้ประโยชน์มาก เพราะมีทั้งส่วนลด ทั้งยังสามารถจองและเปลี่ยนแปลงตารางได้ง่ายผ่านระบบเว็บไซต์ภายในระยะเวลาที่กำหนดอีกด้วย ดิฉันจึงอยากแนะนำให้มาใช้บริการนี้เพราะมันตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการได้ดีมากเลยค่ะ!
Miho

เมื่อก่อนผมเคยใช้บริการที่คล้ายๆกับบริการนี้ และประสบปัญหาเรื่องความไม่น่าเชื่อถือของแม่บ้านมาหลายคน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดวงของคุณไป แต่ผมประทับใจจริงๆบริการจาก Bluuu ที่มีการตรวจสอบและรับรองความน่าเชื่อถือของแม่บ้านมาอย่างละเอียด ทั้งยังง่ายต่อการจอง และคุณภาพของแม่บ้านก็ดีกว่าบริการอื่นๆ ด้วยครับ การบริการลูกค้าของที่นี่ดีมาก ผมแนะนำบริการนี้เป็นอย่างยิ่งเลยครับ
David

ค่าบริการ
ครั้งเดียว
สามารถใช้บริการได้ตั้งแต่ 2 ชั่วโมงขึ้นไป ในราคาเริ่มต้นเพียง 500 บาทเท่านั้น
แพ็กเกจ
สามารถซื้อเครดิตได้สูงสุด 28 ครั้ง พร้อมรับส่วนลดพิเศษสูงสุด 18%
ระบบคัดกรองแม่บ้านที่เข้มงวด
100% ของแม่บ้านต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบประวัติที่เข้มงวด
เราเป็นแพลตฟอร์มให้บริการแม่บ้านเพียง “แห่งเดียว” ในประเทศไทยที่
- สัมภาษณ์แม่บ้านก่อนจ้าง เราสัมภาษณ์แม่บ้านทุกคน ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ คุณภาพในการให้บริการลูกค้า และประสบการณ์การทำความสะอาด
- ปฏิเสธแม่บ้านที่มีประวัติอาชญากรรมทุกประเภท (บริษัท อื่น ๆ ทั้งหมดยอมรับแม่บ้านที่มีประวัติที่ไม่เกี่ยวกับการขโมยหรือทำร้ายร่างกาย ตัวอย่างเช่น เล่นการพนัน) เราตรวจสอบประวัติอาชญากรรมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ระบบการฝึกอบรมที่เข้มข้น
100% ของแม่บ้านต้องผ่านกระบวนการฝึกอบรมทักษะที่จำเป็นสำหรับงานบ้านและฝึกทัศนคติด้านการบริการ
- ผ่านโปรแกรมการฝึกทักษะการทำงานบ้านมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ได้รับมาตรฐานระดับสูงของสมาคมแม่บ้านญี่ปุ่น
- ผ่านโปรแกรมการฝึกทักษะแม่บ้านในระดับต่าง ๆ ที่บริษัทกำหนดไว้ กรณีที่แม่บ้านต้องการยกระดับมาตรฐานการบริการให้สูงขึ้น
ผู้นำด้านเทคโนโลยี
Bluuu เป็นทั้งบริษัทด้านการบริการและผู้นำด้านเทคโนโลยี
- ภารกิจของ Bluuu คือการยกระดับมาตรฐานแรงงานด้วยเทคโนโลยี
- ผู้ก่อตั้ง Bluuu ได้รับแรงบันดาลใจจาก Google จึงมุ่งมั่นลงทุนในเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานให้กับทั้งผู้ใช้บริการและแม่บ้าน
จองเมื่อคุณต้องการ
เริ่มต้นเพียง 2 ชั่วโมงต่อครั้ง
เลือกแม่บ้านจนกว่าคุณจะพบแม่บ้านที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณ
มีกระบวนการสรรหาคนที่เข้มงวด
(สัมภาษณ์คัดเลือก และตรวจสอบประวัติอาชญากรรม)
มีการฝึกอบรมที่ครอบคลุม
1
กำหนดวัน / เวลาที่คุณต้องการ
2
เลือกแม่บ้านที่คุณต้องการ
หรือให้ Bluuu
แนะนำแม่บ้านให้คุณ
3
ยืนยันการจอง
ระบบจะแจ้งข้อมูลไปยังแม่บ้าน
และเข้าสู่ขั้นตอนการชำระเงิน
4
แม่บ้านกดรับงาน
เพียงเท่านี้การจองของคุณ
ก็เสร็จสมบูรณ์
เปลี่ยนกำหนดการนัดหมาย
หากต้องการเปลี่ยนแปลงวัน / เวลา นัดหมาย
สามารถติดต่อแม่บ้านผ่านทางโทรศัพท์
หรือติดต่อผ่านระบบแช็ตของ Bluuu
ยกเลิกการนัดหมาย
คุณสามารถยกเลิกการจองได้
ภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนถึงเวลานัดหมาย
1
แม่บ้านเดินทางถึงที่หมายและเริ่มทำงาน
2
เมื่องานเสร็จสิ้น คุณสามารถแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกับบริการของแม่บ้านได้
ทุกคำชมของคุณช่วยตอบแทนความตั้งใจ
ในการบริการของแม่บ้านได้เป็นอย่างดี
Recommended Articles

Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read more
Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read more
Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read more
Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read more
Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read more
Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read more
Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read more
Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read more
Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read more
Article Name
Writer Name
Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard
Date : 23/11/2019
Read moreบทความบล็อก

อัปเดต 7 ตลาดนัดกลางคืนใกล้รถไฟฟ้า เดินทางง่าย ช้อปเพลินไม่มีสะดุด!
27 February 2025ทำไมตลาดนัดกลางคืนถึงเป็นที่นิยม?
ตลาดนัดกลางคืนเป็นสถานที่ที่รวมเอา แหล่งช้อปปิ้ง อาหารอร่อย และ บรรยากาศสุดชิล มาไว้ด้วยกัน นอกจากจะมีของกิน ของใช้ และของฝากมากมายแล้ว ตลาดนัดกลางคืนยังเป็นที่ที่หลายคนมาพักผ่อนและสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนแบบสบาย ๆ โดยเฉพาะตลาดนัดกลางคืนที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า เดินทางง่าย สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องกลัวรถติด
หากคุณเป็นคนที่ ชอบเที่ยวตลาดกลางคืน วันนี้เรารวมมาให้แล้ว! 7 ตลาดนัดกลางคืนยอดฮิตที่อัปเดตล่าสุดปี 2025 ใกล้รถไฟฟ้า เดินชิล กินเพลิน ช้อปสนุก ครบทุกไลฟ์สไตล์!
1. ตลาดนัดจตุจักรกลางคืน - สวรรค์ของนักช้อปตัวจริง
📍 BTS หมอชิต | MRT กำแพงเพชร
🕒 วันและเวลาเปิด: วันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 17.00 - 23.00 น.

หากพูดถึงตลาดนัดกลางคืน ตลาดนัดจตุจักรเป็นจุดหมายปลายทางของนักช้อปที่ต้องมาเยือน ที่นี่รวมร้านค้ากว่า 8,000 ร้าน ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้าแฟชั่น, ของแต่งบ้าน, งานแฮนด์เมด และสินค้าหายาก เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวและคนไทยที่ชอบของดีราคาถูก
จุดเด่น: โซนวินเทจ สินค้าแฟชั่นแบรนด์ไทย อาหารสตรีทฟู้ด
ร้านเด็ดห้ามพลาด: ร้าน ราชาปลาหมึก Miruku Pure Milk (ร้านขายนมสดปั่นแท้ ๆ สไตล์ญี่ปุ่น)
2. JODD FAIRS พระราม 9 - ครบเครื่องเรื่องสตรีทฟู้ด
📍 MRT พระราม 9
🕒 วันและเวลาเปิด: ทุกวัน 16.00 - 24.00 น.

JODD FAIRS คือการกลับมาของตลาดนัดรถไฟรัชดาในรูปแบบใหม่! จุดเด่นของตลาดนี้คือ บรรยากาศย้อนยุคสุดชิค ร้านอาหารแนวสตรีทฟู้ด และเสื้อผ้าแฟชั่นในราคาย่อมเยา มีทั้งร้านของที่ระลึก ขายของฝาก ที่สำคัญคือเดินทางง่าย ใกล้เซ็นทรัลพระราม 9 เป็นตลาดนัดกลางคืนอีกที่ที่ครองใจวัยรุ่นและวันทำงานอย่างล้นหลาม
จุดเด่น: หมูสะเต๊ะ, มันฝรั่งทอดไซส์ยักษ์ และคาเฟ่บรรยากาศดี
ร้านเด็ดห้ามพลาด: กุ้ง กรุงเทพ (KUNG THEP) Xin Xin Mala Hotpot (ซิน ซิน หมาล่า) เล้งแซ่บ (LENGZABB)
3. ตลาดนัดกลางคืนอินดี้ ดาวคะนอง - ที่แฮงค์เอาท์ของวัยรุ่นฝั่งธนฯ
📍 BTS ตลาดพลู (ต่อรถเพียง 5 นาที)
🕒 วันและเวลาเปิด: ทุกวัน 16.00 - 24.00 น.

ตลาดอินดี้ ดาวคะนอง เป็นตลาดนัดกลางคืนขนาดกลางที่มีทั้งร้านอาหารแนวฟิวชั่น, บาร์นั่งชิล และสินค้าทำมือหลากหลาย ถือเป็นจุดรวมตัวของวัยรุ่นฝั่งธนฯ ที่ต้องการหาที่เที่ยวกลางคืนแบบชิล ๆ
จุดเด่น: ร้านสเต็กพรีเมียม คาเฟ่สไตล์มินิมอล และบรรยากาศริมคลองสุดโรแมนติก
ร้านเด็ดห้ามพลาด: 3 แซ่บ ยำมะม่วงปูม้า ตลาดอินดี้ ดาวคะนองร้านผัดไทนครสวรรค์ (เจ้นิ้งหน่อง)
4. ตลาดนัดเลียบด่วน รามอินทรา - ใหญ่สุดในย่านนี้!
📍 BTS วัชรพล
🕒 วันและเวลาเปิด: ทุกวัน 17.00 - 02.00 น.

ตลาดนัดกลางคืนขนาดใหญ่ที่เปิดดึกเอาใจสายเที่ยว มีทั้งร้านขายเสื้อผ้า, ของแต่งบ้าน และอาหารอร่อย จุดเด่นคือร้านอาหารทะเลเผาสด ๆ และพื้นที่นั่งชิลฟังดนตรี
จุดเด่น: กุ้งเผาตัวโต, ซีฟู้ดสด ๆ และร้านเสื้อผ้าสไตล์วินเทจ
ร้านเด็ดห้ามพลาด: ร้านกุ้งถัง ร้านปูไข่นคร ปูทะเลไข่ดอง เย็นตาโฟฟ้าผ่า
5. ตลาดนัดกลางคืน JJ Green 2 - ความชิคแบบฮิปสเตอร์
📍 BTS หมอชิต / MRT สวนจตุจักร
🕒 วันและเวลาเปิด: วันพฤหัส-อาทิตย์ 17.00 - 24.00 น.

ตลาดนัดกลางคืน JJ Green 2 กลับมาในทำเลใหม่! แถวประชาชื่น เลียบคลองประปา ยังคงความเป็นตลาดแนวฮิป ๆ ที่เต็มไปด้วยสินค้าแนววินเทจ เสื้อผ้ามือสอง และบาร์สไตล์ดนตรีสด
จุดเด่น: เสื้อยืดลายวินเทจ, รองเท้า Sneaker มือสอง และร้านนั่งชิล
ร้านเด็ดห้ามพลาด: บาร์ขนมจีน กุ้งยกกระทะ
6. ตลาด The One Ratchada - เปิดใหม่ มาแรงสุด!
📍 MRT ศูนย์วัฒนธรรม
🕒 วันและเวลาเปิด: ทุกวัน 17.00 - 24.00 น.

ตลาดใหม่ล่าสุดที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักช้อป มีทั้งร้านแฟชั่น คาเฟ่สุดคิ้วท์ และดนตรีสด บรรยากาศคล้ายตลาดรถไฟรัชดาเดิม
จุดเด่น: ร้านขนมไทยโมเดิร์น, บาร์ลับสไตล์เกาหลี และโซนเสื้อผ้าแฟชั่น
ร้านเด็ดห้ามพลาด: ร้านนมไมโล โรงเรียน (Milo Old School 90's) Fu Cheng ฟู่เฉิงข้าวโพดไฟลุก
7. ตลาดเซฟวัน โก - ตลาดสุดชิคแห่งใหม่ของสายชิลล์
📍 BTS แยก คปอ.
🕒 เปิด: ทุกวัน 16.00 - 23.00 น.

ตลาดนัดเซฟวัน โก เป็นตลาดน้องใหม่ที่กำลังมาแรง คนแน่นเกือบทุกวัน โดดเด่นด้วย อาหารที่ราคาไม่แพง คอนเซ็ปต์สตรีทมาร์เก็ตสไตล์โมเดิร์น รวมร้านค้าแฟชั่นสุดชิค อาหารสตรีทฟู้ดอร่อย ๆ และโซนนั่งชิลบรรยากาศดี
จุดเด่น: โซนร้านคาเฟ่สไตล์มินิมอล, อาหารทะเลเผาสด ๆ และร้านเสื้อผ้าแฟชั่นแนวสตรีท
ร้านเด็ดห้ามพลาด: Steak ไฟลุก พาสต้าเส้นสด by Pob MasterChef รุ่งเจริญทรัพย์ หมึก สด ย่าง
ถ้าคุณกำลังมองหาตลาดนัดกลางคืนที่เดินทางง่าย ใกล้รถไฟฟ้า บทความนี้ช่วยให้คุณเลือกตลาดที่ตรงใจได้แน่นอน! จะช้อปปิ้ง อิ่มอร่อย หรือหาที่นั่งชิล ก็มีครบทุกสไตล์ 💃🛍️ อย่าลืมเซฟลิสต์นี้ไว้ แล้วออกไปเที่ยวตลาดกลางคืนกันเถอะ! หลังจากเดินตลาดนัดกลางคืนมาเหนื่อยๆ ถ้าไม่อยากทำความสะอาดบ้านเอง อย่าลืมคิดถึงแม่บ้านออนไลน์ Bluuu จ้างแม่บ้านให้ไปดูแลบ้านของคุณด้วยแม่บ้านมืออาชีพในราคาสุดประหยัด กดจอง ได้ง่ายๆเลย!
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.

5 ห้องน้ำแมวอัตโนมัติยอดนิยม ยี่ห้อไหนเหมาะกับคุณ ?
24 February 2025ห้องน้ำแมวเป็นสิ่งสำคัญที่คนรักแมวต้องพิจารณาและตั้งใจเลือกเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทั้งเจ้าของและน้องแมว ซึ่งในยุคนี้มีห้องน้ำแมวให้เลือกหลายรูปแบบแต่หลักๆ จะมีห้องน้ำแมวอัตโนมัติและห้องน้ำแมวธรรมดา แต่ละแบบก็จะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป สำหรับใครที่ต้องการความสะดวกสบายให้น้องแมวมากนัก ห้องน้ำอัตโนมัติแมวก็เป็นอีกตัวเลือกที่จะช่วยจัดการปัญหาห้องน้ำแมวให้เจ้าของได้มากขึ้น วันนี้จะมาแนะนำห้องน้ำแมวอัตโนมัติที่ถูกใจทั้งเจ้าของและน้องแมวอย่างแน่นอน
✅ Neakasa M1 2024 ห้องน้ำแมวอัตโนมัติ
ห้องน้ำแมวอัตโนมัติแบบเปิดโล่งด้านบน สามารถใส่ทรายแมวได้มากสุดถึง 7.17 ลิตร มีพื้นที่ในการเก็บของเสียจากน้องแมวได้ 11.23 ลิตร ซึ่งคุ้มค่ามากๆ สามารถใช้ได้เฉพาะทรายแมวแบบทรายเบนโทไนท์เท่านั้น ไม่แนะนำให้ใช้กับทรายเต้าหู้ ห้องน้ำมีขนาดค่อนข้างสูงอาจจะไม่เหมาะสำหรับแมวขาสั้นหรือลูกแมวตัวเล็ก มีแอปพลิเคชันสำหรับติดตามผลการทำงานของห้องน้ำแบบเรียลไทม์ มีระบบการทำความสะอาดห้องน้ำแบบมอเตอร์หมุนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า กระบะทรายแมวด้านในสามารถถอดประกอบนำออกมาล้างทำความสะอาดได้ง่าย ราคาเริ่มต้นที่ 11,990 บาท

✅ Mister Robot x UBPet ห้องน้ำแมวอัตโนมัติ รุ่น C20
ออกแบบมาเพื่อรองรับแมวที่มีขนาดใหญ่ รองรับน้ำหนักน้องแมวตั้งแต่ 1.5-10 กิโลกรัมและสามารถเข้าห้องน้ำได้พร้อมกันถึง 𝟐 ตัว มีความปลอดภัยสูงด้วยเซนเซอร์ที่มีความแม่นยำสูงมากถึง 𝟗 จุด ไม่มีช่องแคบให้หนีบแมวแน่นอน สามารถใส่ทรายแมวได้ทุกประเภทที่สามารถจับตัวเป็นก้อนได้ มีความจุทรายแมวได้ไม่เกิน 3 ลิตร ตัวห้องน้ำอัตโนมัติรุ่นนี้ไม่สูงมากแมวสามารถเดินเข้าออกได้ง่าย มีแอปพลิเคชันตรวจเช็คสุขภาพน้องแมวและการใช้งานห้องน้ำของแมวแบบเรียลไทม์ สามารถตั้งเวลาทำความสะอาดห้องน้ำด้วยตัวเองได้ มีระบบการทำงานที่เงียบและเสียงเบามากเพียง 38 DB เท่านั้น ราคาเริ่มต้น 7,790 บาท ถูกใจทั้งคนเลี้ยงและน้องแมวอย่างแน่นอน

✅ PANDO X Petree Automatic Cat litter box Pro Wifi รุ่น 1
รุ่นนี้ดีไซน์มาโดยเน้นที่ความปลอดภัยและการใช้งานที่ตอบโจทย์แมวมากๆ รองรับน้ำหนักแมวขนาดเล็กตั้งแต่ 1.5-8 กิโลกรัม ออกแบบทางเข้าให้แมวเข้าออกได้ง่ายด้วยความสูงจากพื้นเพียง 17 เซนติเมตรเท่านั้น สามารถใช้ได้กับทรายแมวชนิดจับตัวเป็นก้อนกลมเล็ก เช่น ทรายแมวเบนโทไนท์ หรือทรายชนิดเกล็ดเล็ก เหมาะสำหรับแมวที่มีอายุมากกว่า 3 เดือนขึ้นไป รับความจุทรายแมวได้สูงสุด 4 ลิตร สามารถเชื่อมต่อ WIFI สั่งงานหรือตรวจสอบการใช้งานน้องแมวผ่านแอปพลิเคชันได้จากทุกที่ เครื่องทำงานได้เงียบด้วยความดังเพียง 40-60 DB ความปลอดภัยสูงด้วยเซนเซอร์ 4 จุดป้องกันแมวติดภายในห้องน้ำ มีระบบแจ้งเตือนเมื่อขยะเต็มถุง ความจุของตัวห้องน้ำอัตโนมัติแมวเก็บได้นาน 4 วัน ถอดประกอบทำความสะอาดได้ง่าย ราคาเริ่มต้น 7,699 บาท ราคาจับต้องได้ง่ายเลย

✅ PETKIT Pura-MAX LITE (2) ห้องน้ำแมวอัตโนมัติ
ห้องน้ำอัตโนมัติแมวที่เป็นรุ่นยอดนิยมอย่างมาก ตัวเครื่องออกแบบมาเน้นความปลอดภัยด้วยระบบเซนเซอร์มากถึง 13 จุด รับรองไม่หนีบน้องแมวไม่ว่าเครื่องจะทำงานอยู่หรือไม่ทางเข้าออกก็จะเปิดไว้อยู่เสมอ ทำให้น้องแมวปลอดภัยหายห่วง มีระบบช่วยป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ 3 ชั้นเก็บกลิ่นได้ดี สามารถจุทรายแมวได้สูงสุด 6 ลิตร มีถังเก็บของเสียมากถึง 7 ลิตรอยู่ได้นาน 15 วัน รุ่นนี้จะเหมาะสำหรับแมวที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไป ระบบการทำงานของเครื่องค่อนข้างเงียบเสียงเบาถึง 35 DB. สามารถตั้งค่าและตรวจสอบการใช้งานต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชันได้สะดวกสบาย ทรายที่ใช้ได้ควรเป็นทรายที่จับตัวเป็นก้อน ราคาเริ่มต้น 9,200 บาท คุ้มค่าสุดๆ

ห้องน้ำแมวอัตโนมัติเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับชาวทาสแมวที่รักความสะอาดและต้องการความสะดวกสบาย ซึ่งห้องน้ำแมวอัตโนมัตินั้นมีข้อดีมากมายไม่ว่าจะเป็น เรื่องความสะอาด ประหยัดเวลา ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่ก็มีข้อเสียที่ผู้ซื้อต้องพิจารณาให้ดี เช่น ราคาสูง การใช้ไฟฟ้า ความปลอดภัย เป็นต้น ซึ่งไม่ว่าจะยังไงก็ต้องทำความสะอาดบริเวณที่เลี้ยงแมวทุกวัน โดยเฉพาะการดูดฝุ่นและถูพื้นในห้องแมว เป็นสิ่งที่ควรทำสม่ำเสมอ การเลือกซื้อห้องน้ำแมวอัตโนมัติควรพิจารณาปัจจัยหลายๆ อย่างเพื่อความคุ้มค่าสำหรับทั้งเจ้าของและเจ้าเหมียวให้มากที่สุดนั่นเอง 😺✨
สำหรับใครที่สนใจอยากให้แม่บ้านBluuu ไปช่วยถูพื้นทำความสะอาดภายในบ้าน แม่บ้าน Bluuu จัดให้ แม่บ้านมืออาชีพ ราคาดี จองง่าย บริการประทับใจแน่นอน
ผู้เขียน
Nannicha P.

อาหารก่อมะเร็ง! 5 ประเภทอาหารเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งที่ควรหลีกเลี่ยง
13 March 2025มีคำกล่าวว่า “You are what you eat” (เราคือสิ่งที่เรากิน) ซึ่งสะท้อนความจริงที่ว่าอาหารที่เราบริโภคส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว รวมถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ อย่างมะเร็งด้วย ปัจจุบันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าอาหารบางประเภทอาจเป็น อาหารก่อมะเร็ง ที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเซลล์มะเร็งหากรับประทานเป็นประจำ ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับอาหารที่อาจก่อมะเร็ง 5 ประเภทซึ่งควรหลีกเลี่ยง พร้อมอธิบายเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความเสี่ยงดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับทางเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งสำหรับผู้อ่านทั่วไปอีกด้วย
อาหารที่อาจก่อมะเร็งที่ควรเลี่ยง
- อาหารแปรรูป (ไส้กรอก แฮม เบคอน)

อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน และเนื้อสัตว์แปรรูปอื่น ๆ เป็นอาหารที่ผ่านกระบวนการถนอมและปรุงแต่งเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา ไม่ว่าจะด้วยการใส่เกลือ สารกันบูด การหมักหรือการรมควัน. กระบวนการเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดสารเคมีอันตรายที่เป็นสารก่อมะเร็งในอาหารได้ เช่น การรมควันหรือย่างด้วยความร้อนสูงอาจทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง ส่วนการใส่สารกันบูดประเภทไนไตรต์ในการหมักเนื้อสามารถทำให้เกิด ไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่ร้ายแรงได้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดให้เนื้อสัตว์แปรรูปอยู่ในกลุ่มสารก่อมะเร็งหมายเลข 1 ซึ่งหมายถึงมีหลักฐานเพียงพอว่าการบริโภคเนื้อแปรรูป เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งในมนุษย์ โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง คณะนักวิจัยของ IARC พบว่าการบริโภคเนื้อแปรรูป ทุก ๆ 50 กรัมต่อวัน (ประมาณไส้กรอกหรือเบคอน 1 ชิ้น) จะเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ประมาณ 18% ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ควรจำกัดปริมาณการทานอาหารแปรรูปเหล่านี้ให้น้อยที่สุดหรือบริโภคเป็นครั้งคราวเท่านั้น
- อาหารปิ้งย่างและไหม้เกรียม

อาหารปิ้งย่างที่ไหม้เกรียม เช่น เนื้อย่างที่มีส่วนเกรียมดำหรืออาหารทอดที่ทอดจนไหม้ เป็นแหล่งของสารก่อมะเร็งบางชนิดที่เกิดจากการปรุงอาหารด้วยความร้อนสูง เมื่อเนื้อสัตว์ถูกย่างหรือทอดด้วยอุณหภูมิสูงจนเกิดการไหม้เกรียม ไขมันและโปรตีน ในเนื้อจะเกิดปฏิกิริยากลายเป็นสารเคมีที่ชื่อว่า เฮเทอโรไซคลิกเอมีน (HCAs) และ พอลิไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs) สารเหล่านี้จัดเป็นสารก่อกลายพันธุ์ที่สามารถทำลายสารพันธุกรรม (DNA) ของเซลล์ได้ และหากร่างกายได้รับต่อเนื่องเป็นเวลานาน สารเหล่านี้อาจกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ไปเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด งานวิจัยชี้ว่าการได้รับสาร HCA และ PAH สะสมในระยะยาวสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งตับอ่อน แม้ว่าการรับประทานอาหารปิ้งย่างเป็นครั้งคราวจะไม่ได้ส่งผลทันที แต่หากรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยวิธีปิ้งย่างหรือทอดจนไหม้บ่อย ๆ ต่อเนื่องกันหลายปี ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย เพื่อความปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการกินส่วนที่ไหม้เกรียมของอาหาร ปรุงอาหารด้วยความร้อนที่พอเหมาะ และสลับไปใช้วิธีการประกอบอาหารอื่น ๆ เช่น ต้ม นึ่ง หรืออบ แทนการปิ้งย่างบ่อย ๆ
- อาหารที่มีสารกันบูดและวัตถุเจือปน (เช่น ไนไตรต์)

วัตถุกันเสียและสารเจือปน ในอาหารบางชนิดอาจมีส่วนกระตุ้นให้เกิดมะเร็ง โดยเฉพาะ สารไนไตรต์ (เช่น โซเดียมไนไตรต์) ซึ่งนิยมใช้ในการถนอมเนื้อสัตว์แปรรูปอย่างเบคอน แฮม ไส้กรอก และเนื้อเค็มต่าง ๆ. สารไนไตรต์ช่วยคงสีแดงชมพูของเนื้อให้น่ารับประทานและยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ทว่าไนไตรต์สามารถทำปฏิกิริยากับโปรตีนในเนื้อหรือกรดในกระเพาะอาหาร กลายเป็น ไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารเคมีกลุ่มที่มีศักยภาพก่อมะเร็งสูงโดยเฉพาะในเบคอนทอดหรืออาหารทอดบางชนิดที่มีไนไตรต์ สารไนโตรซามีนจะเกิดขึ้นในปริมาณที่สูงขึ้น แม้ว่าผู้ผลิตอาหารหลายรายจะเติมสารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซี (กรดแอสคอร์บิก) เพื่อยับยั้งการเกิดไนโตรซามีน แต่ความเสี่ยงจากสารกันบูดชนิดนี้ก็ยังมีอยู่ และมีงานวิจัยเชิงระบาดวิทยาหลายชิ้นที่เชื่อมโยงการบริโภคเนื้อหมักไนไตรต์กับอุบัติการณ์มะเร็งที่สูงขึ้นในเด็ก สตรีมีครรภ์ และผู้ใหญ่ นอกจากไนไตรต์ในเนื้อสัตว์แปรรูปแล้ว อาหารหมักดองเค็ม ที่มีปริมาณเกลือไนเตรตสูงก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งได้เช่นกัน ดังนั้นการหลีกเลี่ยงอาหารที่ใส่สารกันบูดโดยไม่จำเป็นและบริโภคอาหารสดใหม่เป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงการได้รับสารก่อมะเร็งเหล่านี้
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และน้ำอัดลม

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (เหล้า เบียร์ ไวน์) เป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีความสัมพันธ์ชัดเจนกับการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด เอทานอลในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกจัดให้เป็นสารก่อมะเร็งกลุ่มที่ 1 โดย IARC มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1988 ซึ่งหมายถึงมีหลักฐานเพียงพอว่า การดื่มแอลกอฮอล์สามารถก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์ ได้จริง การบริโภคแอลกอฮอล์ไม่ว่าจะมากหรือน้อยล้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็ง อาทิ มะเร็งช่องปาก มะเร็งคอหอยและกล่องเสียง มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ใหญ่ สาเหตุที่แอลกอฮอล์ก่อมะเร็งมีหลายด้าน เช่น เมื่อร่างกายสลายแอลกอฮอล์จะเกิดสาร อะซีตาลดีไฮด์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่สามารถทำลายดีเอ็นเอและรบกวนการซ่อมแซมเซลล์ ทำให้เซลล์ปกติกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การดื่มสุรายังส่งผลรบกวนการดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น วิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยป้องกันมะเร็ง และทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินได้ง่าย (เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มักให้พลังงานสูงแต่ไม่มีสารอาหารจำเป็น) ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งยืนยันว่า ไม่มีปริมาณแอลกอฮอล์ระดับใดที่ปลอดภัยจากความเสี่ยงมะเร็ง ทุกการดื่มคือการเพิ่มความเสี่ยง โดยแนวทางที่ดีที่สุดคือการงดดื่มหรือดื่มให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

สำหรับ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มรสหวานจัดอื่น ๆ แม้จะไม่มีแอลกอฮอล์แต่ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพและอาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งทางอ้อมได้ น้ำอัดลมมีปริมาณน้ำตาลสูงมาก; การดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงเป็นประจำจะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานเกินความต้องการและเกิดภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนได้ง่าย โรคอ้วน ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สัมพันธ์กับความเสี่ยงมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งเต้านมหลังหมดประจำเดือน มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งชนิดอื่น ๆ อีกมาก นอกจากนี้ ในน้ำอัดลมชนิดสีเข้มยังมีการแต่งสีด้วยคาราเมลซึ่งอาจมีสารพลอยได้อย่าง 4-MEI (4-Methylimidazole) เล็กน้อย สารนี้มีรายงานการก่อมะเร็งในสัตว์ทดลองเมื่อได้รับในปริมาณสูงมาก (จึงมีการจำกัดปริมาณในการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม) แม้หลักฐานทางการแพทย์เกี่ยวกับน้ำอัดลมกับมะเร็งโดยตรงจะยังไม่ชัดเจนเท่ากับกรณีของแอลกอฮอล์ แต่การหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไปก็เป็นสิ่งจำเป็นต่อการป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหลายชนิดรวมถึงมะเร็ง ดังนั้น ควรดื่มน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มที่ไม่เติมน้ำตาลแทนการดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ
- อาหารที่มีน้ำตาลสูงและไขมันทรานส์

อาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวานต่าง ๆ เบเกอรี่ ลูกอม ช็อกโกแลต เครื่องดื่มชานมไข่มุก และของหวานที่ใส่น้ำตาลมาก ล้วนเป็นอาหารที่ให้พลังงานแคลอรีสูงแต่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ การบริโภคอาหารเหล่านี้ในปริมาณมากและบ่อยครั้งจะส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจนอ้วน ซึ่งโรคอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็ง นอกจากเรื่องน้ำหนักตัวแล้ว การกินน้ำตาลปริมาณสูงอย่างต่อเนื่องยังทำให้ร่างกายเกิดภาวะดื้ออินซูลินและการอักเสบเรื้อรังในระดับเซลล์ ซึ่งสภาพแวดล้อมในร่างกายแบบนี้เอื้อต่อการเกิดและการเติบโตของเซลล์มะเร็งมากขึ้น (เช่น ระดับอินซูลินและโกรทแฟคเตอร์ที่สูงขึ้นอาจกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ผิดปกติ) ดังนั้นการลดการบริโภคน้ำตาลและของหวานลงจะช่วยควบคุมน้ำหนักและลดความเสี่ยงมะเร็งได้ทางหนึ่ง

ไขมันทรานส์ เป็นไขมันไม่อิ่มตัวชนิดหนึ่งที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจน (hydrogenation) ทำให้อาหารเก็บได้นานและกรอบอร่อย ไขมันทรานส์พบได้ในมาการีน เนยขาว ครีมเทียม วิปปิ้งครีม และอาหารทอดหรือขนมขบเคี้ยวที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ/น้ำมันเติมไฮโดรเจน เช่น โดนัท มันฝรั่งทอดกรอบ และขนมอบบางชนิด การบริโภคไขมันทรานส์สูงเป็นที่รู้กันดีว่าจะเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่สำหรับโรคมะเร็งนั้น แม้หลักฐานทางการแพทย์จะยังไม่มากเท่าปัจจัยอื่น ๆ แต่ก็มีงานวิจัยใหญ่ในยุโรปที่พบความเชื่อมโยงระหว่างการกินไขมันทรานส์ในระดับสูงกับความเสี่ยงมะเร็งบางชนิดที่เพิ่มขึ้น เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ใหญ่ กลไกที่เสนอคือไขมันทรานส์มีส่วนกระตุ้นการอักเสบและรบกวนระบบฮอร์โมนในร่างกาย รวมทั้งทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็ง ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกได้สั่งห้ามการใช้ไขมันทรานส์ในอุตสาหกรรมอาหาร เนื่องจากไม่มีความจำเป็นทางโภชนาการและมีแต่โทษต่อสุขภาพ เพื่อความปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันทรานส์สูง โดยสังเกตจากฉลากโภชนาการและส่วนผสมข้างผลิตภัณฑ์
วิธีลดความเสี่ยง: หลีกเลี่ยงอาหารก่อมะเร็งและเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารสามารถช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งได้ในระยะยาว เราสามารถเริ่มได้ด้วยการ หลีกเลี่ยงอาหารก่อมะเร็ง ที่กล่าวมาข้างต้น และเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแทน แนวทางโภชนาการเพื่อการป้องกันมะเร็งจากผู้เชี่ยวชาญมักจะแนะนำให้รับประทานอาหารที่มาจากพืชเป็นหลักและหลากหลายในแต่ละมื้อ ตัวอย่างเช่น ควรแบ่งสัดส่วนในจานอาหารแต่ละมื้อให้ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และถั่วเมล็ดแห้งรวมกันประมาณ สองในสามของจาน ส่วนอีก หนึ่งในสาม เป็นโปรตีนที่มีประโยชน์ เช่น ปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ นมหรือผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ หรือโปรตีนจากพืชอย่างเต้าหู้และถั่วต่าง ๆ การรับประทานผักและผลไม้หลากสีในปริมาณมากเป็นประจำ จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุพร้อมทั้งสาร ไฟโตนิวเทรียนท์ (สารพฤกษเคมี) และ สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีส่วนช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายและลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้ นอกจากนี้ ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต และเมล็ดธัญพืชต่าง ๆ ก็มีใยอาหารสูง ซึ่งใยอาหารจะช่วยในการขับถ่ายสารก่อมะเร็งออกจากลำไส้และช่วยปรับสภาพจุลินทรีย์ในทางเดินอาหารให้เป็นประโยชน์

ในทางปฏิบัติ วิธีลดความเสี่ยงมะเร็งจากอาหาร สามารถทำได้ดังนี้:
- เลือกปรุงอาหารด้วยการต้ม นึ่ง อบ หรือผัดด้วยน้ำแทนการทอดหรือปิ้งย่างไฟแรง เพื่อลดการเกิดสารก่อมะเร็ง
- เลือกซื้อเนื้อสัตว์สดมาปรุงอาหารแทนการกินไส้กรอก เบคอน หรืออาหารแปรรูปบ่อย ๆ และพยายามลดปริมาณเนื้อแดงลงในแต่ละสัปดาห์
- หลีกเลี่ยงอาหารหมักดองเค็มหรืออาหารกระป๋องที่ใส่สารกันบูดบ่อยครั้ง และหันมากินผักผลไม้สดหรืออาหารปรุงสดใหม่
- จำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยที่สุด และดื่มน้ำเปล่าหรือชาไม่ใส่น้ำตาลแทนน้ำอัดลมและน้ำหวาน
- เลือกของว่างเป็นผลไม้สดหรือถั่วเมล็ดแห้งแทนขนมขบเคี้ยวกรุบกรอบที่มีไขมันทรานส์หรือน้ำตาลสูง
- การปรับนิสัยการกินทีละเล็กทีละน้อยเหล่านี้ เมื่อปฏิบัติต่อเนื่องจะช่วยลดการสะสมความเสี่ยงจากอาหารก่อมะเร็ง และส่งเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
พฤติกรรมการบริโภคอาหารเป็นปัจจัยหนึ่งที่เราสามารถควบคุมได้ในการป้องกันโรคมะเร็ง การลดหรืองด อาหารก่อมะเร็ง 5 ประเภทที่ควรเลี่ยงดังที่ได้กล่าวมา พร้อมกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้หลากหลายและสมดุล ถือเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งในระยะยาว แม้มะเร็งจะเป็นโรคที่เกิดจากหลายปัจจัยและไม่มีวิธีป้องกันได้ 100% แต่การดูแลสุขภาพด้วยการกินอาหารที่ดีต่อร่างกาย ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดโอกาสการเกิดโรคร้ายนี้ได้อย่างมาก เริ่มต้นปรับเปลี่ยนตั้งแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่แข็งแรงและห่างไกลจากโรคมะเร็งของตัวคุณเองและทุกคนที่คุณรัก และถ้าหากคุณไม่อยากทำความสะอาดบ้านเอง อย่าลืมคิดถึงแม่บ้านออนไลน์ Bluuu จ้างแม่บ้านให้ไปดูแลบ้านของคุณด้วยแม่บ้านมืออาชีพในราคาสุดประหยัด กดจอง ได้ง่ายมากๆ
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.

สาหร่ายสไปรูไลนา: ซูเปอร์ฟู้ดแห่งอนาคตเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน
12 March 2025หากพูดถึง “ซูเปอร์ฟู้ด” ที่ได้รับความนิยมในหมู่คนรักสุขภาพ หนึ่งในอาหารที่โดดเด่นและถูกยกให้เป็นแหล่งสารอาหารที่ทรงพลังที่สุดก็คือ สาหร่ายสไปรูไลนา (Spirulina) สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินที่เป็นที่รู้จักและใช้บริโภคมานานหลายศตวรรษ ไม่เพียงแต่ให้โปรตีนสูง แต่ยังอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงสุขภาพในหลากหลายด้าน
สาหร่ายสไปรูไลนาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากที่สุดในโลก มีการนำมาใช้ในวงการแพทย์ การดูแลสุขภาพ และแม้กระทั่งเป็นอาหารเสริมสำหรับนักบินอวกาศ เนื่องจากคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วนและศักยภาพในการช่วยฟื้นฟูร่างกายได้อย่างมหัศจรรย์
สาหร่ายสไปรูไลนาคืออะไร?

สาหร่ายสไปรูไลนาเป็นสาหร่ายจุลินทรีย์ในกลุ่ม ไซยาโนแบคทีเรีย (Cyanobacteria) หรือที่หลายคนอาจรู้จักในชื่อ “สาหร่ายเกลียวทอง” ซึ่งเติบโตได้ดีในแหล่งน้ำจืดและน้ำเค็มที่มีอุณหภูมิอบอุ่น มีลักษณะเป็นเส้นใยขนาดเล็กที่ขดเป็นเกลียว สามารถมองเห็นได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์
มนุษย์ใช้สาหร่ายสไปรูไลนาเป็นอาหารมาตั้งแต่ยุคโบราณ โดยชาวแอซเท็กในอเมริกากลางและชนพื้นเมืองแอฟริกามักเก็บเกี่ยวสาหร่ายชนิดนี้จากทะเลสาบมาบริโภคเป็นแหล่งพลังงานหลัก ในปัจจุบัน สาหร่ายสไปรูไลนาถูกผลิตในฟาร์มเพาะเลี้ยงและนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบผง เม็ด และแคปซูล เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถรับประทานได้ง่ายขึ้น
บลูสไปรูไลนา (Blue Spirulina) คืออะไร?

บลูสไปรูไลนาเป็นสารสกัดที่ได้จากสไปรูไลนา โดยดึงเอาสารสำคัญที่ชื่อว่า ไฟโคไซยานิน (Phycocyanin) ออกมา ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ทำให้เกิดสีฟ้าสดใสของสาหร่ายชนิดนี้
คุณสมบัติของบลูสไปรูไลนา:
- มีสีฟ้าสดใส ใช้เป็นสีผสมอาหารจากธรรมชาติ
- มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
- ไม่มีกลิ่นหรือรสของสาหร่ายมากเท่ากับสไปรูไลนาธรรมดา
- นิยมนำไปผสมในสมูทตี้ ขนม หรือเครื่องดื่มเพื่อให้ได้สีฟ้าสวยงาม
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบลูสไปรูไลนาเป็นเพียงสารสกัดจากสาหร่ายสไปรูไลนา มันจึงไม่มีโปรตีนและวิตามินมากเท่ากับสไปรูไลนา
คุณค่าทางโภชนาการของสาหร่ายสไปรูไลนา
สิ่งที่ทำให้สาหร่ายสไปรูไลนาโดดเด่นกว่าอาหารเสริมทั่วไป คือ ความอุดมสมบูรณ์ของสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งรวมถึง
🔹 โปรตีนสูงมากกว่า 60-70% ของน้ำหนักแห้ง และเป็นโปรตีนที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายกว่าจากเนื้อสัตว์หรือพืชชนิดอื่น
🔹 วิตามิน B-complex ช่วยเสริมสร้างพลังงานและบำรุงระบบประสาท
🔹 ธาตุเหล็ก ที่ช่วยบำรุงเลือดและลดอาการอ่อนเพลีย
🔹 แมกนีเซียมและโพแทสเซียม ช่วยปรับสมดุลระบบไหลเวียนโลหิต
🔹 สารไฟโคไซยานิน (Phycocyanin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยต้านการอักเสบ
🔹 กรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน ที่ร่างกายต้องการ
🔹 โอเมก้า 3, 6, 9 ที่ช่วยบำรุงสมองและหัวใจ
ด้วยสารอาหารที่ครบถ้วนนี้ ทำให้สาหร่ายสไปรูไลนาเป็นแหล่งพลังงานชั้นยอดสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพในทุกช่วงวัย
ประโยชน์ของสาหร่ายสไปรูไลนา
ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สูง สาหร่ายสไปรูไลนาจึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
1. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
สารไฟโคไซยานินที่พบในสาหร่ายสไปรูไลนามีฤทธิ์ช่วย กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคและป้องกันการติดเชื้อต่างๆ ได้ดีขึ้น
2. บำรุงสมองและระบบประสาท
สาหร่ายสไปรูไลนาอุดมไปด้วยวิตามินบีรวม (B1, B2, B3) และโอเมก้า 3 ซึ่งช่วยเสริมสร้างความจำ ลดความเครียด และป้องกันโรคทางสมอง เช่น อัลไซเมอร์และพาร์กินสัน
3. ลดคอเลสเตอรอลและควบคุมความดันโลหิต
การศึกษาพบว่าสาหร่ายสไปรูไลนาสามารถช่วย ลดระดับไขมัน LDL (ไขมันไม่ดี) และเพิ่ม HDL (ไขมันดี) รวมถึงช่วย ควบคุมความดันโลหิต ทำให้ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
4. ช่วยควบคุมน้ำหนักและเผาผลาญไขมัน
สาหร่ายสไปรูไลนามีไฟเบอร์สูง ช่วยให้อิ่มนาน ลดความอยากอาหาร และกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ทำให้เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
5. ดีทอกซ์สารพิษและขับโลหะหนักออกจากร่างกาย
สาหร่ายสไปรูไลนามีคุณสมบัติช่วย จับสารพิษและโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท และสารพิษจากมลภาวะต่างๆ ทำให้ตับและไตสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วิธีรับประทานสาหร่ายสไปรูไลนา
สาหร่ายสไปรูไลนาสามารถรับประทานได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น
🥤 ผสมในน้ำผลไม้หรือสมูทตี้
🥗 โรยลงบนสลัดหรือโยเกิร์ต
🍲 ใส่ในซุปหรืออาหารต่างๆ
💊 รับประทานในรูปแบบเม็ดหรือแคปซูลเป็นอาหารเสริม

ปริมาณที่แนะนำ
- เริ่มต้นที่ 1-3 กรัมต่อวัน และสามารถเพิ่มได้ถึง 5-10 กรัม ขึ้นอยู่กับเป้าหมายสุขภาพของแต่ละคน
ข้อควรระวังและข้อแนะนำ
แม้ว่าสาหร่ายสไปรูไลนาจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังที่ต้องใส่ใจ:
❌ ผู้ที่มีภาวะธาตุเหล็กสูง ควรหลีกเลี่ยง
❌ ผู้ที่เป็นโรคไตควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
❌ ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ปราศจากสารปนเปื้อน
สรุป
สาหร่ายสไปรูไลนาเป็นซูเปอร์ฟู้ดที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน เช่น การเสริมภูมิคุ้มกัน ควบคุมน้ำหนัก และล้างสารพิษ สามารถรับประทานได้ง่ายในชีวิตประจำวัน หากคุณกำลังมองหาอาหารเสริมจากธรรมชาติที่ช่วยบำรุงสุขภาพโดยรวม สาหร่ายสไปรูไลนาอาจเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับคุณ! หากคุณไม่มีเวลาว่างในการทำความสะอาดบ้านสามารถจ้างแม่บ้าน แบบรายชั่วโมง ให้มาทำความสะอาด ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่นี่
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.

ทำความสะอาดเครื่องประดับเงินให้เงาเหมือนใหม่ จากของใช้ในบ้าน
08 March 2025นักสะสมของเก่าหรือคนที่มีเครื่องประดับเงิน ไม่ว่าจะเป็นสร้อยเงิน แหวน กำไล หรือเข็มขัดเงิน คงเคยเจอปัญหาคราบดำ ดูสกปรกไม่น่าใช้งานเมื่อเก็บไว้เป็นเวลานาน คราบดำเหล่านี้ เกิดจากอะไร และมีวิธีไหนบ้างทำให้เครื่องประดับเงินกลับมาดูใหม่เหมือนเดิม บทความนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำวิธีทำความสะอาดเครื่องประดับเงิน หรือของใช้ที่ทำจากเงินมาฝากค่ะ รับรองว่าคราบดำหายเกลี้ยงแน่นอน
คราบดำบนเครื่องประดับเงินเกิดจากอะไร ?
เครื่องประดับเงินเมื่อเก็บไว้นานๆจะเป็นสีดำ ดูเก่าไม่น่าใช้ บางคนอาจจะทิ้งไปเลยก็ได้ แล้วคราบดำนี้เกิดจากอะไร คราบดำที่เกาะบนเครื่องประดับเงิน เกิดจากเครื่องเงินทำปฏิกิริยากับออกซิเจนและซัลเฟอร์ในอากาศ ซึ่งอาจมาจากน้ำฝน หรือสารเคมี ทำให้เกิดชั้นฟิล์มสีดำเกาะอยู่บนเครื่องเงินนั่นเอง และเหงื่อไคลจากร่างกายของเราก็มีส่วนทำให้เครื่องเงินเกิดคราบดำได้เช่นกัน นอกจากนี้คุณภาพการผลิตเครื่องเงินก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน

วิธีทำความสะอาดคราบดำบนเครื่องเงินจากของใช้ในบ้าน
หลายๆคนอาจยังไม่รู้ว่าของใช้ภายในบ้านสามารถช่วยกำจัดคราบดำที่ติดอยู่บนเครื่องเงินได้
- ยาสีฟัน : ยาสีฟันช่วยขัดเครื่องเงินให้เงาและขาวขึ้นได้ โดยการนำผ้าชุบยาสีฟันแล้วทาไว้ที่เครื่องประดับเงิน ปล่อยทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้นให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดคราบยาสีฟันออก เช็ดและขัดจนกว่าคราบดำจะหลุดออกไป
- น้ำยาล้างจาน : น้ำยาล้างจานสามารถช่วยล้างคราบดำบนเครื่องเงินออกไปได้ โดยเราจะใช้น้ำยาล้างจานผสมลงในน้ำอุ่น แล้วเช่เครื่องเงินลงไป ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วใช้แปรงสีฟันขัดให้สะอาด ใช้ผ้าเช็ดให้แห้งแล้วนำไปจัดเก็บ
- มะขามเปียก : สมัยก่อนนิยมใช้มะขามเปียกในการแช่เครื่องเงินจากคราบดำ โดยนำน้ำมะขามเปียกผสมน้ำอุ่น ให้เป็นน้ำเหลวๆ ใส่เครื่องประดับเงินลงไปแช่ทิ้งไว้ หากคราบดำเยอะให้ใช้เวลานานได้ เมื่อครบเวลาแล้วให้ใช้แปรงสีฟัน ขัดคราบให้สะอาด ล้างด้วยน้ำเปล่าแล้วเช็ดให้แห้ง
- ซอสมะเขือเทศ : ซอสมะเขือเทศที่เราใช้ในครัวสามารถนำมาใช้ขจัดคราบดำบนเครื่องเงินได้ โดยนำซอสมะเขือเทศมาทาบนเครื่องเงิน ทิ้งไว้สักครู่ จากนั้นนำผ้าสำหรับเช็ดเครื่องประดับถูวนให้คราบหลุดออกไป ใช้ผ้าชุบน้ำทพความสะอาด แล้วเช็ดให้แห้ง
- เบกกิ้งโซดา : เป็นของใช้ในครัวที่หลายๆบ้านต้องมี เพราะใช้ประโยชน์ได้เยอะมาก เบกกิ้งโซดาสามารถช่วยขจัดคราบดำบนเครื่องประดับเงินได้เช่นกัน โดยนำเบกกิ้งโซดาใส่ลงไปในน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น น้ำ1 ถ้วย ต่อ เบกกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะ นำเครื่องเงินลงไปแช่ ทิ้งไว้สักครู่ดูการเปลี่ยนแปลง นำแปรงสีฟันขัดคราบให้สะอาด แล้วเช็ดด้วยผ้าแห้ง
- กระดาษฟลอยด์ : อีกหนึ่งวิธีคือการรองกระดาษฟลอยด์ลงในแก้ว ใส่น้ำร้อนและละลายเบกกิ้งโซดาลงไป 2 ช้อนโต๊ะ แล้วแช่เครื่องประดับเงินลงไป วิธีนี้เมื่อความร้อนโดนคราบที่เกาะคราบนั้นจะหลุดออกและไปจับตัวที่กระดาษฟลอยด์แทน หากคราบยังออกไม่หมดให้ใช้แปรงสีฟันขัด
- น้ำส้มสายชู : น้ำส้มสายชูแทบจะเป็นเครื่องปรุงที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายมาก เราสามารถนำเครื่องประดับเงินแช่ลงในน้ำส้มสายชู และผสมเบกกิ้งโซดาลงไปได้เล็กน้อย กรดของน้ำส้มสายชูจะช่วยกัดเซาะคราบดำให้หลุดออกง่ายขึ้น โดยแช่ทิ้งไว้ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง จากนั้นใช้แปรงสีฟันขัดตามซอกมุม แล้วนำไปล้างน้ำสะอาด เช็ดให้แห้ง

วิธีทำความสะอาดคราบดำบนเครื่องเงินจากน้ำยาล้างเครื่องเงิน
นอกจากจะใช้ของที่มีในบ้านมาทำความสะอาดได้แล้ว หากใครมีเครื่องเงินเป็นจำนวนมาก คราบฝังลึกเป็นเวลานาน แนะนำให้ใช้น้ำยาล้างเครื่องเงินโดยเฉพาะ เพราะทำความสะอาดง่าย ราคาไม่สูงเกินไป
- น้ำยาล้างเครื่องเงิน : เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับผู้ใช้งาน หากมีเครื่องเงินเป็นคราบดำจำนวนมาก หรือมีรายละเอียดบนเนื้องานเยอะ น้ำยาล้างเครื่องเงินมีหลายยี่ห้อในท้องตลาด สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป มีตั้งแต่ราคาหลักสิบไปจนถึงหลักร้อย นอกจากนี้น้ำยาล้างเครื่องเงิน ยังสามารถช่วยทำความสะอาดคราบหมองคล้ำเครื่องประดับชนิดอื่น ไม่ว่าจะเป็นทอง ทองเค หรือนาก ได้เช่นกัน
ควรอ่านวิธีการใช้งานอย่างเคร่งครัด และไม่ควรใช้มือสัมผัสน้ำยาโดยตรง
- ผ้าเช็ดเครื่องเงิน : ปัจจุบันมีผ้าที่ใช้สำหรับเช็ดเครื่องเงินโดยเฉพาะ เป็นผ้าคอตตอน 100% ชุบน้ำยา เหมาะกับเครื่องประดับที่มีผิวเรียบ แต่ไม่เหมาะกับเครื่องประดับที่มีลายฉลุ หรือรอยลึก เพราะผ้าจะไม่สามารถเช็ดได้อย่างทั่วถึง โดยผ้าหนึ่งผื่นสามารเช็ดทำความสะอาดได้นานจนกว่าผ้าจะเป็นคราบดำแล้วทั้งผืน หาซื้อได้ตามช่องทางออนไลน์ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักสิบถึงหลักร้อย
- แป้งจีนขัดเงิน : การใช้แป้งจีนขัดเงิน เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่แพ้สารเคมี โดยแป้งจีนเป็นแป้งสำหรับทาหน้า แต่นิยมนำมาใช้ในการขัดเครื่องเงินเพราะจะทำให้ผิวเครื่องเงินไม่กระด้างเหมือนการล้างด้วยน้ำยา โดยแป้งจีนมีราคาถูกแค่หลักสิบ หาซื้อง่าย
วิธีใช้แป้งจีนขัดเงิน คือใช้ผ้าที่ไม่กระด้าง เช่น ผ้าไมโครไฟเบอร์ ปาดแป้งลงบนผ้า แล้วใช้เครื่องเงินถูลงไปบนผ้าเบาๆ จนกว่าคราบดำจะหลุดออก หากเครื่องประดับมีลายที่ผ้าซอกซอนไม่ถึงให้ใช้แปรงสีฟันขนอ่อนขัด นอกจากนี้ยังสามารถใช้เช็ดเครื่องประดับชนิดอื่นได้อีกด้วย
วิธีป้องกันไม่ให้เครื่องเงินกลับมามีคราบดำ
- การทำความสะอาด : หลังการสวมใส่เครื่องเงินทุกครั้งควรเช็ดทำความสะอาด เพราะร่างกายเรามีทั้งคราบเหงื่อไคล และสิ่งสปรก หากถอดแล้วไม่ได้ทำความสะอาดแน่นอนว่าเครื่องเงินจะเกิดคราบดำอย่างแน่นอน และควรหมั่นทำความสะอาดเครื่องเงินที่เก็บไว้อยู่เสมอหากเกิดคราบดำ
- การจัดเก็บ : จากที่กล่าวข้างต้นเครื่องเงิน เมื่อถูกปฏิกิริยากับซัลเฟอร์ในอากาศ จำทำให้ดำ เป็นคราบไม่น่ามอง โดยวิธีจัดเก็บควรเก็บไม่ให้โดนอากาศ โดยการเก็บเครื่องเงินใส่ถุงซิปล็อก แบบมิดชิด หรือเก็บใส่กล่อง โดยเก็บให้ห่างจากความชื้น
การทำความสะอาดเครื่องเงินที่ดำ ดูเก่าไม่น่ามอง สามารถทำได้ง่ายตามขั้นตอนที่ผู้เขียนแนะนำได้เลยค่ะ ทำง่ายโดยใช้ของที่มีอยู่แล้วในบ้าน หรือใครไม่สะดวกก็สามารถใช้น้ำยาหรือผ้าล้างเครื่องเงิน หลังจากทำความสะอาดแล้ว การเก็บรักษาก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่ควรมองข้าม
นอกจากเครื่องประดับจะสะอาดแล้ว หากต้องการแม่บ้านมาช่วยดูความสะอาดภายในบ้าน แบบรายชั่วโมง ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอีดยดได้ที่ Bluuu แม่บ้านออนไลน์
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.

โซดาไฟสารเคมีทำความสะอาดบ้านที่ห้ามใช้ร่วมกัน ใช้ผิดชีวิตเปลี่ยน
06 March 2025รู้หรือไม่ว่าในทุกๆวันในการทำความสะอาดบ้านเราต้องเจอและสัมผัสกับสารเคมีอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก แชมพู หรือครีมอาบน้ำ ก็ต่างทำมาจากสารเคมีทั้งนั้น มีข้อควรรู้อีกหลายอย่างที่เราจำเป็นต้องรู้เพราะสารเคมีสำหรับทำความสะอาดบางประเภท ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ หากใช้ร่วมกันจะก่อให้เกิดก๊าซพิษ เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน อาจทำให้เสียชีวิตได้
กลุ่มของสารเคมี กลุ่มที่เป็นกรดและเบส ที่นิยมใช้ในบ้าน ได้แก่
สิ่งที่เป็น กรด ได้แก่ มะนาว น้ำส้มสายชู ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และกรดแก่ เช่น น้ำยาล้างห้องน้ำ
สิ่งที่เป็นเบส ได้แก่ เกลือ น้ำยาล้างจาน เบกกิ้งโซดา ครีมออฟทาร์ทาร์ และเบสแก่ เช่น โซดาไฟ น้ำยาฟอกขาว
*หากมีการใช้สารเคมีประเภท “เบสแก่” และ “กรดแก่” มาผสมกันจะทำให้เกิดก๊าซพิษ เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก
สารเคมีทำความสะอาดที่ห้ามใช้ร่วมกัน

- น้ำยาล้างห้องน้ำ ห้ามใช้ร่วมกับโซดาไฟ : เมื่อสองสิ่งนี้มาผสมกันจะทำให้เกิดแก๊สคลอรีนเป็นแก๊สที่เป็นพิษ สามารถระเบิดได้ ส่วนมากโซดาไฟจะใช้เมื่อท่อตัน สามารถใช้ได้แต่ควรใช้เดี่ยวๆ ไม่ควรผสมสารเคมีชนิดอื่นหรือราดท่อตามกันไป เพราะจะทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้และยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
- น้ำยาฟอกขาว(ไฮเตอร์) ห้ามใช้ร่วมกับน้ำยาล้างห้องน้ำ : ทำให้เกิดแก๊สพิษและเป็นอันตรายต่อผู้ใช้มากๆ มีหลายคนที่คิดว่าล้างห้องน้ำโดยที่ใช้น้ำยาล้างห้องน้ำผสมกับไฮเตอร์ จะช่วยทำให้ห้องน้ำสะอาดขจัดคราบได้ดี กล่าวคือการล้างห้องน้ำใช้แค่น้ำยาล้างห้องน้ำอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วค่ะ
- น้ำส้มสายชู ห้ามใช้ร่วมกับโซดาไฟ : โซดาไฟเป็นเบสแก่ ไม่ควรนำมาใช้คู่กับกรดเด็ดขาด เพราะทำให้เกิดแก๊สพิษเช่นกัน
- โซดาไฟ : ควรใช้เดี่ยวๆ ไม่ควรผสมกับสารเคมีชนิดอื่น แต่ควรใช้ในปริมาณน้อยๆ เช่น 50 กรัม ผสมน้ำ 1 ลิตร เทลงท่อหรือชักโครกเพื่อล้างสิ่งอุดตัน รอให้โซดาไฟออกฤทธิ์แล้วเทน้ำเปล่าราดตามเพื่อล้างโซดาไฟออกให้หมด
ข้อควรระวังในการใช้งานสารเคมี กรดแก่หรือเบสแก่ ในการทำความสะอาด
- การใช้สารเคมีกรดแก่และเบสแก่ควรใส่ถุงมือยาง ผ้าปิดจมูก และสวมแว่นตาทุกครั้ง เพื่อป้องกันการกระเด็นสู่ผิวหนังและดวงตานั่นเอง
- เมื่อใช้สารเคมีในการทำความสะอาด ควรสังเกตทิศทางลม ควรอยู่เหนือทิศทางลม เพราะถ้าเราใช้นำยาล้างห้องน้ำเมื่อสูดดมเข้าไปแล้ว สารเคมีอาจเข้าไปทำลายเยื่อบุจมูกได้ นอกจากนี้ยังเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ
- หากโดนสารเคมี ต้องรีบล้างทำความสะอาดผิวด้วยน้ำเปล่าทันที และเปิดประตูหรือหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ
สูตรทำความสะอาดที่สามารถใช้ร่วมกันได้
สารเคมีอื่นๆ ที่นอกเหนือจากเบสแก่ และกรดแก่ สามารถนำมาทำความสะอาดร่วมกันได้ เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เกลือ เบกกิ้งโซดา น้ำส้มสายชู ครีมออฟทาร์ทาร์ น้ำยาล้างจาน สามารถทำความสะอาดได้เหมือนกัน
เบกกิ้งโซดากับน้ำส้มสายชู : เบกกิ้งโซดาที่เป็นเบสกับน้ำส้มสายชูที่มีความเป็นกรด จะมีประสิทธิภาพช่วยในเรื่องของการกำจัด เพราะจะเกิดเป็นสารคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำและเกลือ จะช่วยในการขัดอุปกรณ์ต่างๆและชำละล้างได้เป็นอย่างดี
ข้อพึงระวัง : ไม่ควรเขย่าเบกกิ้งโซดากับน้ำส้มสายชูในภาชนะที่ปิดฝา เพราะจะเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งทำให้เกิดอันตรายจากแรงดันได้
เบกกิ้งโซดากับน้ำยาล้างจาน : สามารถช่วยล้างห้องน้ำได้ เพราะผงจากเบกกิ้งโซดาจะช่วยขัดคราบได้ สามารถนำไปล้างจาน ล้างคราบมันบนกล่องพลาสติก หรือขัดหม้อที่มีคราบไหม้ดำได้เช่นกัน
เกลือ : ใช้ทำความสะอาดคราบมัน ทำความสะอาดปลา หรือผัก ได้ แต่อย่าลืมว่าเมื่อเราใช้เกลือทำความสะอาดแล้วทิ้งไว้นานอาจทำให้อาหารดูดซับความเค็มได้นั่นเอง
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ : มีเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ 3-12% สามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสม ในด้านของการทำความสะอาด จะช่วยในการทำความสะอาดคราบสกปรกและฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ได้ เช่น หากมีคนในบ้านป่วย เป็นหวัด สามารถใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ผสมน้ำเช็ดตามบ้าน บริเวณต่างๆที่ผู้ป่วยสัมผัสได้
น้ำส้มสายชู : ไม่เป็นอันตรายเพราะมีค่า pH ที่สามารถทานได้ ช่วยกำจัดคราบบนอุปกรณ์ หรือคราบหินปูนในชักโครก สามารถขจัดกลิ่นอับได้ ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ทั้งใช้ซักผ้า ถูพื้น ช่วยกำจัดกลิ่นอับ นับได้ว่าน้ำส้มสายชูเป็นอีกของใช้ที่ต้องมีติดบ้านเลยค่ะ
ข้อควรระวัง : ไม่ควรใช้น้ำส้มสายชูเช็ดบนพื้นผิวที่เป็นหินอ่อน
การใช้งานสารเคมีในการทำความสะอาดบ้าน ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและควรศึกษาถึงอันตรายจากการใช้งาน เพราะหากไม่ศึกษาให้ดี อาจก่อให้เกิดโทษและอันตรายตามมาได้
หากต้องการอ่านบทความสำหรับประโยชน์ของน้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดา สามารถอ่านได้ที่ เคล็ดลับทำความสะอาดบ้านด้วยน้ำส้มสายชู และ เคล็ดลับทำความสะอาดบ้านด้วยเบกกิ้งโซดา
เรายังมีเทคนิคทำความสะอาดบ้านด้วยของใช้ในบ้านมาแชร์อีกหลายบทความ สามารถติดตามได้ที่ เว็บไซต์ของเรา นะคะ
หรือหากคุณต้องการบริการแม่บ้านรายชั่วโมง ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดราคาและขอบเขตการให้บริการได้ที่ Bluuu แม่บ้านออนไลน์
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.

เขียงไม้ เขียงพลาสติก และเขียงสแตนเลส เขียงแบบไหนดีที่สุดสำหรับคุณ?
06 March 2025เมื่อพูดถึง เขียง อุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้ในครัว หลายคนอาจไม่เคยนึกถึงว่าการเลือกเขียงที่เหมาะสมมีผลต่อ สุขอนามัย อาหาร และอายุการใช้งานของมีด มากแค่ไหน ปัจจุบันมีเขียงหลายประเภทให้เลือกใช้ โดยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ เขียงไม้, เขียงพลาสติก และเขียงสแตนเลส ซึ่งแต่ละแบบล้วนมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกข้อดีและข้อเสียของเขียงแต่ละประเภท เพื่อช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกเขียงที่เหมาะกับสไตล์การทำอาหารของคุณมากที่สุด
เขียงไม้
เขียงไม้ เป็นตัวเลือกยอดนิยมของเชฟและผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหารมานาน ด้วยคุณสมบัติของไม้ที่มีความแข็งแรงแต่ไม่แข็งจนเกินไป ทำให้ไม่ทำลายความคมของมีดเหมือนกับเขียงที่มีพื้นผิวแข็งประเภทอื่น นอกจากนี้ยังมีความเป็นธรรมชาติและให้ความรู้สึกอบอุ่นเมื่อนำมาใช้ในครัว
แม้ว่าเขียงไม้จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็ต้องแลกมากับการดูแลรักษาที่เข้มงวด เนื่องจากไม้มีรูพรุนซึ่งสามารถดูดซับน้ำและของเหลวจากอาหารได้ง่าย ทำให้เกิดการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรียได้หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง หลังจากใช้งาน ควรรีบล้างและเช็ดให้แห้งทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้เขียงเปียกชื้นนานเกินไป การทาน้ำมันเป็นระยะก็ช่วยรักษาสภาพของไม้ไม่ให้แตกหรือแห้งเกินไป
ข้อได้เปรียบสำคัญของเขียงไม้ คือความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากรอยมีดที่เกิดขึ้นบนเขียงไม้สามารถปิดตัวเองได้บางส่วนตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามหากมีร่องลึกมากเกินไป ควรทำการขัดผิวไม้เพื่อลดโอกาสการสะสมของแบคทีเรีย
ถึงแม้ว่าเขียงไม้จะมีราคาแพงกว่าเขียงพลาสติกทั่วไป แต่ถ้าหากได้รับการดูแลที่เหมาะสม ก็สามารถใช้งานได้ยาวนานเป็นสิบปี จึงถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับคนที่ต้องการเขียงที่มีความทนทานและปลอดภัยต่ออาหาร

เขียงพลาสติก
หากคุณมองหาเขียงที่ดูแลง่าย ราคาจับต้องได้ และเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ เขียงพลาสติก อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม พลาสติกมีความยืดหยุ่นสูง น้ำหนักเบา และไม่ดูดซับของเหลว ทำให้ล้างทำความสะอาดได้ง่ายและแห้งเร็ว
หนึ่งในจุดเด่นของเขียงพลาสติกคือสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องล้างจานได้ ซึ่งแตกต่างจากเขียงไม้ที่ต้องการการดูแลอย่างพิถีพิถัน นอกจากนี้ยังมีให้เลือกหลายขนาดและหลายสี ทำให้สามารถแยกใช้ตามประเภทของอาหาร เช่น ใช้เขียงสีเขียวสำหรับผัก สีแดงสำหรับเนื้อสัตว์ และสีน้ำเงินสำหรับอาหารทะเล ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนข้ามประเภทอาหาร (cross-contamination)
อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของเขียงพลาสติก ก็คือพื้นผิวที่อ่อนนุ่มกว่าทำให้เกิดร่องจากรอยมีดได้ง่าย เมื่อมีรอยขีดข่วนมากขึ้น แบคทีเรียสามารถสะสมอยู่ในร่องเหล่านั้นและทำให้การทำความสะอาดยากขึ้น แม้ว่าจะสามารถฆ่าเชื้อได้ด้วยการใช้น้ำร้อนและสบู่ แต่เมื่อเขียงเริ่มมีรอยลึกมากเกินไป ก็ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ
อีกหนึ่งข้อเสียของเขียงพลาสติกคือหากเป็นพลาสติกคุณภาพต่ำ อาจเสื่อมสภาพและแตกหักได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับความร้อนสูง หรือเมื่อถูกใช้งานเป็นเวลานาน ดังนั้นควรเลือกซื้อเขียงที่ผลิตจาก พลาสติกคุณภาพสูง (BPA-Free) เพื่อให้ปลอดภัยต่อการประกอบอาหาร

เขียงสแตนเลส
เขียงสแตนเลส เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่ร้านอาหารและครัวอุตสาหกรรม เนื่องจากมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในด้าน ความสะอาด ทนทาน และง่ายต่อการบำรุงรักษา สแตนเลสเป็นวัสดุที่ไม่ดูดซับของเหลว จึงไม่มีปัญหาเรื่องการสะสมของเชื้อโรคหรือกลิ่นเหม็นจากอาหารเหมือนเขียงไม้และพลาสติก
ข้อได้เปรียบหลักของเขียงสแตนเลส คือสามารถทำความสะอาดได้ง่าย ไม่เกิดรอยขีดข่วนลึกเหมือนเขียงพลาสติก และไม่ต้องกังวลเรื่องเชื้อราเหมือนเขียงไม้ นอกจากนี้ยังสามารถทนต่ออุณหภูมิสูงได้ดี ทำให้สามารถใช้ร่วมกับอาหารที่ร้อนจัดได้โดยไม่เสียหาย
อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนสำคัญของเขียงสแตนเลสคือ ความแข็งของพื้นผิว ซึ่งอาจทำให้มีดเสื่อมคมเร็วขึ้น และเวลาหั่นอาหารอาจทำให้เกิดเสียงดังที่ไม่เป็นที่พึงประสงค์สำหรับบางคน
แม้ว่าจะมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่สำหรับผู้ที่ต้องการความสะอาดและความทนทานเป็นหลัก เขียงสแตนเลสถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ โดยเฉพาะสำหรับการทำอาหารประเภทที่ต้องใช้ความสะอาดสูง เช่น เนื้อสัตว์ อาหารทะเล หรืออาหารที่ต้องการการหั่นที่แม่นยำ

ควรเลือกเขียงประเภทไหนดี?

หากคุณต้องการ เขียงที่ดีที่สุดสำหรับทุกสถานการณ์ ไม่มีคำตอบเดียวที่เหมาะกับทุกคน ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการมี เขียงมากกว่าหนึ่งประเภท เพื่อแยกประเภทการใช้งานตามความเหมาะสม
- เขียงไม้ เหมาะสำหรับการหั่นผักและผลไม้ ช่วยรักษาคมมีด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- เขียงพลาสติก เหมาะสำหรับการหั่นเนื้อสัตว์หรือของที่ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ ใช้งานง่าย ราคาประหยัด
- เขียงสแตนเลส เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความสะอาดสูง เช่น อาหารทะเลหรือเนื้อดิบ

หากคุณต้องการทั้งความสะอาด ความปลอดภัย และอายุการใช้งานที่ยาวนาน การเลือกใช้เขียงที่เหมาะกับแต่ละประเภทอาหารจะช่วยให้คุณสามารถประกอบอาหารได้สะดวกขึ้น และยังช่วยรักษาคุณภาพของมีดและอาหารให้ดีที่สุดอีกด้วย และถ้าผู้อ่านต้องการหาแม่บ้านคุณภาพดีมาช่วยทำความสะอาดบ้านของคุณ กด จองแม่บ้าน bluuu ได้เลย บริการแม่บ้านคุณภาพดี ทำความสะอาดระดับมืออาชีพ ไม่ต้องกังวลเรื่องบ้านสกปรกอีกต่อไป!
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.

10 วิธีง่ายๆ ทำให้บ้านเย็นขึ้น หน้าร้อนนี้ประหยัดไฟแน่นอน
05 March 2025แดดหน้าร้อนของประเทศไทยยิ่งทวีความร้อนขึ้นทุกๆปี อุณหภูมิสูงมากถึง 45 องศา ส่งผลต่อการอาศัยอยู่ของผู้คน สัตว์เลี้ยงภายในบ้าน เคยมีความสงสัยหรือไม่ว่า มีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้บ้านเย็นขึ้น นอกจากการเปิดแอร์ การเปิดแอร์เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และยิ่งเปิดแอร์ในสภาพอากาศที่ร้อนมากๆจะทำให้แอร์ทำงานหนัก ค่าไฟพุ่งแน่นอน ก่อนอื่นเราควรวิเคราะห์ความร้อนว่ามาจากไหน ซึ่งการแก้ปัญหามีหลายวิธี แตกต่างกันไปในแต่ละบ้าน หากเรารู้สาเหตุและวิธีป้องกันก็สามารถช่วยลดค่าไฟฟ้าในช่วงหน้าร้อนได้
เรามีวิธีอะไรบ้างที่จะช่วยทำให้บ้านเย็นขึ้น

- ฉนวนกันความร้อน : ฉนวนกันความร้อนมีหลายชนิด หลายยี่ห้อ โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้ฉนวนกันความร้อนวางไว้บนฝ้าใต้หลังคา หรือวางไว้กับผนังกรณีที่ทำผนัง 2 ชั้น - ฉนวนกันความร้อนนี้สามารถซื้อมาติดเองได้ ช่วยป้องกันความร้อนจากหลังคาลงสู่ตัวบ้านได้เป็นอย่างดี เก็บอุณหภูมิ และเก็บเสียง ราคาไม่สูงมาก
- เลือกสีทาบ้านโทนเย็น : สีเขียว สีฟ้า หรือหากเป็นโทนร้อนให้ใช้สีอ่อนๆแทน ปัจจุบันสีทาบ้าน มีนวัตกรรมสารกันความร้อน สะท้อนความร้อน ป้องกัน UV โดยสามารถเลือกใช้ได้ทั้งสีภายใน และสีทาภายนอก เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่มีงบไม่เยอะ สามารถลงมือทาเองได้หากเป็นบ้านชั้นเดียว
- ผนังบ้าน : หากต้องการปรับปรุงบ้านใหม่หรือสร้างบ้านใหม่ ควรใช้อิฐมวลเบาที่มีความหนา 10 เซนติเมตร สามารถป้องกันความร้อนได้ดี การสร้างบ้านด้วยอิฐมอญทั่วไปจะเก็บความร้อนไว้มาก อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยทำให้บ้านเย็นขึ้นได้คือการขึงสแลนบังแดดเพื่อกันความร้อน หรือใช้ระแนงไม้อีกชั้น เสริมผนัง 2 ชั้น ด้านใน หรือด้านนอก ถ้าทำด้านในความใส่ฉนวนที่ผนังด้วย
- ดาดฟ้า : หากที่บ้านเป็นอาคารพานิชย์และมีดาดฟ้า หากต้องการลดความร้อนจากแดดที่ส่องลงมา ควรทาสีบริเวณพื้นดาดฟ้า นอกจากจะช่วยป้องกันน้ำซึม อุดรอยรั่วแล้ว ยังช่วยป้องกันความร้อนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
- ปลูกต้นไม้บริเวณรอบบ้าน : การปลูกต้นไม้บริเวณรอบบ้าน ต้นไม้จะช่วยผลิตออกซิเจน ทำให้บ้านเย็นขึ้น สามารถเลือกเป็นต้นไม้อะไรก็ได้แต่ต้องศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของรากต้นไม้ และควรปลูกห่างจากตัวบ้าน ไว้บ้าง อย่างที่คนไทยนิยมปลูกก็จะมี ต้นมะม่วง ไม้ผลที่นิยมปลูกมากในประเทศไทย ให้ผลและให้ร่มเงา ควรดูจากทิศทางของตะวันขึ้น และตะวันตกให้ดี
- เพิ่มความเย็นสบายด้วยน้ำ : ติดสปริงเกอร์บนหลังคา ความเย็นของน้ำจะช่วยลดความร้อน ติดตั้งง่าย สะดวกประหยัดรวดเร็ว แต่ถ้ามีปั๊มน้ำ ปั๊มน้ำจะทำงานตลอดเวลา ทำให้เปลืองไฟ และหากบ้านมีรางน้ำ จะไม่เกิดปัญหาการกระเด็นของน้ำ แต่ถ้าไม่มีรางน้ำบริเวณหลังคา น้ำจะไหลลงมาโดนผนังบ้าน อาจทำให้เกิดความชื้นและเชื้อรา นอกจากนี้ยังสามารถทำน้ำพุ หรือเครื่องพ่นหมอก แต่จะดูแลยากกว่าเพราะอาจเกิดการอุดตันของท่อ และมีความชื้นในอากาศสูง อาจทำให้รู้สึกเหนียวตัว

7. เพิ่มตัวช่วยเสริมการป้องกันแดดสำหรับภายในบ้าน : ใช้ผ้าม่านกันแดด ผ้าม่านกัน UV จะช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านลงได้ โดยควรเลือกใช้ม่านสีอ่อนไม่เข้มมาก หากมีกระจกให้ติดฟิล์มกรองแสง
8. เพิ่มตัวช่วยเสริมการป้องกันแดดสำหรับภายนอกบ้าน : ติดตั้งกันสาดบริเวณประตูบ้านและบริเวณหน้าต่าง เพราะนอกจากจะช่วย ป้องกันความร้อนแล้ว ยังกันฝนได้อีกด้วย นอกจากนี้หลังคา สามารถสร้างเป็นแบบ ดับเบิ้ลรูฟ คือการทำหลังคา 2 ชั้น เพื่อช่วยลดความร้อนได้
9. ปรับการวางตำแหน่ง และปรับเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน : การตั้งเฟอร์นิเจอภายในบ้านควรดูทิศทางของลม ไม่ควรวางเฟอร์ชิ้นใหญ่ขวางทิศทางลม และการตกแต่งภายในบ้าน อาจเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์เป็นวัสดุหินหรือโลหะ ที่มีคุณสมบัติเย็น เคาท์เตอร์หิน กระเบื้องหิน เลือกใช้ไฟ LED แบบคูลไวท์ เพราะหลอด LED ไม่ได้ใช้ความร้อนในการสร้างพลังงาน ความร้อนน้อยกว่าหลอดแบบฟลูออเรสเซนท์ แถมประหยัดไฟกว่าอีกด้วย และโซฟาควรใช้เป็นโซฟาผ้า เพราะโซฟ้าหนังจะดูดความร้อน
นอกจากนี้ การระบายอากาศภายในบ้านอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้บ้านเย็นขึ้น เปิดพัดลมระบายอากาศ พัดลมดูดอากาศ เปิดประตูทิ้งไว้ และนำของตกแต่งที่ไม่จำเป็นออก
ภายในห้องนอนควรเปลี่ยนชุดผ้าปูที่นอนและผ้าห่ม เมื่อหน้าร้อนเข้ามาถึง ควรเลือกใช้ผ้าห่มหรือผ้าปูที่นอนเป็นวัสดุสังเคราะห์ โพลีเอสเตอร์ ผ้าปูที่นอนผ้าฝ้าย ผ้าลินิน เพื่อการนอนแบบสบายตัว
10. หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ที่ปล่อยความร้อน : ในวันที่มีอากาศร้อนควรหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ที่ก่อให้เกิดความร้อน เพราะจะยิ่งทำให้ภายในบ้านอบอ้าว ความร้อนจะสะสมอยู่เยอะ เช่น การใช้เตารีดผ้า เตาอบ ไดร์เป่าผม ไมโครเวฟ อาจหลีกเลี่ยงได้โดยการทำสลัดผักง่ายกินแทนการทำอาหารด้วยการอบ หรือเมื่อสระผมเสร็จให้เป่าผมด้วยไดร์เย็นแทนไดร์ร้อน
อย่างไรก็ตาม ควรดูแลตนเองอย่าให้ร่างกายขาดน้ำในหน้าร้อนนี้ เพราะภาวะขาดน้ำ ทำให้ร่างกายอุณภูมิสูงขึ้น และอาจช็อคถึงขั้นเสียชีวิตได้ เมื่อหน้าร้อนมาถึง ทุกคนต่างคิดแค่ว่าเปิดแอร์ก็จบ แต่จริงๆแล้วการเปิดแอร์เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ และทำให้แอร์ทำงานหนัก ส่งผลให้ค่าไฟแพง
เมื่อเรารู้วิธีทำให้บ้านเย็นลงแล้ว แก้ไขทีละจุด อุณหภูมิในบ้านก็ลดลงทำให้แอร์ไม่ทำงานหนักจนเกินไปและประหยัดไฟอีกด้วย
หากที่บ้านยังรกไม่ได้ทำความสะอาด หรือไม่มีเวลาทำความสะอาดสามารถ ใช้บริการแม่บ้านรายชั่วโมงของเราได้ที่ Bluuu แม่บ้านออนไลน์ เรามีบริการแม่บ้านในเขตกรุงเทพและปริมณฑล
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.

เลือกทรายแมวแบบไหนดี? ข้อดี-ข้อเสียของทรายแมวแต่ละประเภท
03 March 2025ชาวทาสแมวทั้งหลายที่ต้องดูแลและเอาใจใส่แมวหรือลูกรักของทุกคนอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน การขับถ่ายหรือความสะอาดของแมว สิ่งที่ต้องซื้อตลอดเมื่อคุณเลี้ยงแมว คงหนีไม่พ้น “ทรายแมว” เพราะการเข้าห้องน้ำของแมวเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก การเลือกทรายแมวต้องเหมาะสมกับการใช้ชีวิตและพฤติกรรมของแมวที่เราเลี้ยง ทรายจะมีหลายประเภทแต่ละแบบก็จะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป บทความนี้จะพาทุกคนไปดูแต่ละประเภทของทรายแมวว่าแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
1. ทรายแมวเบนโทไนต์
ทรายแมวแบบเบนโทไนต์จะมีคุณสมบัติทำจากแร่เบนโทไนต์ที่เกิดจากการทับถมของเถ้าภูเขาไฟ มีความสามารถในการดูดซับของเหลวได้ดีและจับตัวเป็นก้อนได้ เมื่อแมวปัสสาวะลงไปบนทรายก็จะทำให้บริเวณที่เปียกจับตัวเป็นก้อนทันทีไม่เปียกแฉะ ทรายแมวเบนโทไนต์มีข้อดีข้อเสียดังนี้
ข้อดี
✅ จับตัวเป็นก้อนไว ตักทรายแมวออกได้สะดวกและทำความสะอาดได้ง่าย
✅ ดูดซับกลิ่นได้ดี ระงับกลิ่นแอมโมเนียในปัสสาวะ
✅ ราคาถูกและปริมาณเยอะ
ข้อเสีย
❌ ทรายแมวจะมีฝุ่นฟุ้งกระจายได้ง่าย อาจเป็นอันตรายต่อแมวได้ในระยะยาว
❌ ทรายมีขนาดเล็กอาจจะติดเท้าแมวและเลอะเทอะ
❌ บางรุ่นไม่เหมาะสำหรับการทิ้งลงชักโครกหรือทิ้งลงน้ำ

2. ทรายแมวคริสตัล
ทรายแมวที่มีลักษณะเป็นเม็ดทรายขนาดเล็กสีใสเหมือนคริสตัล น้ำหนักเบา ตัวทรายทำมาจากสารเคมีที่เป็นซิลิก้าเจล ที่สามารถช่วยดูดซับของเหลวได้ค่อยข้างดีมากพอสมควรและยังนำกลับมาใช้งานได้ซ้ำเพียงแค่ทำความสะอาดทราย ทรายแมวคริสตัลมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง
ข้อดี
✅ ดูดซับของเหลวได้ในทันที
✅ ไม่มีฝุ่นแน่นอน
✅ ไม่จับตัวเป็นก้อน ของเหลวจะแห้งซึมไปในทรายเลย
✅ สามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดงบ
ข้อเสีย
❌ ราคาค่อนข้างแพง
❌ ทรายสามารถติดตามขนของแมวได้
❌ ไม่เหมาะสำหรับอึแมวเพราะไม่สามารถจับตัวก้อนอึได้

3. ทรายแมวเต้าหู้
ทรายแมวยอดนิยมที่คนรักแมวนิยมใช้กันมากที่สุด จะมีทั้งแบบเกล็ดและแบบแท่ง ผลิตมาจากส่วนผสมธรรมชาติ 100% เช่น ถั่วลันเตา ถั่วเหลือง เป็นต้น มีคุณสมบัติจับตัวเป็นก้อนได้ดี เก็บกลิ่นดี ไม่เป็นอันตรายและปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งทรายแมวเต้าหู้มีข้อดีข้อเสียดังนี้
ข้อดี
✅ จับตัวเป็นก้อนได้เร็ว ปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยง
✅ ฝุ่นน้อยไม่ค่อยมีฝุ่นฟุ้งกระจาย
✅ เก็บกลิ่นได้ดีมาก หลายยี่ห้อมีผสมกลิ่นหอมเข้าไป เช่น กลิ่นเมลอน กลิ่นชาเขียว เป็นต้น
✅ สามารถทิ้งลงชักโครกได้ไม่อุดตันท่อน้ำ
ข้อเสีย
❌ ราคาแพงมากกว่าชนิดอื่น
❌ บางยี่ห้ออาจจะเก็บกลิ่นของเสียได้ไม่ดีพอ
❌ มีโอกาสขึ้นราได้ง่ายหากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง

4. ทรายแมวไม้สน
เป็นทรายแมวที่ผลิตจากไม้สนธรรมชาติ 100% ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี ในรูปแบบการอัดเป็นแท่งไม้ขนาดเล็ก ปลอดภัยกับแมวแน่นอนเมื่อทรายแมวไม้สนโดนของเหลวก็จะแตกตัวเป็นผง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาก
ข้อดี
✅ สามารถนำทรายแมวทิ้งในชักโครกได้
✅ ไม่ค่อยมีฝุ่นปลอดภัยกับแมว
✅ ราคาประหยัด
ข้อเสีย
❌ ต้องใช้กระบะทรายแมว 2 ชั้นหรือแบบที่มีตะแกรงเพื่อร่อนทรายแมวที่แตกตัวเป็นผงออก
❌ ไม่จับตัวเป็นก้อน ต้องหมั่นทำความสะอาดบ่อยครั้ง
❌ การดูดซับกลิ่นบางยี่ห้ออาจจะดูดซับกลิ่นได้ไม่ค่อยดีมากนัก

การเลือกทรายแมวให้เหมาะสมกับแมว ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยทั้งตัวผู้เลี้ยงและพฤติกรรมของแมวไม่ว่าเรื่องความสะอาด ราคา และสุขภาพของแมว แนะนำผู้เลี้ยงควรเลือกทรายแมวที่เป็นออแกนิค ผลิตจากธรรมชาติ มีฝุ่นน้อยและสามารถช่วยเก็บกลิ่นได้ดี เพื่อสุขภาพของแมวและความสะดวกในการใช้งานของผู้เลี้ยงเองด้วย แต่ก็อย่าลืมว่าแมวแต่ละตัวมีนิสัยและพฤติกรรมที่แตกต่างกันทางที่ดีควรศึกษาและเลือกทรายแมวให้เหมาะสมกับแมวมากที่สุดนั่นเอง 🐱
🧽 สำหรับใครที่ต้องการแม่บ้านรายวัน รายสัปดาห์ แม่บ้านมืออาชีพ จ้างทำความสะอาดแบบรายชั่วโมง สามารถจอง แม่บ้าน Bluuu ได้ตลอดเวลา จองง่าย ราคาเริ่มต้น 500 บาท รับรองบ้านสะอาดแน่นอน 🏡✨
ผู้เขียน
Nannicha P.

ปวดเท้าบ่อย เป็นโรครองช้ำหรือไม่ รีบเช็คก่อนเป็นเรื้อรัง
01 March 2025โรครองช้ำ เป็นอีกหนึ่งโรคที่แม่บ้านหลายๆคนเคยได้ยิน และบางคนอาจยังไม่รู้ตัวว่ากำลังเป็นโรครองช้ำอยู่ หากใครที่เคยเป็นโรครองช้ำคงรู้ถึงอาการดีว่าจะมีอาการปวดที่ส้นเท้า ปวดเท้าเวลาเดิน ซึ่งอาการปวดที่ส้นเท้าจะปวดมากกว่าปกติ รู้สึกปวดจนระบมเลยก็มีค่ะ แล้วโรครองช้ำมีการรักษาอาการปวดให้ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง บทความนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำค่ะ
รองช้ำ คือ อาการที่เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ เป็นการอักเสบเรื้อรังของผังผืดใต้เท้า หรือการฉีกขาดของเส้นเอ็นใต้ฝ่าเท้า ซึ่งเอ็นใต้ฝ่าเท้านี้จะทำหน้าที่รองรับน้ำหนักตัวและกระจายแรงของน้ำหนักตัวขณะที่เราเดินหรือวิ่งนั่นเอง หากมีการรับน้ำหนักมากเกินไป เป็นเวลานานซ้ำๆ จะทำให้เกิดอาการอักเสบ และเกิดการปวดเท้าตามมาซึ่งบางคนมีอาการปวดแบบเรื้อรัง
อาการของโรครองช้ำ
- มีการปวดใต้ฝ่าเท้าตั้งแต่ฝ่าเท้าตรงกลางถึงส้นเท้า ซึ่งเป็นแนวของผังผืดที่อักเสบนั่นเอง
- มีอาการปวดร้อนวูบวาบที่ส้นเท้า เหมือนมีของร้อนมาโดนเป็นพักๆ
- มีอาการเจ็บจี้ด หรือเจ็บแปล๊บตรงบริเวณส้นเท้าขึ้นมาถึงข้อเท้า แม้เป็นเวลาที่นั่งหรือนอนอยู่เฉยๆนั่นเอง
- มีความรู้สึกเหมือนโดนของแหลมแทงบริเวณใต้ฝ่าเท้าหรือส้นเท้า

สาเหตุของอาการปวดรองช้ำ
สาเหตุ ของอาการปวดส้นเท้าจนถึงขั้นเรื้อรังนั้น ปัจจุบันอาจยังไม่สามารถหาสาเหตุได้โดยตรง แต่หนึ่งในสาเหตุที่อาจเป็นไปได้คือ การที่เท้ารับน้ำหนักมากเกินไป หรืออาจจะเกิดจากปัจจัยเสี่ยงได้ดังนี้
- ผู้ที่มีอายุมาก 40-60 ปี มักเป็นโรครองช้ำและพบเจอได้บ่อย
- คนที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ MBI เพราะจะทำให้ผังผืดที่เท้ารับแรงกดทับมากขึ้น เมื่อมีน้ำหนักตัวที่มาก การเดินหรือยืนต้องใช้เท้าในการรับน้ำหนักนั่นเอง
- คนที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่ง หรือเต้น เพราะกิจกรรมออกกำลังกายประเภทนี้ต้องลงน้ำหนักที่เท้าอย่างต่อเนื่อง เป็นพฤติกรรมที่ทำซ้ำๆหรือทำเป็นประจำ อาจก่อให้เกิดโรครองช้ำตามมา
- ผู้ที่มีภาวะเท้าแบนหรืออุ้งเท้าสูงกว่าปกติ : ทำให้รูปแบบการเดินผิดปกติ ส่งผลให้เป็นโรครองช้ำได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
- ใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม กับกิจกรรมที่ทำ และใส่เป็นเวลานานเกินไป เช่น รองเท้าที่แข็งเกินไป การใส่ส้นสูง
สาเหตุ ของอาการปวดส้นเท้าจนถึงขั้นเรื้อรังนั้น ปัจจุบันอาจยังไม่สามารถหาสาเหตุได้โดยตรง แต่หนึ่งในสาเหตุที่อาจเป็นไปได้คือ การที่เท้ารับน้ำหนักมากเกินไป หรืออาจจะเกิดจากปัจจัยเสี่ยงได้ดังนี้
- ผู้ที่มีอายุมาก 40-60 ปี มักเป็นโรครองช้ำและพบเจอได้บ่อย
- คนที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ MBI เพราะจะทำให้ผังผืดที่เท้ารับแรงกดทับมากขึ้น เมื่อมีน้ำหนักตัวที่มาก การเดินหรือยืนต้องใช้เท้าในการรับน้ำหนักนั่นเอง
- คนที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่ง หรือเต้น เพราะกิจกรรมออกกำลังกายประเภทนี้ต้องลงน้ำหนักที่เท้าอย่างต่อเนื่อง เป็นพฤติกรรมที่ทำซ้ำๆหรือทำเป็นประจำ อาจก่อให้เกิดโรครองช้ำตามมา
- ผู้ที่มีภาวะเท้าแบนหรืออุ้งเท้าสูงกว่าปกติ : ทำให้รูปแบบการเดินผิดปกติ ส่งผลให้เป็นโรครองช้ำได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
- ใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม กับกิจกรรมที่ทำ และใส่เป็นเวลานานเกินไป เช่น รองเท้าที่แข็งเกินไป การใส่ส้นสูง
6. การเดินหรือยืนนานๆ : การยืนบน BTS ทุกวัน นานเป็นชั่วโมง หรือการเดินระยะไกล อาจส่งผลให้ปวดฝ่าเท้า เจ็บบริเวณส้นเท้าได้ และหากต้องทำสิ่งนี้เป็นกิจวัตร แน่นอนว่าคุณอาจเป็นโรครองช้ำค่ะ
วิธีบรรเทาอาการปวดรองช้ำเบื้องต้น
- แช่เท้าในน้ำอุ่น โดยใส่น้ำให้ท่วมถึงข้อเท้า หากมีอาการปวดเยอะให้แช่เท้าในน้ำอุ่น เช้า-เย็น เป็นเวลา 15-20 นาที
- ทายาบรรเทาอาการปวดชนิดครีมหรือเจล เช่น ไดโคลฟลีแน็ก เป็นยาแก้ปวดเฉพาะที่ สามารถปรึกษาเรื่องการใช้ยาทาได้จากร้านขายยาใกล้บ้าน
- ออกกำลังกายโดยการยืดเส้น : ยืดฝ่าเท้า ดึงฝ่าเท้าขึ้นเหยียดออกให้ตึงพอแต่ไม่ให้มีอาการเจ็บ ทำอย่างช้าๆนุ่มนวล ไม่ออกแรงมากเกินไป
- ทานยาแก้ปวด : หากมีอาการปวดมากๆ สามารถทานยาแก้ปวดได้ หากเป็นยาแก้ปวดที่นอกเหนือจากพาราเซตามอลนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนทาน
นอกเหนือจากนี้การรักษาโรครองช้ำ สามารถรักษาได้โดยการฉีดยาสเตียรอยด์ ทำกายภาพบำบัด และรักษาด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ด้วยคลื่นช็อคเวฟ เหมาะกับผู้ที่มีอาการเรื้อรัง ที่รักษาด้วยวิธีอื่นๆไม่ได้ผล ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพราะสภาพร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน
วิธีป้องกัน ทำยังไงไม่ให้เกิดอาการร้องช้ำขึ้นอีก
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การออกกำลังกาย และกิจวัตรประจำวันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก : หยุดการเดินหรือยืนเป็นเวลานานๆ หรือหยุดออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงเท้าเยอะเกินไป
- หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่า : การไม่ใส่รองเท้าทำให้เท้าสัมผัสกับพื้นโดยตรงไม่มีรองเท้าคอยซับแรง อาจทำให้ปวดเท้าหรือเจ็บเท้าได้
- เลือกรองเท้าที่เหมาะสม เป็นรองเท้าที่ส้นนุ่ม สวมใส่สบาย เลือกที่มีคุณภาพเหมาะสำหรับสรีระของเท้าและอุ้งเท้า หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าที่ไม่ได้มาตรฐานหรือฉีกขาด
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม : น้ำหนักตัวที่มากขึ้นหรือเกินค่า MBI อาจทำให้เท้ารับน้ำหนักตัวมากเกินไป ส่งผลกระทบให้ผังผืดใต้เท้าอักเสบได้
โรครองชำไม่ได้อันตรายมากนัก แต่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน เพราะอาการปวดที่เป็นๆหายๆนี้นั่นเอง หากเราใช้ชีวิตประจำวันเหมือนเดิม ไม่ยอมปรับเปลี่ยนก็ยิ่งทำให้โรคทวีความรุนแรงขึ้น และทำให้เป็นเรื้อรังรักษาหายยากนั่นเอง
การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างใฝ่ฝัน เมื่อมีสุขภาพกายที่แข็งแรงแล้วสุขภาพจิตก็สำคัญเช่นกัน นอกจากนี้บ้านและที่อยู่อาศัยเป็นสิ่งแรกๆที่จะทำให้เรามีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่แข็งแรง อย่าลืมหันมาดูแลบ้านให้สะอาดอยู่เสมอนะคะ
หากคุณไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้าน สามารถเลือกจองแม่บ้านออนไลน์ให้เข้ามาทำความสะอาดบ้านของคุณได้ จองง่าย ราคาประหยัด แม่บ้านคุณภาพดี ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Bluuu แม่บ้านออนไลน์
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.

อัปเดต 7 ตลาดนัดกลางคืนใกล้รถไฟฟ้า เดินทางง่าย ช้อปเพลินไม่มีสะดุด!
27 February 2025ทำไมตลาดนัดกลางคืนถึงเป็นที่นิยม?
ตลาดนัดกลางคืนเป็นสถานที่ที่รวมเอา แหล่งช้อปปิ้ง อาหารอร่อย และ บรรยากาศสุดชิล มาไว้ด้วยกัน นอกจากจะมีของกิน ของใช้ และของฝากมากมายแล้ว ตลาดนัดกลางคืนยังเป็นที่ที่หลายคนมาพักผ่อนและสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนแบบสบาย ๆ โดยเฉพาะตลาดนัดกลางคืนที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า เดินทางง่าย สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องกลัวรถติด
หากคุณเป็นคนที่ ชอบเที่ยวตลาดกลางคืน วันนี้เรารวมมาให้แล้ว! 7 ตลาดนัดกลางคืนยอดฮิตที่อัปเดตล่าสุดปี 2025 ใกล้รถไฟฟ้า เดินชิล กินเพลิน ช้อปสนุก ครบทุกไลฟ์สไตล์!
1. ตลาดนัดจตุจักรกลางคืน - สวรรค์ของนักช้อปตัวจริง
📍 BTS หมอชิต | MRT กำแพงเพชร
🕒 วันและเวลาเปิด: วันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 17.00 - 23.00 น.

หากพูดถึงตลาดนัดกลางคืน ตลาดนัดจตุจักรเป็นจุดหมายปลายทางของนักช้อปที่ต้องมาเยือน ที่นี่รวมร้านค้ากว่า 8,000 ร้าน ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้าแฟชั่น, ของแต่งบ้าน, งานแฮนด์เมด และสินค้าหายาก เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวและคนไทยที่ชอบของดีราคาถูก
จุดเด่น: โซนวินเทจ สินค้าแฟชั่นแบรนด์ไทย อาหารสตรีทฟู้ด
ร้านเด็ดห้ามพลาด: ร้าน ราชาปลาหมึก Miruku Pure Milk (ร้านขายนมสดปั่นแท้ ๆ สไตล์ญี่ปุ่น)
2. JODD FAIRS พระราม 9 - ครบเครื่องเรื่องสตรีทฟู้ด
📍 MRT พระราม 9
🕒 วันและเวลาเปิด: ทุกวัน 16.00 - 24.00 น.

JODD FAIRS คือการกลับมาของตลาดนัดรถไฟรัชดาในรูปแบบใหม่! จุดเด่นของตลาดนี้คือ บรรยากาศย้อนยุคสุดชิค ร้านอาหารแนวสตรีทฟู้ด และเสื้อผ้าแฟชั่นในราคาย่อมเยา มีทั้งร้านของที่ระลึก ขายของฝาก ที่สำคัญคือเดินทางง่าย ใกล้เซ็นทรัลพระราม 9 เป็นตลาดนัดกลางคืนอีกที่ที่ครองใจวัยรุ่นและวันทำงานอย่างล้นหลาม
จุดเด่น: หมูสะเต๊ะ, มันฝรั่งทอดไซส์ยักษ์ และคาเฟ่บรรยากาศดี
ร้านเด็ดห้ามพลาด: กุ้ง กรุงเทพ (KUNG THEP) Xin Xin Mala Hotpot (ซิน ซิน หมาล่า) เล้งแซ่บ (LENGZABB)
3. ตลาดนัดกลางคืนอินดี้ ดาวคะนอง - ที่แฮงค์เอาท์ของวัยรุ่นฝั่งธนฯ
📍 BTS ตลาดพลู (ต่อรถเพียง 5 นาที)
🕒 วันและเวลาเปิด: ทุกวัน 16.00 - 24.00 น.

ตลาดอินดี้ ดาวคะนอง เป็นตลาดนัดกลางคืนขนาดกลางที่มีทั้งร้านอาหารแนวฟิวชั่น, บาร์นั่งชิล และสินค้าทำมือหลากหลาย ถือเป็นจุดรวมตัวของวัยรุ่นฝั่งธนฯ ที่ต้องการหาที่เที่ยวกลางคืนแบบชิล ๆ
จุดเด่น: ร้านสเต็กพรีเมียม คาเฟ่สไตล์มินิมอล และบรรยากาศริมคลองสุดโรแมนติก
ร้านเด็ดห้ามพลาด: 3 แซ่บ ยำมะม่วงปูม้า ตลาดอินดี้ ดาวคะนองร้านผัดไทนครสวรรค์ (เจ้นิ้งหน่อง)
4. ตลาดนัดเลียบด่วน รามอินทรา - ใหญ่สุดในย่านนี้!
📍 BTS วัชรพล
🕒 วันและเวลาเปิด: ทุกวัน 17.00 - 02.00 น.

ตลาดนัดกลางคืนขนาดใหญ่ที่เปิดดึกเอาใจสายเที่ยว มีทั้งร้านขายเสื้อผ้า, ของแต่งบ้าน และอาหารอร่อย จุดเด่นคือร้านอาหารทะเลเผาสด ๆ และพื้นที่นั่งชิลฟังดนตรี
จุดเด่น: กุ้งเผาตัวโต, ซีฟู้ดสด ๆ และร้านเสื้อผ้าสไตล์วินเทจ
ร้านเด็ดห้ามพลาด: ร้านกุ้งถัง ร้านปูไข่นคร ปูทะเลไข่ดอง เย็นตาโฟฟ้าผ่า
5. ตลาดนัดกลางคืน JJ Green 2 - ความชิคแบบฮิปสเตอร์
📍 BTS หมอชิต / MRT สวนจตุจักร
🕒 วันและเวลาเปิด: วันพฤหัส-อาทิตย์ 17.00 - 24.00 น.

ตลาดนัดกลางคืน JJ Green 2 กลับมาในทำเลใหม่! แถวประชาชื่น เลียบคลองประปา ยังคงความเป็นตลาดแนวฮิป ๆ ที่เต็มไปด้วยสินค้าแนววินเทจ เสื้อผ้ามือสอง และบาร์สไตล์ดนตรีสด
จุดเด่น: เสื้อยืดลายวินเทจ, รองเท้า Sneaker มือสอง และร้านนั่งชิล
ร้านเด็ดห้ามพลาด: บาร์ขนมจีน กุ้งยกกระทะ
6. ตลาด The One Ratchada - เปิดใหม่ มาแรงสุด!
📍 MRT ศูนย์วัฒนธรรม
🕒 วันและเวลาเปิด: ทุกวัน 17.00 - 24.00 น.

ตลาดใหม่ล่าสุดที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักช้อป มีทั้งร้านแฟชั่น คาเฟ่สุดคิ้วท์ และดนตรีสด บรรยากาศคล้ายตลาดรถไฟรัชดาเดิม
จุดเด่น: ร้านขนมไทยโมเดิร์น, บาร์ลับสไตล์เกาหลี และโซนเสื้อผ้าแฟชั่น
ร้านเด็ดห้ามพลาด: ร้านนมไมโล โรงเรียน (Milo Old School 90's) Fu Cheng ฟู่เฉิงข้าวโพดไฟลุก
7. ตลาดเซฟวัน โก - ตลาดสุดชิคแห่งใหม่ของสายชิลล์
📍 BTS แยก คปอ.
🕒 เปิด: ทุกวัน 16.00 - 23.00 น.

ตลาดนัดเซฟวัน โก เป็นตลาดน้องใหม่ที่กำลังมาแรง คนแน่นเกือบทุกวัน โดดเด่นด้วย อาหารที่ราคาไม่แพง คอนเซ็ปต์สตรีทมาร์เก็ตสไตล์โมเดิร์น รวมร้านค้าแฟชั่นสุดชิค อาหารสตรีทฟู้ดอร่อย ๆ และโซนนั่งชิลบรรยากาศดี
จุดเด่น: โซนร้านคาเฟ่สไตล์มินิมอล, อาหารทะเลเผาสด ๆ และร้านเสื้อผ้าแฟชั่นแนวสตรีท
ร้านเด็ดห้ามพลาด: Steak ไฟลุก พาสต้าเส้นสด by Pob MasterChef รุ่งเจริญทรัพย์ หมึก สด ย่าง
ถ้าคุณกำลังมองหาตลาดนัดกลางคืนที่เดินทางง่าย ใกล้รถไฟฟ้า บทความนี้ช่วยให้คุณเลือกตลาดที่ตรงใจได้แน่นอน! จะช้อปปิ้ง อิ่มอร่อย หรือหาที่นั่งชิล ก็มีครบทุกสไตล์ 💃🛍️ อย่าลืมเซฟลิสต์นี้ไว้ แล้วออกไปเที่ยวตลาดกลางคืนกันเถอะ! หลังจากเดินตลาดนัดกลางคืนมาเหนื่อยๆ ถ้าไม่อยากทำความสะอาดบ้านเอง อย่าลืมคิดถึงแม่บ้านออนไลน์ Bluuu จ้างแม่บ้านให้ไปดูแลบ้านของคุณด้วยแม่บ้านมืออาชีพในราคาสุดประหยัด กดจอง ได้ง่ายๆเลย!
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.

5 ห้องน้ำแมวอัตโนมัติยอดนิยม ยี่ห้อไหนเหมาะกับคุณ ?
24 February 2025ห้องน้ำแมวเป็นสิ่งสำคัญที่คนรักแมวต้องพิจารณาและตั้งใจเลือกเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทั้งเจ้าของและน้องแมว ซึ่งในยุคนี้มีห้องน้ำแมวให้เลือกหลายรูปแบบแต่หลักๆ จะมีห้องน้ำแมวอัตโนมัติและห้องน้ำแมวธรรมดา แต่ละแบบก็จะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป สำหรับใครที่ต้องการความสะดวกสบายให้น้องแมวมากนัก ห้องน้ำอัตโนมัติแมวก็เป็นอีกตัวเลือกที่จะช่วยจัดการปัญหาห้องน้ำแมวให้เจ้าของได้มากขึ้น วันนี้จะมาแนะนำห้องน้ำแมวอัตโนมัติที่ถูกใจทั้งเจ้าของและน้องแมวอย่างแน่นอน
✅ Neakasa M1 2024 ห้องน้ำแมวอัตโนมัติ
ห้องน้ำแมวอัตโนมัติแบบเปิดโล่งด้านบน สามารถใส่ทรายแมวได้มากสุดถึง 7.17 ลิตร มีพื้นที่ในการเก็บของเสียจากน้องแมวได้ 11.23 ลิตร ซึ่งคุ้มค่ามากๆ สามารถใช้ได้เฉพาะทรายแมวแบบทรายเบนโทไนท์เท่านั้น ไม่แนะนำให้ใช้กับทรายเต้าหู้ ห้องน้ำมีขนาดค่อนข้างสูงอาจจะไม่เหมาะสำหรับแมวขาสั้นหรือลูกแมวตัวเล็ก มีแอปพลิเคชันสำหรับติดตามผลการทำงานของห้องน้ำแบบเรียลไทม์ มีระบบการทำความสะอาดห้องน้ำแบบมอเตอร์หมุนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า กระบะทรายแมวด้านในสามารถถอดประกอบนำออกมาล้างทำความสะอาดได้ง่าย ราคาเริ่มต้นที่ 11,990 บาท

✅ Mister Robot x UBPet ห้องน้ำแมวอัตโนมัติ รุ่น C20
ออกแบบมาเพื่อรองรับแมวที่มีขนาดใหญ่ รองรับน้ำหนักน้องแมวตั้งแต่ 1.5-10 กิโลกรัมและสามารถเข้าห้องน้ำได้พร้อมกันถึง 𝟐 ตัว มีความปลอดภัยสูงด้วยเซนเซอร์ที่มีความแม่นยำสูงมากถึง 𝟗 จุด ไม่มีช่องแคบให้หนีบแมวแน่นอน สามารถใส่ทรายแมวได้ทุกประเภทที่สามารถจับตัวเป็นก้อนได้ มีความจุทรายแมวได้ไม่เกิน 3 ลิตร ตัวห้องน้ำอัตโนมัติรุ่นนี้ไม่สูงมากแมวสามารถเดินเข้าออกได้ง่าย มีแอปพลิเคชันตรวจเช็คสุขภาพน้องแมวและการใช้งานห้องน้ำของแมวแบบเรียลไทม์ สามารถตั้งเวลาทำความสะอาดห้องน้ำด้วยตัวเองได้ มีระบบการทำงานที่เงียบและเสียงเบามากเพียง 38 DB เท่านั้น ราคาเริ่มต้น 7,790 บาท ถูกใจทั้งคนเลี้ยงและน้องแมวอย่างแน่นอน

✅ PANDO X Petree Automatic Cat litter box Pro Wifi รุ่น 1
รุ่นนี้ดีไซน์มาโดยเน้นที่ความปลอดภัยและการใช้งานที่ตอบโจทย์แมวมากๆ รองรับน้ำหนักแมวขนาดเล็กตั้งแต่ 1.5-8 กิโลกรัม ออกแบบทางเข้าให้แมวเข้าออกได้ง่ายด้วยความสูงจากพื้นเพียง 17 เซนติเมตรเท่านั้น สามารถใช้ได้กับทรายแมวชนิดจับตัวเป็นก้อนกลมเล็ก เช่น ทรายแมวเบนโทไนท์ หรือทรายชนิดเกล็ดเล็ก เหมาะสำหรับแมวที่มีอายุมากกว่า 3 เดือนขึ้นไป รับความจุทรายแมวได้สูงสุด 4 ลิตร สามารถเชื่อมต่อ WIFI สั่งงานหรือตรวจสอบการใช้งานน้องแมวผ่านแอปพลิเคชันได้จากทุกที่ เครื่องทำงานได้เงียบด้วยความดังเพียง 40-60 DB ความปลอดภัยสูงด้วยเซนเซอร์ 4 จุดป้องกันแมวติดภายในห้องน้ำ มีระบบแจ้งเตือนเมื่อขยะเต็มถุง ความจุของตัวห้องน้ำอัตโนมัติแมวเก็บได้นาน 4 วัน ถอดประกอบทำความสะอาดได้ง่าย ราคาเริ่มต้น 7,699 บาท ราคาจับต้องได้ง่ายเลย

✅ PETKIT Pura-MAX LITE (2) ห้องน้ำแมวอัตโนมัติ
ห้องน้ำอัตโนมัติแมวที่เป็นรุ่นยอดนิยมอย่างมาก ตัวเครื่องออกแบบมาเน้นความปลอดภัยด้วยระบบเซนเซอร์มากถึง 13 จุด รับรองไม่หนีบน้องแมวไม่ว่าเครื่องจะทำงานอยู่หรือไม่ทางเข้าออกก็จะเปิดไว้อยู่เสมอ ทำให้น้องแมวปลอดภัยหายห่วง มีระบบช่วยป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ 3 ชั้นเก็บกลิ่นได้ดี สามารถจุทรายแมวได้สูงสุด 6 ลิตร มีถังเก็บของเสียมากถึง 7 ลิตรอยู่ได้นาน 15 วัน รุ่นนี้จะเหมาะสำหรับแมวที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไป ระบบการทำงานของเครื่องค่อนข้างเงียบเสียงเบาถึง 35 DB. สามารถตั้งค่าและตรวจสอบการใช้งานต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชันได้สะดวกสบาย ทรายที่ใช้ได้ควรเป็นทรายที่จับตัวเป็นก้อน ราคาเริ่มต้น 9,200 บาท คุ้มค่าสุดๆ

ห้องน้ำแมวอัตโนมัติเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับชาวทาสแมวที่รักความสะอาดและต้องการความสะดวกสบาย ซึ่งห้องน้ำแมวอัตโนมัตินั้นมีข้อดีมากมายไม่ว่าจะเป็น เรื่องความสะอาด ประหยัดเวลา ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่ก็มีข้อเสียที่ผู้ซื้อต้องพิจารณาให้ดี เช่น ราคาสูง การใช้ไฟฟ้า ความปลอดภัย เป็นต้น ซึ่งไม่ว่าจะยังไงก็ต้องทำความสะอาดบริเวณที่เลี้ยงแมวทุกวัน โดยเฉพาะการดูดฝุ่นและถูพื้นในห้องแมว เป็นสิ่งที่ควรทำสม่ำเสมอ การเลือกซื้อห้องน้ำแมวอัตโนมัติควรพิจารณาปัจจัยหลายๆ อย่างเพื่อความคุ้มค่าสำหรับทั้งเจ้าของและเจ้าเหมียวให้มากที่สุดนั่นเอง 😺✨
สำหรับใครที่สนใจอยากให้แม่บ้านBluuu ไปช่วยถูพื้นทำความสะอาดภายในบ้าน แม่บ้าน Bluuu จัดให้ แม่บ้านมืออาชีพ ราคาดี จองง่าย บริการประทับใจแน่นอน
ผู้เขียน
Nannicha P.

อาหารก่อมะเร็ง! 5 ประเภทอาหารเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งที่ควรหลีกเลี่ยง
13 March 2025มีคำกล่าวว่า “You are what you eat” (เราคือสิ่งที่เรากิน) ซึ่งสะท้อนความจริงที่ว่าอาหารที่เราบริโภคส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว รวมถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ อย่างมะเร็งด้วย ปัจจุบันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่าอาหารบางประเภทอาจเป็น อาหารก่อมะเร็ง ที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเซลล์มะเร็งหากรับประทานเป็นประจำ ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับอาหารที่อาจก่อมะเร็ง 5 ประเภทซึ่งควรหลีกเลี่ยง พร้อมอธิบายเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความเสี่ยงดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับทางเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งสำหรับผู้อ่านทั่วไปอีกด้วย
อาหารที่อาจก่อมะเร็งที่ควรเลี่ยง
- อาหารแปรรูป (ไส้กรอก แฮม เบคอน)

อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน และเนื้อสัตว์แปรรูปอื่น ๆ เป็นอาหารที่ผ่านกระบวนการถนอมและปรุงแต่งเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา ไม่ว่าจะด้วยการใส่เกลือ สารกันบูด การหมักหรือการรมควัน. กระบวนการเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดสารเคมีอันตรายที่เป็นสารก่อมะเร็งในอาหารได้ เช่น การรมควันหรือย่างด้วยความร้อนสูงอาจทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง ส่วนการใส่สารกันบูดประเภทไนไตรต์ในการหมักเนื้อสามารถทำให้เกิด ไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่ร้ายแรงได้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดให้เนื้อสัตว์แปรรูปอยู่ในกลุ่มสารก่อมะเร็งหมายเลข 1 ซึ่งหมายถึงมีหลักฐานเพียงพอว่าการบริโภคเนื้อแปรรูป เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งในมนุษย์ โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง คณะนักวิจัยของ IARC พบว่าการบริโภคเนื้อแปรรูป ทุก ๆ 50 กรัมต่อวัน (ประมาณไส้กรอกหรือเบคอน 1 ชิ้น) จะเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ประมาณ 18% ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ควรจำกัดปริมาณการทานอาหารแปรรูปเหล่านี้ให้น้อยที่สุดหรือบริโภคเป็นครั้งคราวเท่านั้น
- อาหารปิ้งย่างและไหม้เกรียม

อาหารปิ้งย่างที่ไหม้เกรียม เช่น เนื้อย่างที่มีส่วนเกรียมดำหรืออาหารทอดที่ทอดจนไหม้ เป็นแหล่งของสารก่อมะเร็งบางชนิดที่เกิดจากการปรุงอาหารด้วยความร้อนสูง เมื่อเนื้อสัตว์ถูกย่างหรือทอดด้วยอุณหภูมิสูงจนเกิดการไหม้เกรียม ไขมันและโปรตีน ในเนื้อจะเกิดปฏิกิริยากลายเป็นสารเคมีที่ชื่อว่า เฮเทอโรไซคลิกเอมีน (HCAs) และ พอลิไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs) สารเหล่านี้จัดเป็นสารก่อกลายพันธุ์ที่สามารถทำลายสารพันธุกรรม (DNA) ของเซลล์ได้ และหากร่างกายได้รับต่อเนื่องเป็นเวลานาน สารเหล่านี้อาจกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ไปเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด งานวิจัยชี้ว่าการได้รับสาร HCA และ PAH สะสมในระยะยาวสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งตับอ่อน แม้ว่าการรับประทานอาหารปิ้งย่างเป็นครั้งคราวจะไม่ได้ส่งผลทันที แต่หากรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยวิธีปิ้งย่างหรือทอดจนไหม้บ่อย ๆ ต่อเนื่องกันหลายปี ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย เพื่อความปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการกินส่วนที่ไหม้เกรียมของอาหาร ปรุงอาหารด้วยความร้อนที่พอเหมาะ และสลับไปใช้วิธีการประกอบอาหารอื่น ๆ เช่น ต้ม นึ่ง หรืออบ แทนการปิ้งย่างบ่อย ๆ
- อาหารที่มีสารกันบูดและวัตถุเจือปน (เช่น ไนไตรต์)

วัตถุกันเสียและสารเจือปน ในอาหารบางชนิดอาจมีส่วนกระตุ้นให้เกิดมะเร็ง โดยเฉพาะ สารไนไตรต์ (เช่น โซเดียมไนไตรต์) ซึ่งนิยมใช้ในการถนอมเนื้อสัตว์แปรรูปอย่างเบคอน แฮม ไส้กรอก และเนื้อเค็มต่าง ๆ. สารไนไตรต์ช่วยคงสีแดงชมพูของเนื้อให้น่ารับประทานและยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ทว่าไนไตรต์สามารถทำปฏิกิริยากับโปรตีนในเนื้อหรือกรดในกระเพาะอาหาร กลายเป็น ไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารเคมีกลุ่มที่มีศักยภาพก่อมะเร็งสูงโดยเฉพาะในเบคอนทอดหรืออาหารทอดบางชนิดที่มีไนไตรต์ สารไนโตรซามีนจะเกิดขึ้นในปริมาณที่สูงขึ้น แม้ว่าผู้ผลิตอาหารหลายรายจะเติมสารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซี (กรดแอสคอร์บิก) เพื่อยับยั้งการเกิดไนโตรซามีน แต่ความเสี่ยงจากสารกันบูดชนิดนี้ก็ยังมีอยู่ และมีงานวิจัยเชิงระบาดวิทยาหลายชิ้นที่เชื่อมโยงการบริโภคเนื้อหมักไนไตรต์กับอุบัติการณ์มะเร็งที่สูงขึ้นในเด็ก สตรีมีครรภ์ และผู้ใหญ่ นอกจากไนไตรต์ในเนื้อสัตว์แปรรูปแล้ว อาหารหมักดองเค็ม ที่มีปริมาณเกลือไนเตรตสูงก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งได้เช่นกัน ดังนั้นการหลีกเลี่ยงอาหารที่ใส่สารกันบูดโดยไม่จำเป็นและบริโภคอาหารสดใหม่เป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงการได้รับสารก่อมะเร็งเหล่านี้
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และน้ำอัดลม

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (เหล้า เบียร์ ไวน์) เป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีความสัมพันธ์ชัดเจนกับการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด เอทานอลในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกจัดให้เป็นสารก่อมะเร็งกลุ่มที่ 1 โดย IARC มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1988 ซึ่งหมายถึงมีหลักฐานเพียงพอว่า การดื่มแอลกอฮอล์สามารถก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์ ได้จริง การบริโภคแอลกอฮอล์ไม่ว่าจะมากหรือน้อยล้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็ง อาทิ มะเร็งช่องปาก มะเร็งคอหอยและกล่องเสียง มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ใหญ่ สาเหตุที่แอลกอฮอล์ก่อมะเร็งมีหลายด้าน เช่น เมื่อร่างกายสลายแอลกอฮอล์จะเกิดสาร อะซีตาลดีไฮด์ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่สามารถทำลายดีเอ็นเอและรบกวนการซ่อมแซมเซลล์ ทำให้เซลล์ปกติกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การดื่มสุรายังส่งผลรบกวนการดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น วิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยป้องกันมะเร็ง และทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินได้ง่าย (เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มักให้พลังงานสูงแต่ไม่มีสารอาหารจำเป็น) ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งยืนยันว่า ไม่มีปริมาณแอลกอฮอล์ระดับใดที่ปลอดภัยจากความเสี่ยงมะเร็ง ทุกการดื่มคือการเพิ่มความเสี่ยง โดยแนวทางที่ดีที่สุดคือการงดดื่มหรือดื่มให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

สำหรับ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มรสหวานจัดอื่น ๆ แม้จะไม่มีแอลกอฮอล์แต่ก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพและอาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งทางอ้อมได้ น้ำอัดลมมีปริมาณน้ำตาลสูงมาก; การดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงเป็นประจำจะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานเกินความต้องการและเกิดภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนได้ง่าย โรคอ้วน ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สัมพันธ์กับความเสี่ยงมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งเต้านมหลังหมดประจำเดือน มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งชนิดอื่น ๆ อีกมาก นอกจากนี้ ในน้ำอัดลมชนิดสีเข้มยังมีการแต่งสีด้วยคาราเมลซึ่งอาจมีสารพลอยได้อย่าง 4-MEI (4-Methylimidazole) เล็กน้อย สารนี้มีรายงานการก่อมะเร็งในสัตว์ทดลองเมื่อได้รับในปริมาณสูงมาก (จึงมีการจำกัดปริมาณในการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม) แม้หลักฐานทางการแพทย์เกี่ยวกับน้ำอัดลมกับมะเร็งโดยตรงจะยังไม่ชัดเจนเท่ากับกรณีของแอลกอฮอล์ แต่การหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไปก็เป็นสิ่งจำเป็นต่อการป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหลายชนิดรวมถึงมะเร็ง ดังนั้น ควรดื่มน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มที่ไม่เติมน้ำตาลแทนการดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ
- อาหารที่มีน้ำตาลสูงและไขมันทรานส์

อาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวานต่าง ๆ เบเกอรี่ ลูกอม ช็อกโกแลต เครื่องดื่มชานมไข่มุก และของหวานที่ใส่น้ำตาลมาก ล้วนเป็นอาหารที่ให้พลังงานแคลอรีสูงแต่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ การบริโภคอาหารเหล่านี้ในปริมาณมากและบ่อยครั้งจะส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจนอ้วน ซึ่งโรคอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็ง นอกจากเรื่องน้ำหนักตัวแล้ว การกินน้ำตาลปริมาณสูงอย่างต่อเนื่องยังทำให้ร่างกายเกิดภาวะดื้ออินซูลินและการอักเสบเรื้อรังในระดับเซลล์ ซึ่งสภาพแวดล้อมในร่างกายแบบนี้เอื้อต่อการเกิดและการเติบโตของเซลล์มะเร็งมากขึ้น (เช่น ระดับอินซูลินและโกรทแฟคเตอร์ที่สูงขึ้นอาจกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ผิดปกติ) ดังนั้นการลดการบริโภคน้ำตาลและของหวานลงจะช่วยควบคุมน้ำหนักและลดความเสี่ยงมะเร็งได้ทางหนึ่ง

ไขมันทรานส์ เป็นไขมันไม่อิ่มตัวชนิดหนึ่งที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจน (hydrogenation) ทำให้อาหารเก็บได้นานและกรอบอร่อย ไขมันทรานส์พบได้ในมาการีน เนยขาว ครีมเทียม วิปปิ้งครีม และอาหารทอดหรือขนมขบเคี้ยวที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ/น้ำมันเติมไฮโดรเจน เช่น โดนัท มันฝรั่งทอดกรอบ และขนมอบบางชนิด การบริโภคไขมันทรานส์สูงเป็นที่รู้กันดีว่าจะเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด แต่สำหรับโรคมะเร็งนั้น แม้หลักฐานทางการแพทย์จะยังไม่มากเท่าปัจจัยอื่น ๆ แต่ก็มีงานวิจัยใหญ่ในยุโรปที่พบความเชื่อมโยงระหว่างการกินไขมันทรานส์ในระดับสูงกับความเสี่ยงมะเร็งบางชนิดที่เพิ่มขึ้น เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ใหญ่ กลไกที่เสนอคือไขมันทรานส์มีส่วนกระตุ้นการอักเสบและรบกวนระบบฮอร์โมนในร่างกาย รวมทั้งทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็ง ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกได้สั่งห้ามการใช้ไขมันทรานส์ในอุตสาหกรรมอาหาร เนื่องจากไม่มีความจำเป็นทางโภชนาการและมีแต่โทษต่อสุขภาพ เพื่อความปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันทรานส์สูง โดยสังเกตจากฉลากโภชนาการและส่วนผสมข้างผลิตภัณฑ์
วิธีลดความเสี่ยง: หลีกเลี่ยงอาหารก่อมะเร็งและเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารสามารถช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งได้ในระยะยาว เราสามารถเริ่มได้ด้วยการ หลีกเลี่ยงอาหารก่อมะเร็ง ที่กล่าวมาข้างต้น และเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแทน แนวทางโภชนาการเพื่อการป้องกันมะเร็งจากผู้เชี่ยวชาญมักจะแนะนำให้รับประทานอาหารที่มาจากพืชเป็นหลักและหลากหลายในแต่ละมื้อ ตัวอย่างเช่น ควรแบ่งสัดส่วนในจานอาหารแต่ละมื้อให้ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และถั่วเมล็ดแห้งรวมกันประมาณ สองในสามของจาน ส่วนอีก หนึ่งในสาม เป็นโปรตีนที่มีประโยชน์ เช่น ปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ นมหรือผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ หรือโปรตีนจากพืชอย่างเต้าหู้และถั่วต่าง ๆ การรับประทานผักและผลไม้หลากสีในปริมาณมากเป็นประจำ จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุพร้อมทั้งสาร ไฟโตนิวเทรียนท์ (สารพฤกษเคมี) และ สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีส่วนช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายและลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้ นอกจากนี้ ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต และเมล็ดธัญพืชต่าง ๆ ก็มีใยอาหารสูง ซึ่งใยอาหารจะช่วยในการขับถ่ายสารก่อมะเร็งออกจากลำไส้และช่วยปรับสภาพจุลินทรีย์ในทางเดินอาหารให้เป็นประโยชน์

ในทางปฏิบัติ วิธีลดความเสี่ยงมะเร็งจากอาหาร สามารถทำได้ดังนี้:
- เลือกปรุงอาหารด้วยการต้ม นึ่ง อบ หรือผัดด้วยน้ำแทนการทอดหรือปิ้งย่างไฟแรง เพื่อลดการเกิดสารก่อมะเร็ง
- เลือกซื้อเนื้อสัตว์สดมาปรุงอาหารแทนการกินไส้กรอก เบคอน หรืออาหารแปรรูปบ่อย ๆ และพยายามลดปริมาณเนื้อแดงลงในแต่ละสัปดาห์
- หลีกเลี่ยงอาหารหมักดองเค็มหรืออาหารกระป๋องที่ใส่สารกันบูดบ่อยครั้ง และหันมากินผักผลไม้สดหรืออาหารปรุงสดใหม่
- จำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยที่สุด และดื่มน้ำเปล่าหรือชาไม่ใส่น้ำตาลแทนน้ำอัดลมและน้ำหวาน
- เลือกของว่างเป็นผลไม้สดหรือถั่วเมล็ดแห้งแทนขนมขบเคี้ยวกรุบกรอบที่มีไขมันทรานส์หรือน้ำตาลสูง
- การปรับนิสัยการกินทีละเล็กทีละน้อยเหล่านี้ เมื่อปฏิบัติต่อเนื่องจะช่วยลดการสะสมความเสี่ยงจากอาหารก่อมะเร็ง และส่งเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
พฤติกรรมการบริโภคอาหารเป็นปัจจัยหนึ่งที่เราสามารถควบคุมได้ในการป้องกันโรคมะเร็ง การลดหรืองด อาหารก่อมะเร็ง 5 ประเภทที่ควรเลี่ยงดังที่ได้กล่าวมา พร้อมกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้หลากหลายและสมดุล ถือเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งในระยะยาว แม้มะเร็งจะเป็นโรคที่เกิดจากหลายปัจจัยและไม่มีวิธีป้องกันได้ 100% แต่การดูแลสุขภาพด้วยการกินอาหารที่ดีต่อร่างกาย ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดโอกาสการเกิดโรคร้ายนี้ได้อย่างมาก เริ่มต้นปรับเปลี่ยนตั้งแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่แข็งแรงและห่างไกลจากโรคมะเร็งของตัวคุณเองและทุกคนที่คุณรัก และถ้าหากคุณไม่อยากทำความสะอาดบ้านเอง อย่าลืมคิดถึงแม่บ้านออนไลน์ Bluuu จ้างแม่บ้านให้ไปดูแลบ้านของคุณด้วยแม่บ้านมืออาชีพในราคาสุดประหยัด กดจอง ได้ง่ายมากๆ
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.

สาหร่ายสไปรูไลนา: ซูเปอร์ฟู้ดแห่งอนาคตเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืน
12 March 2025หากพูดถึง “ซูเปอร์ฟู้ด” ที่ได้รับความนิยมในหมู่คนรักสุขภาพ หนึ่งในอาหารที่โดดเด่นและถูกยกให้เป็นแหล่งสารอาหารที่ทรงพลังที่สุดก็คือ สาหร่ายสไปรูไลนา (Spirulina) สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินที่เป็นที่รู้จักและใช้บริโภคมานานหลายศตวรรษ ไม่เพียงแต่ให้โปรตีนสูง แต่ยังอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงสุขภาพในหลากหลายด้าน
สาหร่ายสไปรูไลนาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากที่สุดในโลก มีการนำมาใช้ในวงการแพทย์ การดูแลสุขภาพ และแม้กระทั่งเป็นอาหารเสริมสำหรับนักบินอวกาศ เนื่องจากคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วนและศักยภาพในการช่วยฟื้นฟูร่างกายได้อย่างมหัศจรรย์
สาหร่ายสไปรูไลนาคืออะไร?

สาหร่ายสไปรูไลนาเป็นสาหร่ายจุลินทรีย์ในกลุ่ม ไซยาโนแบคทีเรีย (Cyanobacteria) หรือที่หลายคนอาจรู้จักในชื่อ “สาหร่ายเกลียวทอง” ซึ่งเติบโตได้ดีในแหล่งน้ำจืดและน้ำเค็มที่มีอุณหภูมิอบอุ่น มีลักษณะเป็นเส้นใยขนาดเล็กที่ขดเป็นเกลียว สามารถมองเห็นได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์
มนุษย์ใช้สาหร่ายสไปรูไลนาเป็นอาหารมาตั้งแต่ยุคโบราณ โดยชาวแอซเท็กในอเมริกากลางและชนพื้นเมืองแอฟริกามักเก็บเกี่ยวสาหร่ายชนิดนี้จากทะเลสาบมาบริโภคเป็นแหล่งพลังงานหลัก ในปัจจุบัน สาหร่ายสไปรูไลนาถูกผลิตในฟาร์มเพาะเลี้ยงและนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบผง เม็ด และแคปซูล เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถรับประทานได้ง่ายขึ้น
บลูสไปรูไลนา (Blue Spirulina) คืออะไร?

บลูสไปรูไลนาเป็นสารสกัดที่ได้จากสไปรูไลนา โดยดึงเอาสารสำคัญที่ชื่อว่า ไฟโคไซยานิน (Phycocyanin) ออกมา ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ทำให้เกิดสีฟ้าสดใสของสาหร่ายชนิดนี้
คุณสมบัติของบลูสไปรูไลนา:
- มีสีฟ้าสดใส ใช้เป็นสีผสมอาหารจากธรรมชาติ
- มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
- ไม่มีกลิ่นหรือรสของสาหร่ายมากเท่ากับสไปรูไลนาธรรมดา
- นิยมนำไปผสมในสมูทตี้ ขนม หรือเครื่องดื่มเพื่อให้ได้สีฟ้าสวยงาม
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบลูสไปรูไลนาเป็นเพียงสารสกัดจากสาหร่ายสไปรูไลนา มันจึงไม่มีโปรตีนและวิตามินมากเท่ากับสไปรูไลนา
คุณค่าทางโภชนาการของสาหร่ายสไปรูไลนา
สิ่งที่ทำให้สาหร่ายสไปรูไลนาโดดเด่นกว่าอาหารเสริมทั่วไป คือ ความอุดมสมบูรณ์ของสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งรวมถึง
🔹 โปรตีนสูงมากกว่า 60-70% ของน้ำหนักแห้ง และเป็นโปรตีนที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายกว่าจากเนื้อสัตว์หรือพืชชนิดอื่น
🔹 วิตามิน B-complex ช่วยเสริมสร้างพลังงานและบำรุงระบบประสาท
🔹 ธาตุเหล็ก ที่ช่วยบำรุงเลือดและลดอาการอ่อนเพลีย
🔹 แมกนีเซียมและโพแทสเซียม ช่วยปรับสมดุลระบบไหลเวียนโลหิต
🔹 สารไฟโคไซยานิน (Phycocyanin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยต้านการอักเสบ
🔹 กรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน ที่ร่างกายต้องการ
🔹 โอเมก้า 3, 6, 9 ที่ช่วยบำรุงสมองและหัวใจ
ด้วยสารอาหารที่ครบถ้วนนี้ ทำให้สาหร่ายสไปรูไลนาเป็นแหล่งพลังงานชั้นยอดสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพในทุกช่วงวัย
ประโยชน์ของสาหร่ายสไปรูไลนา
ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สูง สาหร่ายสไปรูไลนาจึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
1. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
สารไฟโคไซยานินที่พบในสาหร่ายสไปรูไลนามีฤทธิ์ช่วย กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคและป้องกันการติดเชื้อต่างๆ ได้ดีขึ้น
2. บำรุงสมองและระบบประสาท
สาหร่ายสไปรูไลนาอุดมไปด้วยวิตามินบีรวม (B1, B2, B3) และโอเมก้า 3 ซึ่งช่วยเสริมสร้างความจำ ลดความเครียด และป้องกันโรคทางสมอง เช่น อัลไซเมอร์และพาร์กินสัน
3. ลดคอเลสเตอรอลและควบคุมความดันโลหิต
การศึกษาพบว่าสาหร่ายสไปรูไลนาสามารถช่วย ลดระดับไขมัน LDL (ไขมันไม่ดี) และเพิ่ม HDL (ไขมันดี) รวมถึงช่วย ควบคุมความดันโลหิต ทำให้ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
4. ช่วยควบคุมน้ำหนักและเผาผลาญไขมัน
สาหร่ายสไปรูไลนามีไฟเบอร์สูง ช่วยให้อิ่มนาน ลดความอยากอาหาร และกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ทำให้เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
5. ดีทอกซ์สารพิษและขับโลหะหนักออกจากร่างกาย
สาหร่ายสไปรูไลนามีคุณสมบัติช่วย จับสารพิษและโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท และสารพิษจากมลภาวะต่างๆ ทำให้ตับและไตสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วิธีรับประทานสาหร่ายสไปรูไลนา
สาหร่ายสไปรูไลนาสามารถรับประทานได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น
🥤 ผสมในน้ำผลไม้หรือสมูทตี้
🥗 โรยลงบนสลัดหรือโยเกิร์ต
🍲 ใส่ในซุปหรืออาหารต่างๆ
💊 รับประทานในรูปแบบเม็ดหรือแคปซูลเป็นอาหารเสริม

ปริมาณที่แนะนำ
- เริ่มต้นที่ 1-3 กรัมต่อวัน และสามารถเพิ่มได้ถึง 5-10 กรัม ขึ้นอยู่กับเป้าหมายสุขภาพของแต่ละคน
ข้อควรระวังและข้อแนะนำ
แม้ว่าสาหร่ายสไปรูไลนาจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังที่ต้องใส่ใจ:
❌ ผู้ที่มีภาวะธาตุเหล็กสูง ควรหลีกเลี่ยง
❌ ผู้ที่เป็นโรคไตควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
❌ ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ปราศจากสารปนเปื้อน
สรุป
สาหร่ายสไปรูไลนาเป็นซูเปอร์ฟู้ดที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน เช่น การเสริมภูมิคุ้มกัน ควบคุมน้ำหนัก และล้างสารพิษ สามารถรับประทานได้ง่ายในชีวิตประจำวัน หากคุณกำลังมองหาอาหารเสริมจากธรรมชาติที่ช่วยบำรุงสุขภาพโดยรวม สาหร่ายสไปรูไลนาอาจเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับคุณ! หากคุณไม่มีเวลาว่างในการทำความสะอาดบ้านสามารถจ้างแม่บ้าน แบบรายชั่วโมง ให้มาทำความสะอาด ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่นี่
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.

ทำความสะอาดเครื่องประดับเงินให้เงาเหมือนใหม่ จากของใช้ในบ้าน
08 March 2025นักสะสมของเก่าหรือคนที่มีเครื่องประดับเงิน ไม่ว่าจะเป็นสร้อยเงิน แหวน กำไล หรือเข็มขัดเงิน คงเคยเจอปัญหาคราบดำ ดูสกปรกไม่น่าใช้งานเมื่อเก็บไว้เป็นเวลานาน คราบดำเหล่านี้ เกิดจากอะไร และมีวิธีไหนบ้างทำให้เครื่องประดับเงินกลับมาดูใหม่เหมือนเดิม บทความนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำวิธีทำความสะอาดเครื่องประดับเงิน หรือของใช้ที่ทำจากเงินมาฝากค่ะ รับรองว่าคราบดำหายเกลี้ยงแน่นอน
คราบดำบนเครื่องประดับเงินเกิดจากอะไร ?
เครื่องประดับเงินเมื่อเก็บไว้นานๆจะเป็นสีดำ ดูเก่าไม่น่าใช้ บางคนอาจจะทิ้งไปเลยก็ได้ แล้วคราบดำนี้เกิดจากอะไร คราบดำที่เกาะบนเครื่องประดับเงิน เกิดจากเครื่องเงินทำปฏิกิริยากับออกซิเจนและซัลเฟอร์ในอากาศ ซึ่งอาจมาจากน้ำฝน หรือสารเคมี ทำให้เกิดชั้นฟิล์มสีดำเกาะอยู่บนเครื่องเงินนั่นเอง และเหงื่อไคลจากร่างกายของเราก็มีส่วนทำให้เครื่องเงินเกิดคราบดำได้เช่นกัน นอกจากนี้คุณภาพการผลิตเครื่องเงินก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน

วิธีทำความสะอาดคราบดำบนเครื่องเงินจากของใช้ในบ้าน
หลายๆคนอาจยังไม่รู้ว่าของใช้ภายในบ้านสามารถช่วยกำจัดคราบดำที่ติดอยู่บนเครื่องเงินได้
- ยาสีฟัน : ยาสีฟันช่วยขัดเครื่องเงินให้เงาและขาวขึ้นได้ โดยการนำผ้าชุบยาสีฟันแล้วทาไว้ที่เครื่องประดับเงิน ปล่อยทิ้งไว้ 30 นาที จากนั้นให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดคราบยาสีฟันออก เช็ดและขัดจนกว่าคราบดำจะหลุดออกไป
- น้ำยาล้างจาน : น้ำยาล้างจานสามารถช่วยล้างคราบดำบนเครื่องเงินออกไปได้ โดยเราจะใช้น้ำยาล้างจานผสมลงในน้ำอุ่น แล้วเช่เครื่องเงินลงไป ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วใช้แปรงสีฟันขัดให้สะอาด ใช้ผ้าเช็ดให้แห้งแล้วนำไปจัดเก็บ
- มะขามเปียก : สมัยก่อนนิยมใช้มะขามเปียกในการแช่เครื่องเงินจากคราบดำ โดยนำน้ำมะขามเปียกผสมน้ำอุ่น ให้เป็นน้ำเหลวๆ ใส่เครื่องประดับเงินลงไปแช่ทิ้งไว้ หากคราบดำเยอะให้ใช้เวลานานได้ เมื่อครบเวลาแล้วให้ใช้แปรงสีฟัน ขัดคราบให้สะอาด ล้างด้วยน้ำเปล่าแล้วเช็ดให้แห้ง
- ซอสมะเขือเทศ : ซอสมะเขือเทศที่เราใช้ในครัวสามารถนำมาใช้ขจัดคราบดำบนเครื่องเงินได้ โดยนำซอสมะเขือเทศมาทาบนเครื่องเงิน ทิ้งไว้สักครู่ จากนั้นนำผ้าสำหรับเช็ดเครื่องประดับถูวนให้คราบหลุดออกไป ใช้ผ้าชุบน้ำทพความสะอาด แล้วเช็ดให้แห้ง
- เบกกิ้งโซดา : เป็นของใช้ในครัวที่หลายๆบ้านต้องมี เพราะใช้ประโยชน์ได้เยอะมาก เบกกิ้งโซดาสามารถช่วยขจัดคราบดำบนเครื่องประดับเงินได้เช่นกัน โดยนำเบกกิ้งโซดาใส่ลงไปในน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น น้ำ1 ถ้วย ต่อ เบกกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะ นำเครื่องเงินลงไปแช่ ทิ้งไว้สักครู่ดูการเปลี่ยนแปลง นำแปรงสีฟันขัดคราบให้สะอาด แล้วเช็ดด้วยผ้าแห้ง
- กระดาษฟลอยด์ : อีกหนึ่งวิธีคือการรองกระดาษฟลอยด์ลงในแก้ว ใส่น้ำร้อนและละลายเบกกิ้งโซดาลงไป 2 ช้อนโต๊ะ แล้วแช่เครื่องประดับเงินลงไป วิธีนี้เมื่อความร้อนโดนคราบที่เกาะคราบนั้นจะหลุดออกและไปจับตัวที่กระดาษฟลอยด์แทน หากคราบยังออกไม่หมดให้ใช้แปรงสีฟันขัด
- น้ำส้มสายชู : น้ำส้มสายชูแทบจะเป็นเครื่องปรุงที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายมาก เราสามารถนำเครื่องประดับเงินแช่ลงในน้ำส้มสายชู และผสมเบกกิ้งโซดาลงไปได้เล็กน้อย กรดของน้ำส้มสายชูจะช่วยกัดเซาะคราบดำให้หลุดออกง่ายขึ้น โดยแช่ทิ้งไว้ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง จากนั้นใช้แปรงสีฟันขัดตามซอกมุม แล้วนำไปล้างน้ำสะอาด เช็ดให้แห้ง

วิธีทำความสะอาดคราบดำบนเครื่องเงินจากน้ำยาล้างเครื่องเงิน
นอกจากจะใช้ของที่มีในบ้านมาทำความสะอาดได้แล้ว หากใครมีเครื่องเงินเป็นจำนวนมาก คราบฝังลึกเป็นเวลานาน แนะนำให้ใช้น้ำยาล้างเครื่องเงินโดยเฉพาะ เพราะทำความสะอาดง่าย ราคาไม่สูงเกินไป
- น้ำยาล้างเครื่องเงิน : เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับผู้ใช้งาน หากมีเครื่องเงินเป็นคราบดำจำนวนมาก หรือมีรายละเอียดบนเนื้องานเยอะ น้ำยาล้างเครื่องเงินมีหลายยี่ห้อในท้องตลาด สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป มีตั้งแต่ราคาหลักสิบไปจนถึงหลักร้อย นอกจากนี้น้ำยาล้างเครื่องเงิน ยังสามารถช่วยทำความสะอาดคราบหมองคล้ำเครื่องประดับชนิดอื่น ไม่ว่าจะเป็นทอง ทองเค หรือนาก ได้เช่นกัน
ควรอ่านวิธีการใช้งานอย่างเคร่งครัด และไม่ควรใช้มือสัมผัสน้ำยาโดยตรง
- ผ้าเช็ดเครื่องเงิน : ปัจจุบันมีผ้าที่ใช้สำหรับเช็ดเครื่องเงินโดยเฉพาะ เป็นผ้าคอตตอน 100% ชุบน้ำยา เหมาะกับเครื่องประดับที่มีผิวเรียบ แต่ไม่เหมาะกับเครื่องประดับที่มีลายฉลุ หรือรอยลึก เพราะผ้าจะไม่สามารถเช็ดได้อย่างทั่วถึง โดยผ้าหนึ่งผื่นสามารเช็ดทำความสะอาดได้นานจนกว่าผ้าจะเป็นคราบดำแล้วทั้งผืน หาซื้อได้ตามช่องทางออนไลน์ ราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักสิบถึงหลักร้อย
- แป้งจีนขัดเงิน : การใช้แป้งจีนขัดเงิน เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่แพ้สารเคมี โดยแป้งจีนเป็นแป้งสำหรับทาหน้า แต่นิยมนำมาใช้ในการขัดเครื่องเงินเพราะจะทำให้ผิวเครื่องเงินไม่กระด้างเหมือนการล้างด้วยน้ำยา โดยแป้งจีนมีราคาถูกแค่หลักสิบ หาซื้อง่าย
วิธีใช้แป้งจีนขัดเงิน คือใช้ผ้าที่ไม่กระด้าง เช่น ผ้าไมโครไฟเบอร์ ปาดแป้งลงบนผ้า แล้วใช้เครื่องเงินถูลงไปบนผ้าเบาๆ จนกว่าคราบดำจะหลุดออก หากเครื่องประดับมีลายที่ผ้าซอกซอนไม่ถึงให้ใช้แปรงสีฟันขนอ่อนขัด นอกจากนี้ยังสามารถใช้เช็ดเครื่องประดับชนิดอื่นได้อีกด้วย
วิธีป้องกันไม่ให้เครื่องเงินกลับมามีคราบดำ
- การทำความสะอาด : หลังการสวมใส่เครื่องเงินทุกครั้งควรเช็ดทำความสะอาด เพราะร่างกายเรามีทั้งคราบเหงื่อไคล และสิ่งสปรก หากถอดแล้วไม่ได้ทำความสะอาดแน่นอนว่าเครื่องเงินจะเกิดคราบดำอย่างแน่นอน และควรหมั่นทำความสะอาดเครื่องเงินที่เก็บไว้อยู่เสมอหากเกิดคราบดำ
- การจัดเก็บ : จากที่กล่าวข้างต้นเครื่องเงิน เมื่อถูกปฏิกิริยากับซัลเฟอร์ในอากาศ จำทำให้ดำ เป็นคราบไม่น่ามอง โดยวิธีจัดเก็บควรเก็บไม่ให้โดนอากาศ โดยการเก็บเครื่องเงินใส่ถุงซิปล็อก แบบมิดชิด หรือเก็บใส่กล่อง โดยเก็บให้ห่างจากความชื้น
การทำความสะอาดเครื่องเงินที่ดำ ดูเก่าไม่น่ามอง สามารถทำได้ง่ายตามขั้นตอนที่ผู้เขียนแนะนำได้เลยค่ะ ทำง่ายโดยใช้ของที่มีอยู่แล้วในบ้าน หรือใครไม่สะดวกก็สามารถใช้น้ำยาหรือผ้าล้างเครื่องเงิน หลังจากทำความสะอาดแล้ว การเก็บรักษาก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่ควรมองข้าม
นอกจากเครื่องประดับจะสะอาดแล้ว หากต้องการแม่บ้านมาช่วยดูความสะอาดภายในบ้าน แบบรายชั่วโมง ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอีดยดได้ที่ Bluuu แม่บ้านออนไลน์
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.

โซดาไฟสารเคมีทำความสะอาดบ้านที่ห้ามใช้ร่วมกัน ใช้ผิดชีวิตเปลี่ยน
06 March 2025รู้หรือไม่ว่าในทุกๆวันในการทำความสะอาดบ้านเราต้องเจอและสัมผัสกับสารเคมีอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก แชมพู หรือครีมอาบน้ำ ก็ต่างทำมาจากสารเคมีทั้งนั้น มีข้อควรรู้อีกหลายอย่างที่เราจำเป็นต้องรู้เพราะสารเคมีสำหรับทำความสะอาดบางประเภท ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ หากใช้ร่วมกันจะก่อให้เกิดก๊าซพิษ เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งาน อาจทำให้เสียชีวิตได้
กลุ่มของสารเคมี กลุ่มที่เป็นกรดและเบส ที่นิยมใช้ในบ้าน ได้แก่
สิ่งที่เป็น กรด ได้แก่ มะนาว น้ำส้มสายชู ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และกรดแก่ เช่น น้ำยาล้างห้องน้ำ
สิ่งที่เป็นเบส ได้แก่ เกลือ น้ำยาล้างจาน เบกกิ้งโซดา ครีมออฟทาร์ทาร์ และเบสแก่ เช่น โซดาไฟ น้ำยาฟอกขาว
*หากมีการใช้สารเคมีประเภท “เบสแก่” และ “กรดแก่” มาผสมกันจะทำให้เกิดก๊าซพิษ เป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก
สารเคมีทำความสะอาดที่ห้ามใช้ร่วมกัน

- น้ำยาล้างห้องน้ำ ห้ามใช้ร่วมกับโซดาไฟ : เมื่อสองสิ่งนี้มาผสมกันจะทำให้เกิดแก๊สคลอรีนเป็นแก๊สที่เป็นพิษ สามารถระเบิดได้ ส่วนมากโซดาไฟจะใช้เมื่อท่อตัน สามารถใช้ได้แต่ควรใช้เดี่ยวๆ ไม่ควรผสมสารเคมีชนิดอื่นหรือราดท่อตามกันไป เพราะจะทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้และยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
- น้ำยาฟอกขาว(ไฮเตอร์) ห้ามใช้ร่วมกับน้ำยาล้างห้องน้ำ : ทำให้เกิดแก๊สพิษและเป็นอันตรายต่อผู้ใช้มากๆ มีหลายคนที่คิดว่าล้างห้องน้ำโดยที่ใช้น้ำยาล้างห้องน้ำผสมกับไฮเตอร์ จะช่วยทำให้ห้องน้ำสะอาดขจัดคราบได้ดี กล่าวคือการล้างห้องน้ำใช้แค่น้ำยาล้างห้องน้ำอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วค่ะ
- น้ำส้มสายชู ห้ามใช้ร่วมกับโซดาไฟ : โซดาไฟเป็นเบสแก่ ไม่ควรนำมาใช้คู่กับกรดเด็ดขาด เพราะทำให้เกิดแก๊สพิษเช่นกัน
- โซดาไฟ : ควรใช้เดี่ยวๆ ไม่ควรผสมกับสารเคมีชนิดอื่น แต่ควรใช้ในปริมาณน้อยๆ เช่น 50 กรัม ผสมน้ำ 1 ลิตร เทลงท่อหรือชักโครกเพื่อล้างสิ่งอุดตัน รอให้โซดาไฟออกฤทธิ์แล้วเทน้ำเปล่าราดตามเพื่อล้างโซดาไฟออกให้หมด
ข้อควรระวังในการใช้งานสารเคมี กรดแก่หรือเบสแก่ ในการทำความสะอาด
- การใช้สารเคมีกรดแก่และเบสแก่ควรใส่ถุงมือยาง ผ้าปิดจมูก และสวมแว่นตาทุกครั้ง เพื่อป้องกันการกระเด็นสู่ผิวหนังและดวงตานั่นเอง
- เมื่อใช้สารเคมีในการทำความสะอาด ควรสังเกตทิศทางลม ควรอยู่เหนือทิศทางลม เพราะถ้าเราใช้นำยาล้างห้องน้ำเมื่อสูดดมเข้าไปแล้ว สารเคมีอาจเข้าไปทำลายเยื่อบุจมูกได้ นอกจากนี้ยังเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ
- หากโดนสารเคมี ต้องรีบล้างทำความสะอาดผิวด้วยน้ำเปล่าทันที และเปิดประตูหรือหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ
สูตรทำความสะอาดที่สามารถใช้ร่วมกันได้
สารเคมีอื่นๆ ที่นอกเหนือจากเบสแก่ และกรดแก่ สามารถนำมาทำความสะอาดร่วมกันได้ เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เกลือ เบกกิ้งโซดา น้ำส้มสายชู ครีมออฟทาร์ทาร์ น้ำยาล้างจาน สามารถทำความสะอาดได้เหมือนกัน
เบกกิ้งโซดากับน้ำส้มสายชู : เบกกิ้งโซดาที่เป็นเบสกับน้ำส้มสายชูที่มีความเป็นกรด จะมีประสิทธิภาพช่วยในเรื่องของการกำจัด เพราะจะเกิดเป็นสารคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำและเกลือ จะช่วยในการขัดอุปกรณ์ต่างๆและชำละล้างได้เป็นอย่างดี
ข้อพึงระวัง : ไม่ควรเขย่าเบกกิ้งโซดากับน้ำส้มสายชูในภาชนะที่ปิดฝา เพราะจะเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งทำให้เกิดอันตรายจากแรงดันได้
เบกกิ้งโซดากับน้ำยาล้างจาน : สามารถช่วยล้างห้องน้ำได้ เพราะผงจากเบกกิ้งโซดาจะช่วยขัดคราบได้ สามารถนำไปล้างจาน ล้างคราบมันบนกล่องพลาสติก หรือขัดหม้อที่มีคราบไหม้ดำได้เช่นกัน
เกลือ : ใช้ทำความสะอาดคราบมัน ทำความสะอาดปลา หรือผัก ได้ แต่อย่าลืมว่าเมื่อเราใช้เกลือทำความสะอาดแล้วทิ้งไว้นานอาจทำให้อาหารดูดซับความเค็มได้นั่นเอง
ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ : มีเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ 3-12% สามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสม ในด้านของการทำความสะอาด จะช่วยในการทำความสะอาดคราบสกปรกและฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ได้ เช่น หากมีคนในบ้านป่วย เป็นหวัด สามารถใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ผสมน้ำเช็ดตามบ้าน บริเวณต่างๆที่ผู้ป่วยสัมผัสได้
น้ำส้มสายชู : ไม่เป็นอันตรายเพราะมีค่า pH ที่สามารถทานได้ ช่วยกำจัดคราบบนอุปกรณ์ หรือคราบหินปูนในชักโครก สามารถขจัดกลิ่นอับได้ ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ทั้งใช้ซักผ้า ถูพื้น ช่วยกำจัดกลิ่นอับ นับได้ว่าน้ำส้มสายชูเป็นอีกของใช้ที่ต้องมีติดบ้านเลยค่ะ
ข้อควรระวัง : ไม่ควรใช้น้ำส้มสายชูเช็ดบนพื้นผิวที่เป็นหินอ่อน
การใช้งานสารเคมีในการทำความสะอาดบ้าน ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและควรศึกษาถึงอันตรายจากการใช้งาน เพราะหากไม่ศึกษาให้ดี อาจก่อให้เกิดโทษและอันตรายตามมาได้
หากต้องการอ่านบทความสำหรับประโยชน์ของน้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดา สามารถอ่านได้ที่ เคล็ดลับทำความสะอาดบ้านด้วยน้ำส้มสายชู และ เคล็ดลับทำความสะอาดบ้านด้วยเบกกิ้งโซดา
เรายังมีเทคนิคทำความสะอาดบ้านด้วยของใช้ในบ้านมาแชร์อีกหลายบทความ สามารถติดตามได้ที่ เว็บไซต์ของเรา นะคะ
หรือหากคุณต้องการบริการแม่บ้านรายชั่วโมง ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล สามารถอ่านรายละเอียดราคาและขอบเขตการให้บริการได้ที่ Bluuu แม่บ้านออนไลน์
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.

เขียงไม้ เขียงพลาสติก และเขียงสแตนเลส เขียงแบบไหนดีที่สุดสำหรับคุณ?
06 March 2025เมื่อพูดถึง เขียง อุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้ในครัว หลายคนอาจไม่เคยนึกถึงว่าการเลือกเขียงที่เหมาะสมมีผลต่อ สุขอนามัย อาหาร และอายุการใช้งานของมีด มากแค่ไหน ปัจจุบันมีเขียงหลายประเภทให้เลือกใช้ โดยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ เขียงไม้, เขียงพลาสติก และเขียงสแตนเลส ซึ่งแต่ละแบบล้วนมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกข้อดีและข้อเสียของเขียงแต่ละประเภท เพื่อช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกเขียงที่เหมาะกับสไตล์การทำอาหารของคุณมากที่สุด
เขียงไม้
เขียงไม้ เป็นตัวเลือกยอดนิยมของเชฟและผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหารมานาน ด้วยคุณสมบัติของไม้ที่มีความแข็งแรงแต่ไม่แข็งจนเกินไป ทำให้ไม่ทำลายความคมของมีดเหมือนกับเขียงที่มีพื้นผิวแข็งประเภทอื่น นอกจากนี้ยังมีความเป็นธรรมชาติและให้ความรู้สึกอบอุ่นเมื่อนำมาใช้ในครัว
แม้ว่าเขียงไม้จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็ต้องแลกมากับการดูแลรักษาที่เข้มงวด เนื่องจากไม้มีรูพรุนซึ่งสามารถดูดซับน้ำและของเหลวจากอาหารได้ง่าย ทำให้เกิดการสะสมของเชื้อราและแบคทีเรียได้หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง หลังจากใช้งาน ควรรีบล้างและเช็ดให้แห้งทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้เขียงเปียกชื้นนานเกินไป การทาน้ำมันเป็นระยะก็ช่วยรักษาสภาพของไม้ไม่ให้แตกหรือแห้งเกินไป
ข้อได้เปรียบสำคัญของเขียงไม้ คือความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากรอยมีดที่เกิดขึ้นบนเขียงไม้สามารถปิดตัวเองได้บางส่วนตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามหากมีร่องลึกมากเกินไป ควรทำการขัดผิวไม้เพื่อลดโอกาสการสะสมของแบคทีเรีย
ถึงแม้ว่าเขียงไม้จะมีราคาแพงกว่าเขียงพลาสติกทั่วไป แต่ถ้าหากได้รับการดูแลที่เหมาะสม ก็สามารถใช้งานได้ยาวนานเป็นสิบปี จึงถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับคนที่ต้องการเขียงที่มีความทนทานและปลอดภัยต่ออาหาร

เขียงพลาสติก
หากคุณมองหาเขียงที่ดูแลง่าย ราคาจับต้องได้ และเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ เขียงพลาสติก อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม พลาสติกมีความยืดหยุ่นสูง น้ำหนักเบา และไม่ดูดซับของเหลว ทำให้ล้างทำความสะอาดได้ง่ายและแห้งเร็ว
หนึ่งในจุดเด่นของเขียงพลาสติกคือสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องล้างจานได้ ซึ่งแตกต่างจากเขียงไม้ที่ต้องการการดูแลอย่างพิถีพิถัน นอกจากนี้ยังมีให้เลือกหลายขนาดและหลายสี ทำให้สามารถแยกใช้ตามประเภทของอาหาร เช่น ใช้เขียงสีเขียวสำหรับผัก สีแดงสำหรับเนื้อสัตว์ และสีน้ำเงินสำหรับอาหารทะเล ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนข้ามประเภทอาหาร (cross-contamination)
อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของเขียงพลาสติก ก็คือพื้นผิวที่อ่อนนุ่มกว่าทำให้เกิดร่องจากรอยมีดได้ง่าย เมื่อมีรอยขีดข่วนมากขึ้น แบคทีเรียสามารถสะสมอยู่ในร่องเหล่านั้นและทำให้การทำความสะอาดยากขึ้น แม้ว่าจะสามารถฆ่าเชื้อได้ด้วยการใช้น้ำร้อนและสบู่ แต่เมื่อเขียงเริ่มมีรอยลึกมากเกินไป ก็ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ
อีกหนึ่งข้อเสียของเขียงพลาสติกคือหากเป็นพลาสติกคุณภาพต่ำ อาจเสื่อมสภาพและแตกหักได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับความร้อนสูง หรือเมื่อถูกใช้งานเป็นเวลานาน ดังนั้นควรเลือกซื้อเขียงที่ผลิตจาก พลาสติกคุณภาพสูง (BPA-Free) เพื่อให้ปลอดภัยต่อการประกอบอาหาร

เขียงสแตนเลส
เขียงสแตนเลส เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่ร้านอาหารและครัวอุตสาหกรรม เนื่องจากมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในด้าน ความสะอาด ทนทาน และง่ายต่อการบำรุงรักษา สแตนเลสเป็นวัสดุที่ไม่ดูดซับของเหลว จึงไม่มีปัญหาเรื่องการสะสมของเชื้อโรคหรือกลิ่นเหม็นจากอาหารเหมือนเขียงไม้และพลาสติก
ข้อได้เปรียบหลักของเขียงสแตนเลส คือสามารถทำความสะอาดได้ง่าย ไม่เกิดรอยขีดข่วนลึกเหมือนเขียงพลาสติก และไม่ต้องกังวลเรื่องเชื้อราเหมือนเขียงไม้ นอกจากนี้ยังสามารถทนต่ออุณหภูมิสูงได้ดี ทำให้สามารถใช้ร่วมกับอาหารที่ร้อนจัดได้โดยไม่เสียหาย
อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนสำคัญของเขียงสแตนเลสคือ ความแข็งของพื้นผิว ซึ่งอาจทำให้มีดเสื่อมคมเร็วขึ้น และเวลาหั่นอาหารอาจทำให้เกิดเสียงดังที่ไม่เป็นที่พึงประสงค์สำหรับบางคน
แม้ว่าจะมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่สำหรับผู้ที่ต้องการความสะอาดและความทนทานเป็นหลัก เขียงสแตนเลสถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ โดยเฉพาะสำหรับการทำอาหารประเภทที่ต้องใช้ความสะอาดสูง เช่น เนื้อสัตว์ อาหารทะเล หรืออาหารที่ต้องการการหั่นที่แม่นยำ

ควรเลือกเขียงประเภทไหนดี?

หากคุณต้องการ เขียงที่ดีที่สุดสำหรับทุกสถานการณ์ ไม่มีคำตอบเดียวที่เหมาะกับทุกคน ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการมี เขียงมากกว่าหนึ่งประเภท เพื่อแยกประเภทการใช้งานตามความเหมาะสม
- เขียงไม้ เหมาะสำหรับการหั่นผักและผลไม้ ช่วยรักษาคมมีด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- เขียงพลาสติก เหมาะสำหรับการหั่นเนื้อสัตว์หรือของที่ต้องทำความสะอาดบ่อยๆ ใช้งานง่าย ราคาประหยัด
- เขียงสแตนเลส เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความสะอาดสูง เช่น อาหารทะเลหรือเนื้อดิบ

หากคุณต้องการทั้งความสะอาด ความปลอดภัย และอายุการใช้งานที่ยาวนาน การเลือกใช้เขียงที่เหมาะกับแต่ละประเภทอาหารจะช่วยให้คุณสามารถประกอบอาหารได้สะดวกขึ้น และยังช่วยรักษาคุณภาพของมีดและอาหารให้ดีที่สุดอีกด้วย และถ้าผู้อ่านต้องการหาแม่บ้านคุณภาพดีมาช่วยทำความสะอาดบ้านของคุณ กด จองแม่บ้าน bluuu ได้เลย บริการแม่บ้านคุณภาพดี ทำความสะอาดระดับมืออาชีพ ไม่ต้องกังวลเรื่องบ้านสกปรกอีกต่อไป!
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.

10 วิธีง่ายๆ ทำให้บ้านเย็นขึ้น หน้าร้อนนี้ประหยัดไฟแน่นอน
05 March 2025แดดหน้าร้อนของประเทศไทยยิ่งทวีความร้อนขึ้นทุกๆปี อุณหภูมิสูงมากถึง 45 องศา ส่งผลต่อการอาศัยอยู่ของผู้คน สัตว์เลี้ยงภายในบ้าน เคยมีความสงสัยหรือไม่ว่า มีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้บ้านเย็นขึ้น นอกจากการเปิดแอร์ การเปิดแอร์เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และยิ่งเปิดแอร์ในสภาพอากาศที่ร้อนมากๆจะทำให้แอร์ทำงานหนัก ค่าไฟพุ่งแน่นอน ก่อนอื่นเราควรวิเคราะห์ความร้อนว่ามาจากไหน ซึ่งการแก้ปัญหามีหลายวิธี แตกต่างกันไปในแต่ละบ้าน หากเรารู้สาเหตุและวิธีป้องกันก็สามารถช่วยลดค่าไฟฟ้าในช่วงหน้าร้อนได้
เรามีวิธีอะไรบ้างที่จะช่วยทำให้บ้านเย็นขึ้น

- ฉนวนกันความร้อน : ฉนวนกันความร้อนมีหลายชนิด หลายยี่ห้อ โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้ฉนวนกันความร้อนวางไว้บนฝ้าใต้หลังคา หรือวางไว้กับผนังกรณีที่ทำผนัง 2 ชั้น - ฉนวนกันความร้อนนี้สามารถซื้อมาติดเองได้ ช่วยป้องกันความร้อนจากหลังคาลงสู่ตัวบ้านได้เป็นอย่างดี เก็บอุณหภูมิ และเก็บเสียง ราคาไม่สูงมาก
- เลือกสีทาบ้านโทนเย็น : สีเขียว สีฟ้า หรือหากเป็นโทนร้อนให้ใช้สีอ่อนๆแทน ปัจจุบันสีทาบ้าน มีนวัตกรรมสารกันความร้อน สะท้อนความร้อน ป้องกัน UV โดยสามารถเลือกใช้ได้ทั้งสีภายใน และสีทาภายนอก เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่มีงบไม่เยอะ สามารถลงมือทาเองได้หากเป็นบ้านชั้นเดียว
- ผนังบ้าน : หากต้องการปรับปรุงบ้านใหม่หรือสร้างบ้านใหม่ ควรใช้อิฐมวลเบาที่มีความหนา 10 เซนติเมตร สามารถป้องกันความร้อนได้ดี การสร้างบ้านด้วยอิฐมอญทั่วไปจะเก็บความร้อนไว้มาก อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยทำให้บ้านเย็นขึ้นได้คือการขึงสแลนบังแดดเพื่อกันความร้อน หรือใช้ระแนงไม้อีกชั้น เสริมผนัง 2 ชั้น ด้านใน หรือด้านนอก ถ้าทำด้านในความใส่ฉนวนที่ผนังด้วย
- ดาดฟ้า : หากที่บ้านเป็นอาคารพานิชย์และมีดาดฟ้า หากต้องการลดความร้อนจากแดดที่ส่องลงมา ควรทาสีบริเวณพื้นดาดฟ้า นอกจากจะช่วยป้องกันน้ำซึม อุดรอยรั่วแล้ว ยังช่วยป้องกันความร้อนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
- ปลูกต้นไม้บริเวณรอบบ้าน : การปลูกต้นไม้บริเวณรอบบ้าน ต้นไม้จะช่วยผลิตออกซิเจน ทำให้บ้านเย็นขึ้น สามารถเลือกเป็นต้นไม้อะไรก็ได้แต่ต้องศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของรากต้นไม้ และควรปลูกห่างจากตัวบ้าน ไว้บ้าง อย่างที่คนไทยนิยมปลูกก็จะมี ต้นมะม่วง ไม้ผลที่นิยมปลูกมากในประเทศไทย ให้ผลและให้ร่มเงา ควรดูจากทิศทางของตะวันขึ้น และตะวันตกให้ดี
- เพิ่มความเย็นสบายด้วยน้ำ : ติดสปริงเกอร์บนหลังคา ความเย็นของน้ำจะช่วยลดความร้อน ติดตั้งง่าย สะดวกประหยัดรวดเร็ว แต่ถ้ามีปั๊มน้ำ ปั๊มน้ำจะทำงานตลอดเวลา ทำให้เปลืองไฟ และหากบ้านมีรางน้ำ จะไม่เกิดปัญหาการกระเด็นของน้ำ แต่ถ้าไม่มีรางน้ำบริเวณหลังคา น้ำจะไหลลงมาโดนผนังบ้าน อาจทำให้เกิดความชื้นและเชื้อรา นอกจากนี้ยังสามารถทำน้ำพุ หรือเครื่องพ่นหมอก แต่จะดูแลยากกว่าเพราะอาจเกิดการอุดตันของท่อ และมีความชื้นในอากาศสูง อาจทำให้รู้สึกเหนียวตัว

7. เพิ่มตัวช่วยเสริมการป้องกันแดดสำหรับภายในบ้าน : ใช้ผ้าม่านกันแดด ผ้าม่านกัน UV จะช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านลงได้ โดยควรเลือกใช้ม่านสีอ่อนไม่เข้มมาก หากมีกระจกให้ติดฟิล์มกรองแสง
8. เพิ่มตัวช่วยเสริมการป้องกันแดดสำหรับภายนอกบ้าน : ติดตั้งกันสาดบริเวณประตูบ้านและบริเวณหน้าต่าง เพราะนอกจากจะช่วย ป้องกันความร้อนแล้ว ยังกันฝนได้อีกด้วย นอกจากนี้หลังคา สามารถสร้างเป็นแบบ ดับเบิ้ลรูฟ คือการทำหลังคา 2 ชั้น เพื่อช่วยลดความร้อนได้
9. ปรับการวางตำแหน่ง และปรับเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน : การตั้งเฟอร์นิเจอภายในบ้านควรดูทิศทางของลม ไม่ควรวางเฟอร์ชิ้นใหญ่ขวางทิศทางลม และการตกแต่งภายในบ้าน อาจเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์เป็นวัสดุหินหรือโลหะ ที่มีคุณสมบัติเย็น เคาท์เตอร์หิน กระเบื้องหิน เลือกใช้ไฟ LED แบบคูลไวท์ เพราะหลอด LED ไม่ได้ใช้ความร้อนในการสร้างพลังงาน ความร้อนน้อยกว่าหลอดแบบฟลูออเรสเซนท์ แถมประหยัดไฟกว่าอีกด้วย และโซฟาควรใช้เป็นโซฟาผ้า เพราะโซฟ้าหนังจะดูดความร้อน
นอกจากนี้ การระบายอากาศภายในบ้านอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้บ้านเย็นขึ้น เปิดพัดลมระบายอากาศ พัดลมดูดอากาศ เปิดประตูทิ้งไว้ และนำของตกแต่งที่ไม่จำเป็นออก
ภายในห้องนอนควรเปลี่ยนชุดผ้าปูที่นอนและผ้าห่ม เมื่อหน้าร้อนเข้ามาถึง ควรเลือกใช้ผ้าห่มหรือผ้าปูที่นอนเป็นวัสดุสังเคราะห์ โพลีเอสเตอร์ ผ้าปูที่นอนผ้าฝ้าย ผ้าลินิน เพื่อการนอนแบบสบายตัว
10. หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ที่ปล่อยความร้อน : ในวันที่มีอากาศร้อนควรหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ที่ก่อให้เกิดความร้อน เพราะจะยิ่งทำให้ภายในบ้านอบอ้าว ความร้อนจะสะสมอยู่เยอะ เช่น การใช้เตารีดผ้า เตาอบ ไดร์เป่าผม ไมโครเวฟ อาจหลีกเลี่ยงได้โดยการทำสลัดผักง่ายกินแทนการทำอาหารด้วยการอบ หรือเมื่อสระผมเสร็จให้เป่าผมด้วยไดร์เย็นแทนไดร์ร้อน
อย่างไรก็ตาม ควรดูแลตนเองอย่าให้ร่างกายขาดน้ำในหน้าร้อนนี้ เพราะภาวะขาดน้ำ ทำให้ร่างกายอุณภูมิสูงขึ้น และอาจช็อคถึงขั้นเสียชีวิตได้ เมื่อหน้าร้อนมาถึง ทุกคนต่างคิดแค่ว่าเปิดแอร์ก็จบ แต่จริงๆแล้วการเปิดแอร์เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ และทำให้แอร์ทำงานหนัก ส่งผลให้ค่าไฟแพง
เมื่อเรารู้วิธีทำให้บ้านเย็นลงแล้ว แก้ไขทีละจุด อุณหภูมิในบ้านก็ลดลงทำให้แอร์ไม่ทำงานหนักจนเกินไปและประหยัดไฟอีกด้วย
หากที่บ้านยังรกไม่ได้ทำความสะอาด หรือไม่มีเวลาทำความสะอาดสามารถ ใช้บริการแม่บ้านรายชั่วโมงของเราได้ที่ Bluuu แม่บ้านออนไลน์ เรามีบริการแม่บ้านในเขตกรุงเทพและปริมณฑล
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.

เลือกทรายแมวแบบไหนดี? ข้อดี-ข้อเสียของทรายแมวแต่ละประเภท
03 March 2025ชาวทาสแมวทั้งหลายที่ต้องดูแลและเอาใจใส่แมวหรือลูกรักของทุกคนอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน การขับถ่ายหรือความสะอาดของแมว สิ่งที่ต้องซื้อตลอดเมื่อคุณเลี้ยงแมว คงหนีไม่พ้น “ทรายแมว” เพราะการเข้าห้องน้ำของแมวเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก การเลือกทรายแมวต้องเหมาะสมกับการใช้ชีวิตและพฤติกรรมของแมวที่เราเลี้ยง ทรายจะมีหลายประเภทแต่ละแบบก็จะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป บทความนี้จะพาทุกคนไปดูแต่ละประเภทของทรายแมวว่าแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
1. ทรายแมวเบนโทไนต์
ทรายแมวแบบเบนโทไนต์จะมีคุณสมบัติทำจากแร่เบนโทไนต์ที่เกิดจากการทับถมของเถ้าภูเขาไฟ มีความสามารถในการดูดซับของเหลวได้ดีและจับตัวเป็นก้อนได้ เมื่อแมวปัสสาวะลงไปบนทรายก็จะทำให้บริเวณที่เปียกจับตัวเป็นก้อนทันทีไม่เปียกแฉะ ทรายแมวเบนโทไนต์มีข้อดีข้อเสียดังนี้
ข้อดี
✅ จับตัวเป็นก้อนไว ตักทรายแมวออกได้สะดวกและทำความสะอาดได้ง่าย
✅ ดูดซับกลิ่นได้ดี ระงับกลิ่นแอมโมเนียในปัสสาวะ
✅ ราคาถูกและปริมาณเยอะ
ข้อเสีย
❌ ทรายแมวจะมีฝุ่นฟุ้งกระจายได้ง่าย อาจเป็นอันตรายต่อแมวได้ในระยะยาว
❌ ทรายมีขนาดเล็กอาจจะติดเท้าแมวและเลอะเทอะ
❌ บางรุ่นไม่เหมาะสำหรับการทิ้งลงชักโครกหรือทิ้งลงน้ำ

2. ทรายแมวคริสตัล
ทรายแมวที่มีลักษณะเป็นเม็ดทรายขนาดเล็กสีใสเหมือนคริสตัล น้ำหนักเบา ตัวทรายทำมาจากสารเคมีที่เป็นซิลิก้าเจล ที่สามารถช่วยดูดซับของเหลวได้ค่อยข้างดีมากพอสมควรและยังนำกลับมาใช้งานได้ซ้ำเพียงแค่ทำความสะอาดทราย ทรายแมวคริสตัลมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง
ข้อดี
✅ ดูดซับของเหลวได้ในทันที
✅ ไม่มีฝุ่นแน่นอน
✅ ไม่จับตัวเป็นก้อน ของเหลวจะแห้งซึมไปในทรายเลย
✅ สามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดงบ
ข้อเสีย
❌ ราคาค่อนข้างแพง
❌ ทรายสามารถติดตามขนของแมวได้
❌ ไม่เหมาะสำหรับอึแมวเพราะไม่สามารถจับตัวก้อนอึได้

3. ทรายแมวเต้าหู้
ทรายแมวยอดนิยมที่คนรักแมวนิยมใช้กันมากที่สุด จะมีทั้งแบบเกล็ดและแบบแท่ง ผลิตมาจากส่วนผสมธรรมชาติ 100% เช่น ถั่วลันเตา ถั่วเหลือง เป็นต้น มีคุณสมบัติจับตัวเป็นก้อนได้ดี เก็บกลิ่นดี ไม่เป็นอันตรายและปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งทรายแมวเต้าหู้มีข้อดีข้อเสียดังนี้
ข้อดี
✅ จับตัวเป็นก้อนได้เร็ว ปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยง
✅ ฝุ่นน้อยไม่ค่อยมีฝุ่นฟุ้งกระจาย
✅ เก็บกลิ่นได้ดีมาก หลายยี่ห้อมีผสมกลิ่นหอมเข้าไป เช่น กลิ่นเมลอน กลิ่นชาเขียว เป็นต้น
✅ สามารถทิ้งลงชักโครกได้ไม่อุดตันท่อน้ำ
ข้อเสีย
❌ ราคาแพงมากกว่าชนิดอื่น
❌ บางยี่ห้ออาจจะเก็บกลิ่นของเสียได้ไม่ดีพอ
❌ มีโอกาสขึ้นราได้ง่ายหากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง

4. ทรายแมวไม้สน
เป็นทรายแมวที่ผลิตจากไม้สนธรรมชาติ 100% ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี ในรูปแบบการอัดเป็นแท่งไม้ขนาดเล็ก ปลอดภัยกับแมวแน่นอนเมื่อทรายแมวไม้สนโดนของเหลวก็จะแตกตัวเป็นผง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาก
ข้อดี
✅ สามารถนำทรายแมวทิ้งในชักโครกได้
✅ ไม่ค่อยมีฝุ่นปลอดภัยกับแมว
✅ ราคาประหยัด
ข้อเสีย
❌ ต้องใช้กระบะทรายแมว 2 ชั้นหรือแบบที่มีตะแกรงเพื่อร่อนทรายแมวที่แตกตัวเป็นผงออก
❌ ไม่จับตัวเป็นก้อน ต้องหมั่นทำความสะอาดบ่อยครั้ง
❌ การดูดซับกลิ่นบางยี่ห้ออาจจะดูดซับกลิ่นได้ไม่ค่อยดีมากนัก

การเลือกทรายแมวให้เหมาะสมกับแมว ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยทั้งตัวผู้เลี้ยงและพฤติกรรมของแมวไม่ว่าเรื่องความสะอาด ราคา และสุขภาพของแมว แนะนำผู้เลี้ยงควรเลือกทรายแมวที่เป็นออแกนิค ผลิตจากธรรมชาติ มีฝุ่นน้อยและสามารถช่วยเก็บกลิ่นได้ดี เพื่อสุขภาพของแมวและความสะดวกในการใช้งานของผู้เลี้ยงเองด้วย แต่ก็อย่าลืมว่าแมวแต่ละตัวมีนิสัยและพฤติกรรมที่แตกต่างกันทางที่ดีควรศึกษาและเลือกทรายแมวให้เหมาะสมกับแมวมากที่สุดนั่นเอง 🐱
🧽 สำหรับใครที่ต้องการแม่บ้านรายวัน รายสัปดาห์ แม่บ้านมืออาชีพ จ้างทำความสะอาดแบบรายชั่วโมง สามารถจอง แม่บ้าน Bluuu ได้ตลอดเวลา จองง่าย ราคาเริ่มต้น 500 บาท รับรองบ้านสะอาดแน่นอน 🏡✨
ผู้เขียน
Nannicha P.

ปวดเท้าบ่อย เป็นโรครองช้ำหรือไม่ รีบเช็คก่อนเป็นเรื้อรัง
01 March 2025โรครองช้ำ เป็นอีกหนึ่งโรคที่แม่บ้านหลายๆคนเคยได้ยิน และบางคนอาจยังไม่รู้ตัวว่ากำลังเป็นโรครองช้ำอยู่ หากใครที่เคยเป็นโรครองช้ำคงรู้ถึงอาการดีว่าจะมีอาการปวดที่ส้นเท้า ปวดเท้าเวลาเดิน ซึ่งอาการปวดที่ส้นเท้าจะปวดมากกว่าปกติ รู้สึกปวดจนระบมเลยก็มีค่ะ แล้วโรครองช้ำมีการรักษาอาการปวดให้ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง บทความนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำค่ะ
รองช้ำ คือ อาการที่เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ เป็นการอักเสบเรื้อรังของผังผืดใต้เท้า หรือการฉีกขาดของเส้นเอ็นใต้ฝ่าเท้า ซึ่งเอ็นใต้ฝ่าเท้านี้จะทำหน้าที่รองรับน้ำหนักตัวและกระจายแรงของน้ำหนักตัวขณะที่เราเดินหรือวิ่งนั่นเอง หากมีการรับน้ำหนักมากเกินไป เป็นเวลานานซ้ำๆ จะทำให้เกิดอาการอักเสบ และเกิดการปวดเท้าตามมาซึ่งบางคนมีอาการปวดแบบเรื้อรัง
อาการของโรครองช้ำ
- มีการปวดใต้ฝ่าเท้าตั้งแต่ฝ่าเท้าตรงกลางถึงส้นเท้า ซึ่งเป็นแนวของผังผืดที่อักเสบนั่นเอง
- มีอาการปวดร้อนวูบวาบที่ส้นเท้า เหมือนมีของร้อนมาโดนเป็นพักๆ
- มีอาการเจ็บจี้ด หรือเจ็บแปล๊บตรงบริเวณส้นเท้าขึ้นมาถึงข้อเท้า แม้เป็นเวลาที่นั่งหรือนอนอยู่เฉยๆนั่นเอง
- มีความรู้สึกเหมือนโดนของแหลมแทงบริเวณใต้ฝ่าเท้าหรือส้นเท้า

สาเหตุของอาการปวดรองช้ำ
สาเหตุ ของอาการปวดส้นเท้าจนถึงขั้นเรื้อรังนั้น ปัจจุบันอาจยังไม่สามารถหาสาเหตุได้โดยตรง แต่หนึ่งในสาเหตุที่อาจเป็นไปได้คือ การที่เท้ารับน้ำหนักมากเกินไป หรืออาจจะเกิดจากปัจจัยเสี่ยงได้ดังนี้
- ผู้ที่มีอายุมาก 40-60 ปี มักเป็นโรครองช้ำและพบเจอได้บ่อย
- คนที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ MBI เพราะจะทำให้ผังผืดที่เท้ารับแรงกดทับมากขึ้น เมื่อมีน้ำหนักตัวที่มาก การเดินหรือยืนต้องใช้เท้าในการรับน้ำหนักนั่นเอง
- คนที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่ง หรือเต้น เพราะกิจกรรมออกกำลังกายประเภทนี้ต้องลงน้ำหนักที่เท้าอย่างต่อเนื่อง เป็นพฤติกรรมที่ทำซ้ำๆหรือทำเป็นประจำ อาจก่อให้เกิดโรครองช้ำตามมา
- ผู้ที่มีภาวะเท้าแบนหรืออุ้งเท้าสูงกว่าปกติ : ทำให้รูปแบบการเดินผิดปกติ ส่งผลให้เป็นโรครองช้ำได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
- ใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม กับกิจกรรมที่ทำ และใส่เป็นเวลานานเกินไป เช่น รองเท้าที่แข็งเกินไป การใส่ส้นสูง
สาเหตุ ของอาการปวดส้นเท้าจนถึงขั้นเรื้อรังนั้น ปัจจุบันอาจยังไม่สามารถหาสาเหตุได้โดยตรง แต่หนึ่งในสาเหตุที่อาจเป็นไปได้คือ การที่เท้ารับน้ำหนักมากเกินไป หรืออาจจะเกิดจากปัจจัยเสี่ยงได้ดังนี้
- ผู้ที่มีอายุมาก 40-60 ปี มักเป็นโรครองช้ำและพบเจอได้บ่อย
- คนที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ MBI เพราะจะทำให้ผังผืดที่เท้ารับแรงกดทับมากขึ้น เมื่อมีน้ำหนักตัวที่มาก การเดินหรือยืนต้องใช้เท้าในการรับน้ำหนักนั่นเอง
- คนที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่ง หรือเต้น เพราะกิจกรรมออกกำลังกายประเภทนี้ต้องลงน้ำหนักที่เท้าอย่างต่อเนื่อง เป็นพฤติกรรมที่ทำซ้ำๆหรือทำเป็นประจำ อาจก่อให้เกิดโรครองช้ำตามมา
- ผู้ที่มีภาวะเท้าแบนหรืออุ้งเท้าสูงกว่าปกติ : ทำให้รูปแบบการเดินผิดปกติ ส่งผลให้เป็นโรครองช้ำได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
- ใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม กับกิจกรรมที่ทำ และใส่เป็นเวลานานเกินไป เช่น รองเท้าที่แข็งเกินไป การใส่ส้นสูง
6. การเดินหรือยืนนานๆ : การยืนบน BTS ทุกวัน นานเป็นชั่วโมง หรือการเดินระยะไกล อาจส่งผลให้ปวดฝ่าเท้า เจ็บบริเวณส้นเท้าได้ และหากต้องทำสิ่งนี้เป็นกิจวัตร แน่นอนว่าคุณอาจเป็นโรครองช้ำค่ะ
วิธีบรรเทาอาการปวดรองช้ำเบื้องต้น
- แช่เท้าในน้ำอุ่น โดยใส่น้ำให้ท่วมถึงข้อเท้า หากมีอาการปวดเยอะให้แช่เท้าในน้ำอุ่น เช้า-เย็น เป็นเวลา 15-20 นาที
- ทายาบรรเทาอาการปวดชนิดครีมหรือเจล เช่น ไดโคลฟลีแน็ก เป็นยาแก้ปวดเฉพาะที่ สามารถปรึกษาเรื่องการใช้ยาทาได้จากร้านขายยาใกล้บ้าน
- ออกกำลังกายโดยการยืดเส้น : ยืดฝ่าเท้า ดึงฝ่าเท้าขึ้นเหยียดออกให้ตึงพอแต่ไม่ให้มีอาการเจ็บ ทำอย่างช้าๆนุ่มนวล ไม่ออกแรงมากเกินไป
- ทานยาแก้ปวด : หากมีอาการปวดมากๆ สามารถทานยาแก้ปวดได้ หากเป็นยาแก้ปวดที่นอกเหนือจากพาราเซตามอลนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนทาน
นอกเหนือจากนี้การรักษาโรครองช้ำ สามารถรักษาได้โดยการฉีดยาสเตียรอยด์ ทำกายภาพบำบัด และรักษาด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ด้วยคลื่นช็อคเวฟ เหมาะกับผู้ที่มีอาการเรื้อรัง ที่รักษาด้วยวิธีอื่นๆไม่ได้ผล ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพราะสภาพร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน
วิธีป้องกัน ทำยังไงไม่ให้เกิดอาการร้องช้ำขึ้นอีก
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การออกกำลังกาย และกิจวัตรประจำวันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก : หยุดการเดินหรือยืนเป็นเวลานานๆ หรือหยุดออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงเท้าเยอะเกินไป
- หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่า : การไม่ใส่รองเท้าทำให้เท้าสัมผัสกับพื้นโดยตรงไม่มีรองเท้าคอยซับแรง อาจทำให้ปวดเท้าหรือเจ็บเท้าได้
- เลือกรองเท้าที่เหมาะสม เป็นรองเท้าที่ส้นนุ่ม สวมใส่สบาย เลือกที่มีคุณภาพเหมาะสำหรับสรีระของเท้าและอุ้งเท้า หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าที่ไม่ได้มาตรฐานหรือฉีกขาด
- ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม : น้ำหนักตัวที่มากขึ้นหรือเกินค่า MBI อาจทำให้เท้ารับน้ำหนักตัวมากเกินไป ส่งผลกระทบให้ผังผืดใต้เท้าอักเสบได้
โรครองชำไม่ได้อันตรายมากนัก แต่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน เพราะอาการปวดที่เป็นๆหายๆนี้นั่นเอง หากเราใช้ชีวิตประจำวันเหมือนเดิม ไม่ยอมปรับเปลี่ยนก็ยิ่งทำให้โรคทวีความรุนแรงขึ้น และทำให้เป็นเรื้อรังรักษาหายยากนั่นเอง
การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างใฝ่ฝัน เมื่อมีสุขภาพกายที่แข็งแรงแล้วสุขภาพจิตก็สำคัญเช่นกัน นอกจากนี้บ้านและที่อยู่อาศัยเป็นสิ่งแรกๆที่จะทำให้เรามีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่แข็งแรง อย่าลืมหันมาดูแลบ้านให้สะอาดอยู่เสมอนะคะ
หากคุณไม่มีเวลาทำความสะอาดบ้าน สามารถเลือกจองแม่บ้านออนไลน์ให้เข้ามาทำความสะอาดบ้านของคุณได้ จองง่าย ราคาประหยัด แม่บ้านคุณภาพดี ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Bluuu แม่บ้านออนไลน์
เกี่ยวกับผู้เขียน
Uthaiwan B.

อัปเดต 7 ตลาดนัดกลางคืนใกล้รถไฟฟ้า เดินทางง่าย ช้อปเพลินไม่มีสะดุด!
27 February 2025ทำไมตลาดนัดกลางคืนถึงเป็นที่นิยม?
ตลาดนัดกลางคืนเป็นสถานที่ที่รวมเอา แหล่งช้อปปิ้ง อาหารอร่อย และ บรรยากาศสุดชิล มาไว้ด้วยกัน นอกจากจะมีของกิน ของใช้ และของฝากมากมายแล้ว ตลาดนัดกลางคืนยังเป็นที่ที่หลายคนมาพักผ่อนและสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนแบบสบาย ๆ โดยเฉพาะตลาดนัดกลางคืนที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า เดินทางง่าย สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องกลัวรถติด
หากคุณเป็นคนที่ ชอบเที่ยวตลาดกลางคืน วันนี้เรารวมมาให้แล้ว! 7 ตลาดนัดกลางคืนยอดฮิตที่อัปเดตล่าสุดปี 2025 ใกล้รถไฟฟ้า เดินชิล กินเพลิน ช้อปสนุก ครบทุกไลฟ์สไตล์!
1. ตลาดนัดจตุจักรกลางคืน - สวรรค์ของนักช้อปตัวจริง
📍 BTS หมอชิต | MRT กำแพงเพชร
🕒 วันและเวลาเปิด: วันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 17.00 - 23.00 น.

หากพูดถึงตลาดนัดกลางคืน ตลาดนัดจตุจักรเป็นจุดหมายปลายทางของนักช้อปที่ต้องมาเยือน ที่นี่รวมร้านค้ากว่า 8,000 ร้าน ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้าแฟชั่น, ของแต่งบ้าน, งานแฮนด์เมด และสินค้าหายาก เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวและคนไทยที่ชอบของดีราคาถูก
จุดเด่น: โซนวินเทจ สินค้าแฟชั่นแบรนด์ไทย อาหารสตรีทฟู้ด
ร้านเด็ดห้ามพลาด: ร้าน ราชาปลาหมึก Miruku Pure Milk (ร้านขายนมสดปั่นแท้ ๆ สไตล์ญี่ปุ่น)
2. JODD FAIRS พระราม 9 - ครบเครื่องเรื่องสตรีทฟู้ด
📍 MRT พระราม 9
🕒 วันและเวลาเปิด: ทุกวัน 16.00 - 24.00 น.

JODD FAIRS คือการกลับมาของตลาดนัดรถไฟรัชดาในรูปแบบใหม่! จุดเด่นของตลาดนี้คือ บรรยากาศย้อนยุคสุดชิค ร้านอาหารแนวสตรีทฟู้ด และเสื้อผ้าแฟชั่นในราคาย่อมเยา มีทั้งร้านของที่ระลึก ขายของฝาก ที่สำคัญคือเดินทางง่าย ใกล้เซ็นทรัลพระราม 9 เป็นตลาดนัดกลางคืนอีกที่ที่ครองใจวัยรุ่นและวันทำงานอย่างล้นหลาม
จุดเด่น: หมูสะเต๊ะ, มันฝรั่งทอดไซส์ยักษ์ และคาเฟ่บรรยากาศดี
ร้านเด็ดห้ามพลาด: กุ้ง กรุงเทพ (KUNG THEP) Xin Xin Mala Hotpot (ซิน ซิน หมาล่า) เล้งแซ่บ (LENGZABB)
3. ตลาดนัดกลางคืนอินดี้ ดาวคะนอง - ที่แฮงค์เอาท์ของวัยรุ่นฝั่งธนฯ
📍 BTS ตลาดพลู (ต่อรถเพียง 5 นาที)
🕒 วันและเวลาเปิด: ทุกวัน 16.00 - 24.00 น.

ตลาดอินดี้ ดาวคะนอง เป็นตลาดนัดกลางคืนขนาดกลางที่มีทั้งร้านอาหารแนวฟิวชั่น, บาร์นั่งชิล และสินค้าทำมือหลากหลาย ถือเป็นจุดรวมตัวของวัยรุ่นฝั่งธนฯ ที่ต้องการหาที่เที่ยวกลางคืนแบบชิล ๆ
จุดเด่น: ร้านสเต็กพรีเมียม คาเฟ่สไตล์มินิมอล และบรรยากาศริมคลองสุดโรแมนติก
ร้านเด็ดห้ามพลาด: 3 แซ่บ ยำมะม่วงปูม้า ตลาดอินดี้ ดาวคะนองร้านผัดไทนครสวรรค์ (เจ้นิ้งหน่อง)
4. ตลาดนัดเลียบด่วน รามอินทรา - ใหญ่สุดในย่านนี้!
📍 BTS วัชรพล
🕒 วันและเวลาเปิด: ทุกวัน 17.00 - 02.00 น.

ตลาดนัดกลางคืนขนาดใหญ่ที่เปิดดึกเอาใจสายเที่ยว มีทั้งร้านขายเสื้อผ้า, ของแต่งบ้าน และอาหารอร่อย จุดเด่นคือร้านอาหารทะเลเผาสด ๆ และพื้นที่นั่งชิลฟังดนตรี
จุดเด่น: กุ้งเผาตัวโต, ซีฟู้ดสด ๆ และร้านเสื้อผ้าสไตล์วินเทจ
ร้านเด็ดห้ามพลาด: ร้านกุ้งถัง ร้านปูไข่นคร ปูทะเลไข่ดอง เย็นตาโฟฟ้าผ่า
5. ตลาดนัดกลางคืน JJ Green 2 - ความชิคแบบฮิปสเตอร์
📍 BTS หมอชิต / MRT สวนจตุจักร
🕒 วันและเวลาเปิด: วันพฤหัส-อาทิตย์ 17.00 - 24.00 น.

ตลาดนัดกลางคืน JJ Green 2 กลับมาในทำเลใหม่! แถวประชาชื่น เลียบคลองประปา ยังคงความเป็นตลาดแนวฮิป ๆ ที่เต็มไปด้วยสินค้าแนววินเทจ เสื้อผ้ามือสอง และบาร์สไตล์ดนตรีสด
จุดเด่น: เสื้อยืดลายวินเทจ, รองเท้า Sneaker มือสอง และร้านนั่งชิล
ร้านเด็ดห้ามพลาด: บาร์ขนมจีน กุ้งยกกระทะ
6. ตลาด The One Ratchada - เปิดใหม่ มาแรงสุด!
📍 MRT ศูนย์วัฒนธรรม
🕒 วันและเวลาเปิด: ทุกวัน 17.00 - 24.00 น.

ตลาดใหม่ล่าสุดที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักช้อป มีทั้งร้านแฟชั่น คาเฟ่สุดคิ้วท์ และดนตรีสด บรรยากาศคล้ายตลาดรถไฟรัชดาเดิม
จุดเด่น: ร้านขนมไทยโมเดิร์น, บาร์ลับสไตล์เกาหลี และโซนเสื้อผ้าแฟชั่น
ร้านเด็ดห้ามพลาด: ร้านนมไมโล โรงเรียน (Milo Old School 90's) Fu Cheng ฟู่เฉิงข้าวโพดไฟลุก
7. ตลาดเซฟวัน โก - ตลาดสุดชิคแห่งใหม่ของสายชิลล์
📍 BTS แยก คปอ.
🕒 เปิด: ทุกวัน 16.00 - 23.00 น.

ตลาดนัดเซฟวัน โก เป็นตลาดน้องใหม่ที่กำลังมาแรง คนแน่นเกือบทุกวัน โดดเด่นด้วย อาหารที่ราคาไม่แพง คอนเซ็ปต์สตรีทมาร์เก็ตสไตล์โมเดิร์น รวมร้านค้าแฟชั่นสุดชิค อาหารสตรีทฟู้ดอร่อย ๆ และโซนนั่งชิลบรรยากาศดี
จุดเด่น: โซนร้านคาเฟ่สไตล์มินิมอล, อาหารทะเลเผาสด ๆ และร้านเสื้อผ้าแฟชั่นแนวสตรีท
ร้านเด็ดห้ามพลาด: Steak ไฟลุก พาสต้าเส้นสด by Pob MasterChef รุ่งเจริญทรัพย์ หมึก สด ย่าง
ถ้าคุณกำลังมองหาตลาดนัดกลางคืนที่เดินทางง่าย ใกล้รถไฟฟ้า บทความนี้ช่วยให้คุณเลือกตลาดที่ตรงใจได้แน่นอน! จะช้อปปิ้ง อิ่มอร่อย หรือหาที่นั่งชิล ก็มีครบทุกสไตล์ 💃🛍️ อย่าลืมเซฟลิสต์นี้ไว้ แล้วออกไปเที่ยวตลาดกลางคืนกันเถอะ! หลังจากเดินตลาดนัดกลางคืนมาเหนื่อยๆ ถ้าไม่อยากทำความสะอาดบ้านเอง อย่าลืมคิดถึงแม่บ้านออนไลน์ Bluuu จ้างแม่บ้านให้ไปดูแลบ้านของคุณด้วยแม่บ้านมืออาชีพในราคาสุดประหยัด กดจอง ได้ง่ายๆเลย!
เกี่ยวกับผู้เขียน
Thossaporn K.

5 ห้องน้ำแมวอัตโนมัติยอดนิยม ยี่ห้อไหนเหมาะกับคุณ ?
24 February 2025ห้องน้ำแมวเป็นสิ่งสำคัญที่คนรักแมวต้องพิจารณาและตั้งใจเลือกเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทั้งเจ้าของและน้องแมว ซึ่งในยุคนี้มีห้องน้ำแมวให้เลือกหลายรูปแบบแต่หลักๆ จะมีห้องน้ำแมวอัตโนมัติและห้องน้ำแมวธรรมดา แต่ละแบบก็จะมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป สำหรับใครที่ต้องการความสะดวกสบายให้น้องแมวมากนัก ห้องน้ำอัตโนมัติแมวก็เป็นอีกตัวเลือกที่จะช่วยจัดการปัญหาห้องน้ำแมวให้เจ้าของได้มากขึ้น วันนี้จะมาแนะนำห้องน้ำแมวอัตโนมัติที่ถูกใจทั้งเจ้าของและน้องแมวอย่างแน่นอน
✅ Neakasa M1 2024 ห้องน้ำแมวอัตโนมัติ
ห้องน้ำแมวอัตโนมัติแบบเปิดโล่งด้านบน สามารถใส่ทรายแมวได้มากสุดถึง 7.17 ลิตร มีพื้นที่ในการเก็บของเสียจากน้องแมวได้ 11.23 ลิตร ซึ่งคุ้มค่ามากๆ สามารถใช้ได้เฉพาะทรายแมวแบบทรายเบนโทไนท์เท่านั้น ไม่แนะนำให้ใช้กับทรายเต้าหู้ ห้องน้ำมีขนาดค่อนข้างสูงอาจจะไม่เหมาะสำหรับแมวขาสั้นหรือลูกแมวตัวเล็ก มีแอปพลิเคชันสำหรับติดตามผลการทำงานของห้องน้ำแบบเรียลไทม์ มีระบบการทำความสะอาดห้องน้ำแบบมอเตอร์หมุนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า กระบะทรายแมวด้านในสามารถถอดประกอบนำออกมาล้างทำความสะอาดได้ง่าย ราคาเริ่มต้นที่ 11,990 บาท

✅ Mister Robot x UBPet ห้องน้ำแมวอัตโนมัติ รุ่น C20
ออกแบบมาเพื่อรองรับแมวที่มีขนาดใหญ่ รองรับน้ำหนักน้องแมวตั้งแต่ 1.5-10 กิโลกรัมและสามารถเข้าห้องน้ำได้พร้อมกันถึง 𝟐 ตัว มีความปลอดภัยสูงด้วยเซนเซอร์ที่มีความแม่นยำสูงมากถึง 𝟗 จุด ไม่มีช่องแคบให้หนีบแมวแน่นอน สามารถใส่ทรายแมวได้ทุกประเภทที่สามารถจับตัวเป็นก้อนได้ มีความจุทรายแมวได้ไม่เกิน 3 ลิตร ตัวห้องน้ำอัตโนมัติรุ่นนี้ไม่สูงมากแมวสามารถเดินเข้าออกได้ง่าย มีแอปพลิเคชันตรวจเช็คสุขภาพน้องแมวและการใช้งานห้องน้ำของแมวแบบเรียลไทม์ สามารถตั้งเวลาทำความสะอาดห้องน้ำด้วยตัวเองได้ มีระบบการทำงานที่เงียบและเสียงเบามากเพียง 38 DB เท่านั้น ราคาเริ่มต้น 7,790 บาท ถูกใจทั้งคนเลี้ยงและน้องแมวอย่างแน่นอน

✅ PANDO X Petree Automatic Cat litter box Pro Wifi รุ่น 1
รุ่นนี้ดีไซน์มาโดยเน้นที่ความปลอดภัยและการใช้งานที่ตอบโจทย์แมวมากๆ รองรับน้ำหนักแมวขนาดเล็กตั้งแต่ 1.5-8 กิโลกรัม ออกแบบทางเข้าให้แมวเข้าออกได้ง่ายด้วยความสูงจากพื้นเพียง 17 เซนติเมตรเท่านั้น สามารถใช้ได้กับทรายแมวชนิดจับตัวเป็นก้อนกลมเล็ก เช่น ทรายแมวเบนโทไนท์ หรือทรายชนิดเกล็ดเล็ก เหมาะสำหรับแมวที่มีอายุมากกว่า 3 เดือนขึ้นไป รับความจุทรายแมวได้สูงสุด 4 ลิตร สามารถเชื่อมต่อ WIFI สั่งงานหรือตรวจสอบการใช้งานน้องแมวผ่านแอปพลิเคชันได้จากทุกที่ เครื่องทำงานได้เงียบด้วยความดังเพียง 40-60 DB ความปลอดภัยสูงด้วยเซนเซอร์ 4 จุดป้องกันแมวติดภายในห้องน้ำ มีระบบแจ้งเตือนเมื่อขยะเต็มถุง ความจุของตัวห้องน้ำอัตโนมัติแมวเก็บได้นาน 4 วัน ถอดประกอบทำความสะอาดได้ง่าย ราคาเริ่มต้น 7,699 บาท ราคาจับต้องได้ง่ายเลย

✅ PETKIT Pura-MAX LITE (2) ห้องน้ำแมวอัตโนมัติ
ห้องน้ำอัตโนมัติแมวที่เป็นรุ่นยอดนิยมอย่างมาก ตัวเครื่องออกแบบมาเน้นความปลอดภัยด้วยระบบเซนเซอร์มากถึง 13 จุด รับรองไม่หนีบน้องแมวไม่ว่าเครื่องจะทำงานอยู่หรือไม่ทางเข้าออกก็จะเปิดไว้อยู่เสมอ ทำให้น้องแมวปลอดภัยหายห่วง มีระบบช่วยป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ 3 ชั้นเก็บกลิ่นได้ดี สามารถจุทรายแมวได้สูงสุด 6 ลิตร มีถังเก็บของเสียมากถึง 7 ลิตรอยู่ได้นาน 15 วัน รุ่นนี้จะเหมาะสำหรับแมวที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไป ระบบการทำงานของเครื่องค่อนข้างเงียบเสียงเบาถึง 35 DB. สามารถตั้งค่าและตรวจสอบการใช้งานต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชันได้สะดวกสบาย ทรายที่ใช้ได้ควรเป็นทรายที่จับตัวเป็นก้อน ราคาเริ่มต้น 9,200 บาท คุ้มค่าสุดๆ

ห้องน้ำแมวอัตโนมัติเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับชาวทาสแมวที่รักความสะอาดและต้องการความสะดวกสบาย ซึ่งห้องน้ำแมวอัตโนมัตินั้นมีข้อดีมากมายไม่ว่าจะเป็น เรื่องความสะอาด ประหยัดเวลา ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่ก็มีข้อเสียที่ผู้ซื้อต้องพิจารณาให้ดี เช่น ราคาสูง การใช้ไฟฟ้า ความปลอดภัย เป็นต้น ซึ่งไม่ว่าจะยังไงก็ต้องทำความสะอาดบริเวณที่เลี้ยงแมวทุกวัน โดยเฉพาะการดูดฝุ่นและถูพื้นในห้องแมว เป็นสิ่งที่ควรทำสม่ำเสมอ การเลือกซื้อห้องน้ำแมวอัตโนมัติควรพิจารณาปัจจัยหลายๆ อย่างเพื่อความคุ้มค่าสำหรับทั้งเจ้าของและเจ้าเหมียวให้มากที่สุดนั่นเอง 😺✨
สำหรับใครที่สนใจอยากให้แม่บ้านBluuu ไปช่วยถูพื้นทำความสะอาดภายในบ้าน แม่บ้าน Bluuu จัดให้ แม่บ้านมืออาชีพ ราคาดี จองง่าย บริการประทับใจแน่นอน
ผู้เขียน
Nannicha P.